20 ก.พ. 2023 เวลา 14:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

‘กูรู’ ยกหุ้น SET50 ปันผลเด่น แนะซื้อก่อนประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD

‘บล.ยูโอบี เคย์เฮียนฯ’ แนะเทคนิคซื้อรับปันผล ‘รีเทิร์น’ ที่ดี ช่วง 3-4 เดือนแรกของปี ด้าน บลจ. เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ เผยต้องดูค่า ROE หากมีรีเทิร์นเกิน 10% สามารถจ่ายปันผลได้ค่อนข้างดี ส่วน บล.ทรีนีตี้ บอกหุ้นไทยมีเสน่ห์ดึงดูดนักลงทุน เทียบภูมิภาคเอเชีย
สำหรับ ‘นักลงทุน’ ที่ลงทุนในตลาดหุ้น ! นอกจากกำไรจากส่วนต่างของราคา (Capital Gain) อีกหนึ่งเป้าหมายคือ ‘เงินปันผล’ ที่ถือเป็นแหล่งเพิ่มพูนให้นักลงทุน ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจโลกมีความผันผวน ดังนั้นสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่าง ‘หุ้น’ จึงต้องเน้นเลือกลงทุนที่ตอบโจทย์ความปลอดภัยของพอร์ตโฟลิโอ และหนึ่งในนั้นคือ ‘หุ้นปันผล’ ถือเป็นหนึ่งในความปลอดภัยของนักลงทุนในยุคเงินเฟ้อสูง !!
โดยหลังจากบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ทยอยประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว ซึ่งจะมาพร้อม ‘เทศกาลจ่ายเงินปันผล’ โดยที่ชัดเจนสุดจะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ใน ‘SET50’ ถือว่าเป็นหุ้นในกลุ่มที่มีธุรกิจทนทานและแข็งแกร่งแม้ในยามที่เศรษฐกิจทั่วโลกมีความผันผวน ไม่ใช่ว่า ‘ธุรกิจ’ หรือ ‘หุ้น’ ในกลุ่ม SET50 จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่จะได้รับผลกระทบน้อยสุด และในยามที่เศรษฐกิจมีทิศทางดีขึ้น ก็จะเป็นหุ้นกลุ่มแรกๆ ที่มีการพลิกฟื้นกลับมาเติบโตโดดเด่นได้เร็วสุดเช่นกัน
ดังนั้น หากมีการคัดกรองอีกชั้นหนึ่งจะเห็นว่าหุ้นในกลุ่ม SET50 ในบางหลักทรัพย์ ถูกจัดอันดับให้เข้าไปในกลุ่ม ‘หุ้น SETHD’ นั่นแปลว่า หุ้นตัวนั้นสามารถจะจ่ายเงินปันผลได้ค่อนข้างสูง ถือเป็นหุ้นอีกกลุ่มที่นักลงทุนต่างให้ความสนใจและเลือกลงทุนได้ !
‘กรุงเทพธุรกิจ’ สอบถามเหล่า ‘กูรู’ ในตลาดหุ้นไทย ว่า หุ้นปันผลตัวไหนโดดเด่น และมีความน่าสนใจลงทุนได้ใน SET50 บ้าง
‘กูรู’ ยกหุ้น SET50 ปันผลเด่น แนะซื้อก่อนประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD
‘กิจพณ ไพรไพศาลกิจ’ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บอกว่า หุ้นในกลุ่มที่อยู่ใน SET50 ที่น่าสนใจในปี 2566 ยกให้ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) เนื่องจากเริ่มเห็นการฟื้นตัวของการใช้บริการของผู้บริโภคด้านการโทรมากขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไม่ดีผู้บริโภคลดรายจ่ายลง แต่พอสถานการณ์ฟื้นตัวผู้บริโภคกลับมาใช้บริการค่าโทรมากขึ้น
2
ดังนั้น หากมีการคัดกรองอีกชั้นหนึ่งจะเห็นว่าหุ้นในกลุ่ม SET50 ในบางหลักทรัพย์ ถูกจัดอันดับให้เข้าไปในกลุ่ม ‘หุ้น SETHD’ นั่นแปลว่า หุ้นตัวนั้นสามารถจะจ่ายเงินปันผลได้ค่อนข้างสูง ถือเป็นหุ้นอีกกลุ่มที่นักลงทุนต่างให้ความสนใจและเลือกลงทุนได้ !
