18 ก.พ. 2023 เวลา 08:57 • กีฬา

ถ้าอยากเป็นผู้เล่นอาชีพ ได้เงินเดือนแพงๆ แต่ฝีเท้าไม่ถึง ก็ปลอมประวัติซะเลยสิ

วิธีของคนทั่วไป คือยอมรับความจริงแล้วเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่น เตะบอลเป็นงานอดิเรกพอ หรืออาจจะลดความคาดหวังแล้วไปเล่นบอลนอกลีก หรือบอลเดินสายก็ว่ากันไป
1
อย่างไรก็ตาม เกรกอร์ อัคเซลร็อด นักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส มีวิธีที่แปลกกว่านั้น นั่นก็คือ "สร้างตัวตนปลอม" เพื่อหลอกสโมสรซะเลยสิ
เกรกอร์ อัคเซลร็อด เป็นนักเตะชาวฝรั่งเศส เกิดที่กรุงปารีส เขามีความฝันเหมือนเด็กหลายๆ คน ที่อยากเป็นผู้เล่นอาชีพให้ได้สักครั้ง
ตอนเกรกอร์ อายุ 10 ขวบ เขาไปแข่งฟุตบอลเยาวชน โดยคุณพ่อก็ไปดูด้วย ปรากฎว่าเกมนั้น ทีมของเกรกอร์แพ้ยับ 4-0 จบเกมพ่อบอกว่า "ลูกเล่นได้แย่จริงๆ ไม่ขยันวิ่งเลย พ่อว่าลูกอย่าเอาจริงเอาจังกับฟุตบอลเลยดีกว่า"
1
จากนั้นมา ช่วง 10 ถึง 18 ปี พ่อก็ไม่ให้เกรกอร์ไปเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังอีกเลย เพราะเขามีทักษะไม่ถึงจริงๆ คือมีแต่เล่นขำๆ เท่านั้น ไม่ได้เข้าสู่ระบบอาชีพแต่อย่างใด
คือในโลกยุคปัจจุบัน เด็กๆ จะเริ่มเข้าสู่อะคาเดมี่ของทีมฟุตบอลตั้งแต่ 10 ขวบนั่นแหละ ถ้าหากอายุ 18 ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบสโมสรล่ะก็ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะกลายเป็นนักเตะอาชีพในอนาคต
แต่เกรกอร์ ก็ยังมีความหวังลึกๆ อยู่ ว่าเขาอาจจะเอาดีเป็นนักบอลได้ จุดสำคัญที่สุดคือเขาอยากทำให้พ่อได้เห็นว่า ถ้าเขาเอาจริงๆ ก็เป็นนักบอลอาชีพได้เหมือนกันล่ะ
2
แต่ประเด็นของเรื่องนี้คือเขาคิดว่าตัวเองพอเล่นได้ ฝีเท้าไม่ได้แย่ แต่เพราะไม่เคยมีประวัติใดๆ ในการเล่นบอลเยาวชนมาก่อน สโมสรในฝรั่งเศสเลยไม่พิจารณาให้โอกาสเขาแม้แต่จะคัดตัว
แล้วแบบนี้จะทำยังไงดี? เกรกอร์ก็เลยปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า ในโลกฟุตบอลเดี๋ยวนี้ ประเทศต่างๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นใคร ดังนั้นถ้าเขาแอบมั่ว ไปคัดตัวกับสโมสรในลีกรองๆ ของต่างประเทศ ก็อาจจะฟลุ้กได้สัญญาอาชีพก็ได้
แต่การไปทดสอบฝีเท้า (Trial) กับทีมต่างๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คุณต้องมีตัวตน มีหลักฐานยืนยันว่า เป็นผู้เล่นมีสังกัดมาก่อน ทีมส่วนใหญ่จึงจะให้อนุญาตมาคัดตัวได้ ซึ่งเกรกอร์เป็นพวกไร้ตัวตน เขาไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆ ในวงการฟุตบอลมาก่อน
