หลวงพ่ออุตตมะ

พระราชอุดมมงคล หรือหลวงพ่ออุตตมะ เทพเจ้าแห่งชาวมอญ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นพระภิกษุที่ได้ความเคารพเลื่อมใสในหมู่คนไทยเชื้อสายมอญ กระเหรี่ยง กะหร่างและชาวพุทธทั่วประเทศ ท่านเดินธุดงคกรรมฐาน บำเพ็ญธรรมอยู่บนเขา หลายครั้งเป็นเวลานาน จนได้มาสร้างวัดวังก์วิเวการาม ศูนย์รวมจิตวิญญาณของชาวมอญและชาวชาติพันธุ์แถบตะวันตกของประเทศไทย
หลวงพ่ออุตตมะ เดิมชื่อ เอหม่อง เกิดเมื่อ พ.ศ. 2453 ที่หมู่บ้านโมกกะเนียง ตำบลเกลาสะ อำเภอเย จังหวัดเมาะลำเลิง ประเทศพม่า เป็นบุตรคนโตในครอบครัวเชื้อสายมอญ บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 19 อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดเกลาสะ ได้รับฉายาว่า อุตตมรัมโภ แปลว่า "ผู้มีความพากเพียรอันสูงสุด" โดยได้ตั้งเจตจำนงที่จะบวชไม่สึกจนตลอดชีวิต
ต่อมาท่านได้เดินธุดงค์เข้าสู่ประเทศไทย ผ่านหลายจังหวัด และได้ไปเยี่ยมจำพรรษาชาวมอญ จังหวัดราชบุรี ต่อมามีข่าวว่าที่สังขละบุรีมีชาวมอญจากบ้านเดิมของท่าน อพยพเข้าเมืองไทย เพราะหนีภัยสงคราม การจี้ปล้น และต้องการนิมนต์ท่านไปเยี่ยม ท่านได้พบกับชาวมอญที่อพยพมาจากโมกกะเนียง เจ้าคะเล และมะละแหม่ง และพาชาวมอญเหล่านี้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านวังกะล่าง ถือเป็นจุดกำเนิดของชุมชนชาวมอญในอำเภอสังขละบุรี
หลวงพ่ออุตตมะร่วมกับชาวบ้านชาวกะเหรี่ยงและมอญ ได้พร้อมใจกันสร้างศาลาวัดขึ้น มีฐานะเป็นสำนักสงฆ์ แต่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า วัดหลวงพ่ออุตตมะ ตั้งอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่าสามประสบ เพราะมีแม่น้ำ 3 สายไหลมาบรรจบกัน คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ แม่น้ำรันตี ในปี พ.ศ. 2505 ได้รับอนุญาตจากกรมการศาสนาให้ใช้ชื่อว่า "วัดวังก์วิเวการาม"
ต่อมาทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้ก่อสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งเมื่อกักเก็บน้ำในปี พ.ศ. 2527 น้ำในเขื่อนจะท่วมตัวอำเภอเก่ารวมทั้งหมู่บ้านชาวมอญ วัดหลวงพ่ออุตตมะเดิม จมอยู่ใต้น้ำทางวัดจึงได้ย้ายมาอยู่บนเนินเขาในที่ปัจจุบัน และอพยพผู้คนซึ่งมีอยู่ราว 1,000 หลังคาเรือน บนพื้นที่ 1,000 ไร่เศษ ตัวของหลวงพ่ออุตตมะไม่ขออะไรจากทางการ เช่น กุฏิ ศาลา แต่ได้ขอพื้นที่วัดมากเป็นพิเศษ กว่า 617 ไร่ เพื่อจัดสรรให้ชาวบ้านอยู่ เฉลี่ยครอบครัวละ 30 ตารางวา
บั้นปลายชีวิตของท่านได้กลับไปยังบ้านเกิดที่เมืองมะละแหม่ง รัฐมอญ ก่อนที่จะกลับมาฝั่งไทยและอาพาธ ในปี 2547 หลวงพ่อเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชและละสังขารวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2549 เวลา 7.22 น. อายุ 97 ปี พรรษา 77 โดยสรีรสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย และเก็บรักษาไว้ที่วัดวังก์วิเวการาม ตามคำสั่งของท่านก่อนมรณภาพ เพื่อให้ลูกหลานได้กราบไหว้บูชา เสมือนว่าท่านยังมีชีวิตอยู่เป็นที่พึ่งแก่ประชาชนตลอดเวลา
โฆษณา