ขณะที่ หุ้นบมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) , บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) , บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) , บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) และบมจ.โอสถสภา (OSP) จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ในเรื่องของต้นทุนที่มีการปรับตัวลดลง ก่อนหน้านี้จะได้รับผลกระทบในเรื่องของ ‘ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติ’ ที่สูงมาก หรือต้นทุนการผลิตอื่น ๆ เช่น ต้นทุนบรรจุภัณฑ์ที่จะลดลง เป็นต้น พอมาถึงปีนี้จะเห็นภาพของทุนต้นของหลาย ๆ ส่วนปรับลดลง จึงทำให้เห็นความสามารถในทำกำไรที่จะฟื้นตัวกลับมาดีได้
สำหรับ เทคนิคการซื้อรับเงินปันผลจะให้ได้รับ ‘ผลตอบแทน’ ที่ดีควรซื้อในช่วง 3-4 เดือนแรกของปี แต่ในจังหวะซื้อที่ดีจริง ๆ จะอยู่ในช่วงปลายปี หรือเดือนพ.ย. และมาขายในช่วงเม.ย. หรือพ.ค. เพราะช่วงปลายปีจะเป็นการลงทุนในรอบใหญ่ ๆ
“จากสถิติหุ้นขึ้น XD แล้วหุ้นมักจะไม่น่าสนใจ ช่วงที่ดีของการซื้อหุ้นปันผลใน SET 50 ควรซื้อก่อนหน้า 3 เดือน หรือว่า หลังจากนั้น เพราะพอหุ้นใกล้ XD มักจะตอบรับปัจจัยบวกไปล่วงหน้าแล้ว และหลายครั้งกลายเป็นว่าหลังขึ้น XD ราคาหุ้นอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับฐานระยะหนึ่ง หรืออาจต้องใช้ระยะเวลาในการทำกำไรในการลงทุนเก็งกำไร
1
แต่การลงทุนเพื่อรับปันผลอาจจะต้องมองภาพที่ไกลกว่านั้น ในอุตสาหกรรมนั้นๆ มีการเติบโตอะไรเป็นพิเศษ ทำให้มีการมองเห็นโอกาสของการเติบโต ซึ่งมีการปรับเพิ่มประมาณการจะทำให้มีได้รับปันผลฟรี และยังทำให้มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นไปต่อ”
‘ประกิต สิริวัฒนเกตุ’ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด มีมุมมองว่า หากนักลงทุนดูหุ้นปันผลใน SET50 ที่มีการจ่ายอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือ Dividend Yield แบบเกิน 5% ขึ้นไป
อาจจะมีหุ้นให้เลือกไม่มาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะไปกระจุกตัวอยู่ที่ ‘กลุ่มธนาคาร’ หรือ ‘กลุ่มอสังหาริมทรัพย์’ โดยมีเทคนิคการเลือกจำเป็นต้องดูข้อมูลบริษัทที่มีการจ่ายปันผลแน่นอน จ่ายได้ทุกปี นโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ส่วนผลประกอบการต้องมีแนวโน้มสามารถฝ่าฝันทุกมรสุมได้
ยกตัวอย่าง ช่วงโควิด-19 ผลประกอบการต้องไม่ได้แย่ลงไปมาก หรืออาจจะเข้าไปดูค่า ROE คือ Net Profit ที่มีกำไรสุทธิ แล้วนำมาหารด้วย Equity เป็นส่วนของผู้ถือหุ้น เมื่อคำนวณออกมาแล้วจะได้เป็นอัตราส่วนทางการเงิน ซึ่งถ้าหุ้นนั้น ๆ มี ROE มีค่ารีเทิร์นเกิน 10% มาโดยตลอด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วในกลุ่ม SET50 จะถือว่าสามารถจ่ายปันผลได้ค่อนข้างดี เช่น
หุ้น ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ก็จ่ายปันผลที่ดี แต่หุ้น PTTEP ยังมีความผันผวนเรื่องของกำไร อาจจะต้องใช้ความระวังการลงทุน แต่ถ้าตัวที่มีกำไรไม่ได้ผันผวนมากอาจจะมีแย่บ้างหากต้องเจอกับวิกฤติ แต่สุดท้ายก็สามารถพลิกกลับขึ้นมาได้ เช่น ธนาคารกรุงเทพ (BBL) , บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) หรือกลุ่มอสังหา บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) เป็นต้น
“หุ้นตัวที่แข็งแกร่งมักจะมีผลตอบแทนที่ดี แต่มาในปีนี้ผลประกอบการไม่ได้เป็นไปตามสถิติ ถ้าตัวที่ขึ้นแน่ ๆ จากสถิติในช่วง 4 เดือน ในกลุ่ม SET 50 ที่สามารถคาดหวังเงินปันผลได้จะเป็น ADVANC SCC และ TISCO”
