20 ก.พ. 2023 เวลา 17:44 • ความคิดเห็น
เราทุกคนต้องตายค่ะ จริงๆแล้วควรเตรียมตัวเตรียมใจไว้เช่นกันเพราะโลกคือความไม่แน่นอน ร่างกายของเราก็มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป บางทีคนที่ป่วยอยู่กลับอยู่ได้นานกว่าคนไม่ป่วยนะคะ การเกิดมาคู่กับการตาย เรามีความตายอยู่ข้างๆตั้งแต่เกิด ไม่ว่าจะกลัวหรือไม่เราก็ต้องตายอยู่ดี ส่วนตัวเชื่อว่าตายจากความเจ็บป่วยดีกว่าตายแบบกะทันหันเพราะอย่างน้อยเรามีเวลาเตรียมตัวจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ ทำสิ่งที่อยากทำก่อนลาโลกและกล่าวคำลาญาติพี่น้อง ได้มีโอกาสขอบคุณและขอโทษกัน จะได้ไปแบบไม่มีห่วง
เคยมีเพื่อนเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเหมือนกันค่ะ อยู่ได้ปีกว่าๆก็เสีย ตอนนั้นก็ไม่ได้ปลอบใจอะไรมากนะคะ มีพูดถึงเรื่องนิพพานให้ฟังว่าถ้าทุกข์มาก ปล่อยวางทุกสิ่งเพื่อที่จะไม่ต้องมาเกิดเลยไหม คือให้ดูความเจ็บปวดและสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตเป็นอารมณ์วิปัสสนาค่ะ การเอาจิตไปอยู่กับสมาธิวิปัสสนาจะช่วยให้ลืมความเจ็บปวดไปได้ด้วย เเต่เพื่อนก็ยังมีหวังว่าจะหายเพราะหมอบอกว่าเป็นจุดที่รักษาง่ายที่สุด ก็เลยไม่ได้คุยในเรื่องนิพพานเท่าไหร่ เป็นการไปเยี่ยมเพื่อคลายเหงาเพราะเค้าไม่ได้ออกจากบ้านและรับฟังมากกว่าค่ะ
ตอนที่เพื่อนป่วยยังนับถือศาสนาพุทธนิกายเซนที่เชื่อว่านิพพานทำได้เดี๋ยวนี้ชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า หลักคือการไม่ยึดมั่นถือมั่น การปล่อยวาง กายนี้ไม่ใช่ของเรา ไม่มีอะไรเป็นของเราจริงเลย เราเพียงครอบครองได้ชั่วคราวเท่านั้น
ทุกวันนี้เปลี่ยนมานับถือพระเจ้า ยังเชื่อว่านิพพานทำได้จริงแต่ใช้ความพยายามมาก เป็นสภาวะหนึ่งในจักรวาลที่พระเจ้าสร้างขึ้นค่ะ คนที่เชื่อเรื่องพระเจ้านั้นความตายคือการเปลี่ยนรูปจากมี Body คือกายหยาบไปเป็น Soul ซึ่งมีแต่จิต ถ้าทำความดีตามที่พระเจ้าแนะนำ เช่น Pray ต่อพระเจ้ามาตลอดก็ไม่มีอะไรน่ากลัวค่ะ โลกที่เราอยู่คือโลกชั่วคราวเท่านั้น จะมีปรโลกคือโลกหลังความตายที่มีสวรรค์สำหรับคนทำดีอีกทีค่ะ การ Pray ถึงพระเจ้าช่วยเยียวยาจิตใจได้ดีทีเดียวค่ะ
ส่วนของคนดูแลปลอบใจก็ทำเท่าที่ทำได้ ระวังอย่าให้ตัวเองจิตตกด้วยนะคะพราะความเครียดไม่ได้ช่วยอะไร และอาจทำให้เราเจ็บป่วยได้ด้วย ดูให้เป็นข้อคิดว่าให้ทำทุกวันให้ดีที่สุดเพื่อวันหนึ่งจะได้ไม่เสียดายก็ได้ค่ะ
โฆษณา