สิ่งแรกที่เกรกอร์ทำคือ คือเปิดเว็บไซต์ขึ้นมา แล้ว "สร้างประวัติปลอม" ของตัวเองลงไปในเว็บนั้น โดยอ้างว่าเขาคือผู้เล่นจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง
2
เกรกอร์ ก๊อปปี้ผลการแข่งขันของเปแอสเชชุดสำรอง จากหนังสือพิมพ์เลกิ๊ป แล้วตัดเอาชื่อนักเตะ 1 คน ออกจากไลน์อัพ 11 ตัวจริง แล้วเปลี่ยนเอาชื่อเขาไปแทน จากนั้นก็อัพโหลดผลการแข่งของเปแอสเชสำรอง ขึ้นหน้าเว็บไซต์ตัวเอง ทำให้คนอื่นเข้าใจว่า เขายังลงเล่นอยู่สม่ำเสมอกับทีมเยาวชนเปแอสเช
เหตุการณ์ ณ เวลานั้น คือปี 2003 เปแอสเช ยังไม่ได้เป็นมหาอำนาจลูกหนังโลกขนาดนี้ ส่วนอินเตอร์เน็ตก็ยังไม่แพร่หลาย การตรวจสอบข้อมูลทำได้ยากมาก เมื่อเกรกอร์ อัคเซลร็อด มีเว็บไซต์ มีข้อมูลปลอม แล้วมีรูปเขาใส่เสื้อเปแอสเชถ่ายที่สนาม จึงพอจะหลอกคนได้ ว่าเป็นนักเตะทีมสำรองของเปแอสเชจริงๆ
3
แต่แค่นั้นก็ยังไม่พอ เกรกอร์ทำให้การโกหกของเขาสมบูรณ์แบบขึ้นอีก โดยเปแอสเช เป็นทีมใหญ่ในฝรั่งเศส และมีสโมสรทั้งในลีกสูงสุด ดิวิชั่น 2, 3, 4 และทีมสมัครเล่นนอกลีก ซึ่งเหมือนเป็นฟุตบอลที่เตะกันเพื่อสุขภาพเฉยๆ
เกรกอร์ ไปสมัครลงเล่นกับทีมสมัครเล่นของเปแอสเชที่อยู่ลีกล่างสุดของระบบฟุตบอลฝรั่งเศส เพื่อที่จะได้ชื่อว่า เป็นนักเตะ "เปแอสเช" แล้ว คนที่ไม่เข้าใจโครงสร้างของฟุตบอลฝรั่งเศส ก็จะโดนหลอกได้ง่ายๆ เลย
เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ รีซูเม่ น่าเชื่อถือพอแล้ว เกรกอร์ ส่งรีซูเม่ของเขาไปยังหลายสโมสรในต่างแดน ขอพิจารณาไปทดสอบฝีเท้า (Trial) เช่น เชลซี, แมนฯ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล แต่โดนทีมใหญ่ๆ เหล่านั้นปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ท้อ กว้านส่งไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ถูกเรียกตัวให้มาทดสอบฝีเท้าจาก 6 ทีม
3
ประกอบด้วย สวินดอน ทาวน์, บอร์นมัธ, นอริช, พูล ทาวน์, ฟัลเคิร์ก และ ดันดี ยูไนเต็ด
ไอเดียของเกรกอร์คือ เขากว้านส่งจดหมายไปทดสอบฝีเท้ากับหลายๆ สโมสร แล้วเมื่อสโมสรเห็นชื่อ ก็จะเข้า Search Engine มาค้นหาดูว่านักเตะคนนี้มีแบ็กกราวน์เป็นอย่างไร ซึ่งพอเสิร์ช ก็จะวนมาเจอเว็บไต์ gregakcelrod.com ที่เขาเขียนขึ้นเอง ก็จะพอเห็นว่า เขาเป็นนักเตะของเปแอสเชจริงๆ กลายเป็นว่า เว็บไซต์ทำให้ตัวตนของเกรกอร์ มีความน่าเชื่อถือขึ้นมาเฉยๆ เลย
ทีมอื่นๆ เกรกอร์ไม่ถูกคัดตัว เพราะเล่นแย่จริงๆ แต่กับสวินดอน ทาวน์นั้น เขาเล่นได้เข้าฟอร์ม เมื่อยิงประตูได้ 2 ลูกตอนคัดตัว ลูกยิงของเขามีคลิปไฮไลท์อยู่ในข่าวของสกายสปอร์ตด้วย จนถูกเรียกมาทดสอบฝีเท้ารอบสอง