ทั้งนี้ ตามหลักแล้วมักจะซื้อหุ้นก่อนล่วงหน้า ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD สัก 2 เดือน เมื่อมีราคาปรับเพิ่มขึ้นไปตอบรับกับเงินปันผล ถ้าเป็นนักลงทุนเก็งกำไรก็สามารถนำไปขายก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ก็ได้ ข้อดีคือ ขายแล้วไม่ได้ปันผลแต่ไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าเราถือไปเพื่อรอเอาปันผลก็จะโดนภาษี ซึ่งนักลงทุนบางรายก็อาจจะลงทุนเพื่อนเอาปันผลก็ได้โดยที่ไม่สนใจในเรื่องของภาษี หลักการคือ ต้องการนำเงินปันผลมาใช้ เป็นต้น
‘ณัฐชาต เมฆมาสิน’ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ จำกัด ให้ข้อมูลเสริมว่า จากการศึกษาพบหุ้นปันผลสูง ผ่านดัชนี SETHD มักจะ Outperform ใน SET Index ได้ในช่วง 4 เดือนแรก ของทุก ๆ ปีเสมอ และที่น่าสนใจคือ
สถิติตั้งแต่มีดัชนีนี้จัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2011 ช่วงประมาณ 4 เดือนแรกของทุก ๆ ปี ไม่เคยให้ผลตอบแทนที่ติดลบ ยกเว้นเพียงปีเดียวคือ ปีที่มีโควิด-19 เพราะฉะนั้นทำให้สอดคล้องกับช่วง 4 เดือนแรก ของการประกาศงบปีออกมา รวมถึงเห็นการประกาศจ่ายเงินปันผลออกมาด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่านักลงทุนที่เน้นเงินปันผลก็มีค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยถ้าเทียบ Dividend Yield หรือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล ในภูมิภาคเอเชียถือว่ายืนเหนือกว่าค่าเฉลี่ย แม้ในแง่ของการเติบโตในประเทศถือว่ายังไม่ได้จูงใจมากนักตามสภาพของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น แต่ในแง่ บจ. ที่มีศักยภาพจ่ายเงินปันผลค่อนข้างสูง ซึ่งต้องยอมรับตลาดหุ้นไทยค่อนข้างที่จะมี ‘เสน่ห์ดึงดูดนักลงทุน’ ได้
สำหรับ กลยุทธแนะนำหากเป็น ‘นักลงทุนมือใหม่’ ที่ยังไม่ค่อยมีความรู้มากนักให้เลือกซื้อหุ้นปันผลในช่วงปลายปีของทุก ๆ ปี หรือช่วงปลายเดือนธ.ค. และไปขายในช่วงปลายเดือนเม.ย. ของทุกปี หรือในช่วง 4 เดือนแรก ขณะเดียวกันนักลงทุนอาจจะสงสัยหากเลยช่วง 4 เดือนแรกไปแล้วถ้าจะเข้าไปลงทุนจะสายไปแล้วหรือไม่ ซึ่งก็สามารถเข้าไปลงทุนได้ถือว่ายังไม่เสียเปรียบสักเท่าไรเมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปี
หุ้นปันผลส่วนใหญ่ควรขายก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD เพราะว่าจากการศึกษาการรอให้ขึ้นเครื่องหมาย XD แล้วรับเงินปันผลโอกาสที่หุ้นจะปรับตัวลดลงแรงกว่าเงินปันผลที่ได้รับ ซึ่งอาจจะต้องระวังตรงนี้ด้วย อีกทั้ง เงินปันผลตรงนั้นต้องเสียภาษีเงินปันผลด้วยเช่นเดียวกัน นั่นจึงเป็นคำอธิบายว่าสถิติให้ขายในช่วงเดือนเม.ย. เพราะส่วนใหญ่เครื่องหมาย XD ตลาดหุ้นไทยจะไปกระจุกตัวอยู่ในเดือนพ.ค. ซื้อก่อนที่จะประกาศงบออก และประกาศจ่ายปันผล แล้วจึงไปขายใกล้ ๆ ก่อนเครื่องหมาย XD ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดี
ในช่วงที่สภาวะตลาดผันผวนปรากฎการณ์อย่างหนึ่งจะเห็น ‘หุ้นขนาดกลาง-เล็ก’ จะโดนแรงเทขายค่อนข้างหนักมาก จึงเป็นตัวพิสูจน์ชั้นดีว่า ‘หุ้นขนาดใหญ่’ ที่สามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงจะค่อนข้างผันผวนน้อยกว่า หุ้นขนาดกลาง-เล็กพอสมควรเป็นหุ้นกลุ่มหนึ่งที่นักลงทุนอาจจะไม่ชอบความผันผวนของตลาดมากนักก็เข้ามาลงทุนในหุ้นปันผลได้
สำหรับ หุ้นปันผลที่น่าสนใจในช่วงต้นปีได้มีการคัดเลือกมา ‘3หลักทรัพย์’ จากข้อมูลในอดีต 7 ปีย้อนหลัง เป็นหุ้น perform ได้ดี ในช่วง 4 เดือนแรกของปีทำให้เชื่อมั่นได้ระดับ 80% ให้ผลตอบแทนเป็นบวกแบบมีนัยสำคัญ ประกอบกับการประเมินค่าปัจจุบันไม่ได้อยู่ในโซนที่ตรึงตัว ได้แก่ ADVANC , TISCO และ SCC ซึ่ง 3 หลักทรัพย์นี้นักลงทุนซื้อแล้วสามารถปิดจอได้ เนื่องจากราคาค่อนข้างนิ่ง ไม่หวือหวา แต่ถ้าสไตส์เทรดดิ้งอาจจะไม่ค่อยชอบสักเท่าไร แต่ถ้าเป็นนักลงทุนที่ conservative เน้นปันผลก็เข้าไปลงทุนได้เหมือนกัน
โฆษณา