20 ก.พ. 2023 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

หุ้นกลุ่ม JMART โดนถล่มร่วงยกแผง มาร์เก็ตแคปวูบตั้งแต่ต้นปี 6.65 หมื่นล้าน

หุ้นกลุ่ม JMART ทั้ง 5 หุ้น ของ "อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา" ราคาดิ่งแรง หลังนักลงทุนพร้อมใจกันเทขายหุ้นออกเกิดความกังวล ไม่มั่นใจ ทำให้มาร์เก็ตแคปรวมทั้ง 5 หุ้น ร่วงลงมาอยู่ที่ 136,549.55 ล้านบาท ลดลง 66,518.48 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 203,068.03 ล้านบาท
หลังจาก หุ้นกลุ่ม JMART ทั้ง 5 หลักทรัพย์ ของ "อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา" ถูกเทขายจำนวนมากทำให้ราคาหุ้นปรับระดับลดต่ำลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ หลังจาก ก.ล.ต. รายงานข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้บริหาร (แบบ 59) ในวันที่ 15 -16 กุมภาพันธ์ 2566 พบผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.เจ มาร์ท (JMART) 2 ราย คือ นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา และยุวดี พงษ์อัชฌา ภรรยา ขาย Big Lot กว่า 54 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 1,459 ล้านบาท ให้นักลงทุนสถาบัน
โดยนายอดิศักดิ์ ตัดขาย Big Lot ครั้งนี้มาจากโดน Margin Call จึงทำให้ต้องขายหุ้นจำนวน 14 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.96% ส่งผลถือหุ้นลดลงจาก 13.41% เหลือสัดส่วน 12.45% และนางสาวยุวดี พงษ์อัชฌา ขายหุ้น 40 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.75% ส่งผลถือหุ้นจาก 7.61% เหลือสัดส่วน 4.86%
ประเด็นดังกล่าวทำให้ในวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 กุมภาพันธ์ 2566) นักลงทุนต่างพร้อมใจกันเทขายหุ้นออก เพราะเกิดความกังวล ไม่มั่นใจ ทำให้มาร์เก็ตแคปรวมทั้ง 5 หลักทรัพย์ ร่วงลงมาอยู่ที่ 136,549.55 ล้านบาท หรือลดลงไปกว่า 66,518.48 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 203,068.03 ล้านบาท
1
(ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 17 กุมภาพันธ์ 2566)
1.บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT
มาร์เก็ตแคป สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 100,681.27 ล้านบาท ส่วนวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่ 66,756.48 ล้านบาท ลดลง 33,924.79 ล้านบาท
ราคาสิ้นปี 2565 ปิดที่ 69.00 บาท ส่วนวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ปิดที่ 45.75 บาท หรือลดลง 23.25 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน YTD -33.70%
2.บมจ. เจ มาร์ท หรือ JMART
มาร์เก็ตแคป สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 58,148.31 ล้านบาท ส่วนวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่ 39,711.96 ล้านบาท ลดลง 18,436.35 ล้านบาท
ราคาสิ้นปี 2565 ปิดที่ 40.75 บาท ส่วนวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ปิดที่ 27.25 บาท ลดลง 13.50 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน YTD -33.13%
3.บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย หรือ SINGER
มาร์เก็ตแคป สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 23,640.16 ล้านบาท ส่วนวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่ 14,226.52 ล้านบาท ลดลง 9,413.64 ล้านบาท
ราคาสิ้นปี 2565 ปิดที่ 28.75 บาท ส่วนวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ปิดที่ 17.30 บาท ลดลง 11.45 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน YTD -39.83%
4.บมจ. เอสจี แคปปิตอล หรือ SGC
มาร์เก็ตแคป สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 16,219.20 ล้านบาท ส่วนวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่ 11,772.00 ล้านบาท ลดลง 4,447.20 ล้านบาท
ราคาสิ้นปี 2565 ปิดที่ 4.96 บาท ส่วนวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ปิดที่ 3.60 บาท หรือลดลง 1.36 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน YTD -27.42%
5.บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท หรือ J
มาร์เก็ตแคป สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 4,379.09 ล้านบาท ส่วนวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่ 4,082.59 ล้านบาท ลดลง 296.50 ล้านบาท
ราคาสิ้นปี 2565 ปิดที่ 3.84 บาท ส่วนวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ปิดที่ 3.58 บาท หรือลดลง 0.26 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน YTD -6.77%
ส่วนพอร์ตหุ้นของอดิศักดิ์ ปัจจุบันปรากฎชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 หลักทรัพย์
บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 (ข้อมูล ณ วันที่ 25 พฤจิกายน 2565) จำนวน 166,684,500 หุ้น หรือ 1.88%
บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท หรือ J ถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 (ข้อมูล ณ วันที่ 26 เมษายน 2565) จำนวน 9,468,913 หุ้น หรือ 1.01%
บมจ. เจ มาร์ท หรือ JMART ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 (ข้อมูล ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2565) จำนวน 192,971,116 หุ้น หรือ 13.53% (ล่าสุดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ขายหุ้น 14 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.96% ส่งผลถือหุ้นลดลงจาก 13.41% เหลือสัดส่วน 12.45%)
ด้านนางสาวยุวดี พงษ์อัชฌา (ภรรยา) ปัจจุบันปรากฎชื่อเป็นผู้หุ้นใหญ่ 2 หลักทรัพย์
บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท หรือ J ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 (ข้อมูล ณ วันที่ 26 เมษายน 2565) จำนวน 10,456,312 หุ้น หรือ 1.12%
บมจ. เจ มาร์ท หรือ JMART ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 (ข้อมูล ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2565) จำนวน 111,194,154 หุ้น หรือ 7.80% (ล่าสุด วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานางสาวยุวดี พงษ์อัชฌา ขายหุ้น 40 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.75% ส่งผลถือหุ้นจาก 7.61% เหลือสัดส่วน 4.86%)
โฆษณา