แต่ด้วยความที่ฝีเท้าเป็นของปลอม ในที่สุดก็โดนปฏิเสธจากสวินดอน ทาวน์ในที่สุด ความฝันของเกรกอร์ไม่เป็นจริงอีกครั้ง
1
เกรกอร์ คิดว่า ถ้าหากเขาสร้างความน่าเชื่อถือในเว็บไซต์ให้มากกว่านี้อีก ต้องมีเหยื่อสโมสรอื่นมาติดเบ็ดแน่ แล้วไปทดสอบฝีเท้าเรื่อยๆ เขาก็ต้องได้สัญญาอาชีพสักทีล่ะน่า
และเขาก็ได้ไอเดีย ด้วยการเข้าไปในสนามพาร์ก เดอ แปรงซ์ ของเปแอสเชแบบนักท่องเที่ยว จากนั้นก็เตรียมเสื้อแข่งของทีม ที่มีชื่อของเขา AKCELROD อยู่ที่หลังเสื้อ พร้อมเบอร์ 17 เอาเข้าไปในสนามด้วย เพื่อเอาไปถ่ายรูป แกล้งเป็นว่า นี่เป็นนักเตะใหม่ที่ย้ายมา แล้วมาชูเสื้อถ่ายในสนาม จากนั้นเมื่อได้รูปเสร็จก็อัพโหลดลงเว็บไซต์ทันที
1
ในเว็บไซต์มีรูปเขาที่ชูเสื้อเปแอสเช มีคลิปที่ยิงตอนคัดตัวที่สวินดอน ทาวน์ มีประวัติการเล่นเยาวชนที่ก็อปปี้มาจากเลกิ๊ป คือดูเผินๆ แบบไม่ตั้งใจ ในยุคที่ผู้คนไม่เท่าทันเทคโนโลยี มันก็ทำให้สับสนกันได้อยู่
สโมสรที่หลงกล คือซีเอสเคเอ โซเฟีย ทีมจากลีกบัลแกเรีย ที่เข้าใจว่าเกรกอร์ คือนักเตะเปแอสเชจริงๆ แต่อาจเป็นแนวเยาวชน หรือตัวสำรอง ที่ยังไม่ค่อยได้โอกาส คือนักเตะคนนี้มีเว็บไซต์ของตัวเองเลยนะ มันก็ดูน่าเชื่อถืออยู่ แถมเมื่อติดต่อไป ก็พบว่าเกรกอร์ เป็นฟรีเอเยนต์ที่หมดสัญญากับเปแอสเชพอดีอีกต่างหาก
สุดท้ายซีเอสเคเอ โซเฟีย จึงเรียกตัวมาลองเทสต์ฝีเท้าดู 2 วัน และโค้ชก็พอใจ จับเซ็นสัญญา 3 ปี กับค่าจ้าง 15,000 ปอนด์ต่อเดือน ให้เกรกอร์ในที่สุด ความพยายามของเขาก็เป็นผลแล้ว เขาได้กลายเป็นนักเตะอาชีพที่ฝันไว้ ด้วยการใช้รีซูเม่ปลอมทุกอย่าง
3
ซีเอสเคเอ โซเฟีย คือทีมระดับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกของบัลแกเรีย ประกาศผ่านเว็บไซต์ว่าคว้าตัวเกรกอร์ อักเซลร็อด ดาวเตะจากเปแอสเชมาเสริมทีม แฟนบอลก็ตื่นเต้นกันเอาเรื่องเลยทีเดียว
แต่การโกหกนั้น ถึงจุดหนึ่งมันก็ต้องโดนจับได้ สาเหตุเพราะแฟนบอลซีเอสเคเอ โซเฟีย อยากรู้ว่าสมัยอยู่เปแอสเชนั้น เกรกอร์เก่งแค่ไหน เลยมีการไปตั้งคำถามในเว็บบอร์ด เกี่ยวกับฟุตบอลที่ฝรั่งเศส ซึ่งปรากฏว่าแฟนเปแอสเชที่ฝรั่งเศสไม่รู้เลยว่านี่เป็นใคร
จากนั้นก็เริ่มมีการไปสอบถามนักข่าวกีฬาในฝรั่งเศส ก็ได้คำตอบเหมือนกันว่า นี่คือใครก็ไม่รู้ ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนในสารบบฟุตบอลฝรั่งเศส
และความจริงก็แดงขึ้นมา หนังสือพิมพ์บัลแกเรีย 3 ฉบับ พาดหัวข่าวว่า "ซีเอสเคเอ เซ็นสัญญานักเตะปลอม!"
วันนั้นที่ข่าวออก เกรกอร์ นอนอยู่ที่หอพักของสโมสร เขาเดินลงมาเพื่อกินข้าวเช้า จากนั้นเจอหน้าของเขาอยู่บนหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับ ทุกคนรู้เรื่องแล้วว่า เขาคือนักเตะทีมสมัครเล่นเปแอสเช ไม่ใช่นักเตะชุดใหญ่เปแอสเช อย่างที่พยายามหลอกล่อให้คนอื่นเข้าใจ
1
ซีเอสเคเอ โซเฟีย โกรธแค้นมากที่ถูกหลอก สั่งให้เกรกอร์เก็บข้าวของแล้วไล่ออกจากสโมสรในวันนั้น
1
ชื่อเสียงของเกรกอร์ ก็เลยโด่งดังในฝรั่งเศสตามไปด้วย ในฐานะจอมต้มตุ๋นที่เกือบได้เป็นนักเตะอาชีพ จากผลงานการปลอมรีซูเม่ อีกนิดเดียวจริงๆ เขาจะได้เล่นอาชีพแล้ว เป็นแผนการหลอก ที่ใช้ความพยายามมาก แต่ก็จบลงที่ความล้มเหลว
เกรกอร์พเนจรต่อไปในช่วงสั้นๆ ไปเล่นฟุตบอลที่แคนาดา ได้เล่นอยู่ 15 เกม แต่สุดท้ายก็ประกาศแขวนสตั๊ดในที่สุด
หลังจากแขวนสตั๊ด เกรกอร์ก็มาค้นพบว่า เขาชอบวงการฟุตบอลจริงๆ จึงผันตัวมาเป็นเอเยนต์นักกีฬา คราวนี้เขาจะส่งคนไปเป็นนักเตะอาชีพให้ได้ โดยไม่ต้องใช้วิธีหลอกลวงเหมือนที่เขาทำอีก
เกรกอร์ เปิดบริษัทนายหน้านักกีฬา ชื่อ วัน ซอคเกอร์ เอเยนซี่ และเขาเป็นเอเยนต์ส่วนตัวคนแรก ของออเรเลียง ชูอาเมนี่ ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศส ที่ตอนนี้อยู่กับเรอัล มาดริดอีกด้วย
3
หลังจากเหตุการณ์ผ่านมาหลายปี เกรกอร์ เขียนหนังสืออัตชีวประวัติขึ้นมา เพื่อเล่าความพยายามต้มตุ๋นสโมสรฟุตบอลอย่างละเอียด ชื่อเล่มว่า Prix a Tout Prix แปลว่า "เป็นผู้เล่นอาชีพให้ได้ แม้จะแลกกับอะไรก็ตาม" เป็นการแชร์ประสบการณ์ว่าครั้งหนึ่ง เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
สุดท้ายเกรกอร์กล่าวอธิบายว่า "ที่ฝรั่งเศส เราเป็นประเทศที่มองกันแต่รีซูเม่ เราจะตัดสินคนโดยดูจากประวัติเป็นหลัก ว่าคุณมาจากไหน เคยเป็นเยาวชนของทีมอะไรมาก่อน"
"แต่ตอนนี้ผมเป็นเอเยนต์แล้ว ผมจะทำให้ทุกคนรู้ว่า ถ้าเป็นนักเตะฝีเท้าดี ไม่จำเป็นต้องมีประวัติเยาวชนเลิศหรู คุณก็เป็นผู้เล่นอาชีพได้เหมือนกัน"
1
หลังจากผมเห็นเรื่องของเกรกอร์ อั๊คเซลร็อด ผมคิดแบบนี้ครับ
ข้อ 1 - ทุกยุคทุกสมัย ทุกวงการ การพยายามหลอกลวงชาวบ้าน ก็มีอยู่ตลอดเวลา เราต้องรู้เท่าทันกลเม็ดของอีกฝ่ายอยู่เสมอ เทคโนโลยีเปลี่ยนไป การหลอกลวงก็ซับซ้อนขึ้น การทำให้ตัวเองไม่เป็นเหยื่อ ยากขึ้นเรื่อยๆ
ข้อ 2 - งงใจเกรกอร์เหมือนกัน คือต่อให้คุณทดสอบผ่าน แต่ในท้ายที่สุด มันก็ต้องรู้ความจริงอยู่ดี ว่าเขาไม่ได้เก่งขนาดนั้น มันจะหลอกคนต่อไปได้นานแค่ไหน หรือว่า เขาจะเชื่อมั่นฝีเท้าของตัวเองจริงๆ ว่าเอาตัวรอดได้ แม้จะไม่เคยเล่นบอลในระดับเยาวชนก็ตาม
ข้อ 3 - เรื่องรีซูเม่ CV มันก็สำคัญอยู่นะ ถ้าคุณไม่เคยมีประวัติในการทำงานที่ไหนมาก่อนเลย แล้วใครจะไปเชื่อมั่นว่าคุณจะเล่นได้ล่ะ การทดสอบฝีเท้าแต่ละครั้ง มันก็ใช้ทรัพยากรนะ เขาจะให้นักเตะโนเนม A B C D มาคัดฝีเท้าได้อย่างอิสระ ก็คงไม่ใช่แล้วล่ะ
ข้อ 4 - สุดท้ายทุกคนมีความฝัน แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไปถึงฝันนั้นได้ การยอมรับความจริง แล้วหาเส้นทางของตัวเองให้เร็ว ก็สำคัญเหมือนกันนะ
เรื่องนี้แปลกดีนะครับ แต่มันก็ทำให้เห็นว่า การได้อยู่ในวงการฟุตบอลสำหรับบางคนเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่จริงๆ และยอมแลกทุกอย่างเพื่อที่จะได้มา แม้จะใช้วิธีหมิ่นเหม่แบบนี้ก็ตามที
1
โฆษณา