10 เม.ย. 2023 เวลา 05:59 • หนังสือ

EAT THAT FROG! By : Brian Tracy & Anna Leinberger

A Little path of EAT THAT FROG
22 วิธีหยุดความขี้เกียจแล้วลงมือทำทันที ในโพสต์นี้จะขอยมาเพียงหัวข้อที่ชอบนะครับ ใครอยากดูเทคนิคต่างๆในหนังสือที่ผมไม่ได้เขียนไว้ก็สามารถหาซื้อมาอ่านได้นะครับ
ถ้าคุณจำกันได้ 1 เดือนก่อนหน้านี้ผมได้ทำการสรุปหนังสือ : เริ่มให้ได้ แล้วมันจะง่ายกว่าที่คิด ที่เขียนโดยคุณ : Toyokazu Tsuruta ( โทโยคาซึ สึรุตะ ) ในหนังสือเล่มนั้นจะพูดถึงการเอาชนะความกลัวและความรู้สึกที่ว่า "มันช่างยุ่งยากเสียจริง"ในการจะเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ตีคู่กันมาเพื่อขัดขวางการลงมือทำอะไรสักอย่างของเราก็คือ "ขี้เกียจทำว่ะ"
หนังสือเล่มนี้จะพาเราไปไข้ข้อสงสัยของความขี้เกียจ ทำไมเราจึงรู้สึกขี้เกียจแล้วทำยังไงถึงจะกำจัดความรู้สึกนี้ออกไปได้ เรามาเริ่มกันเลยครับ
ทำไมต้องกินกบด้วยว่ะ ??
ก่อนอื่นครับ สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือ Eat that frog มาก่อนคงจะสงสัยเหมือนๆกันว่า "การกินกบตัวนั้นมันคืออะไรว่ะ" โปรดใจเย็นแล้วเรามาทำความเข้าใจเทคนิคนี้กันดีกว่าครับ
จงจำไว้าว่า คุณไม่สามารถทำทุกสิ่งที่ต้องทำได้ คุณไม่มีทางเข้าร่วมทุกกิจกรรมหรือไขว่คว้าทุกโอกาสที่เข้ามาได้ (ตราบใดที่คุณยังไม่สามารถใช้คาถาแยกร่างได้อ่ะนะ)
เทคนิค กินกบตัวนั้นซะ มีความเกี่ยวข้องกับการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆครับ มันคือการที่กิจกรรมแต่ละอย่างควรถูกเลือกโดยคำนึงถึงเป้าหมายในอนาคตที่ใหญ่กว่าและมีความชัดเจนกว่า
แล้วมันเกี่ยวกับกบยังไง เมื่อก่อนครับเคยมีคนกล่าวไว้ว่า หากสิ่งแรกในตอนเช้าของวันคือการกินกบเป็นๆหนึ่งตัว คุณจะผ่านวันนั้นไปได้แบบสบายๆ เพราะว่านั้นจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดที่เกินขึ้นกับคุณในวันนั้น คล้ายกับการอาบในตอนเช้าด้วยน้ำที่เย็นยะเยือกนั้นแหละครับ
แต่ว่า "กบ" ที่เราหมายถึงในที่นี้มันคือ "งาน" ต่างๆครับ โดยเฉพาะงานใหย๋ๆที่สำคัญๆ งานที่ถ้าคุณไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง ก็เป็นไปได้ว่าคุณจะผัดผ่อนมันออกไปเรื่อยๆ และสุดท้ายคุณก็คงจบลงด้วยการนั่งปั่นงานให้เสร็จก่อนกำหนด 1-2 วัน และมันก็อาจจะเป็นงานที่อาจส่งผลต่อสถานะรวามชีวิตของคุณด้วย
กฎข้อที่ 1 ของการกินกบ
ในตอนที่คุรยังเป็นนักเรียกคุณไม่สามารถเลือกที่จะกินกบตัวไหนก้ได้เพราะชีวิตของคุรในตอนนั้นถุกกำหนดด้วยตารางเรียน ฉะนั้นให้คุณคิดเสียว่ากบของคุณคือเวลาที่คุณต้องเรียน แน่นอนว่าในช่วงวันหยุดคุณสามารถเลือกได้ว่าจะกินกบตัวไหนก่อน แต่ไม่ว่าอย่างไรคุณก้ต้องเลือกกินกบเป็นอย่างแรกหากคุณทำได้
กฎข้อที่ 2 ของการกินกบ
ถ้าคุณมีกบหลายตัว (งานหลายอย่างที่ต้องทำ) ขอให้คุณเลือกกินกบตัวที่น่าเกลียดน่ากลัวที่สุดก่อน (งานที่ยากและสำคัญที่สุด)
คุณควรเริ่มต้นจากงานที่ ยาก และสำคัญที่สุดก่อน คุณต้องสร้างวินัยให้ตัวเิงลงมือทำมันทันทีและทำไปจนกว่าคุณจะทำมันสำเร็จ แล้วจึงค่อยไปทำสิ่งอื่นต่อ
กฎข้อที่ 3 ของการกินกบ
หากคุณต้องกินกบตัวเป็นๆ(เมื่อต้องทำงานที่ยากและสำคัญ) มันมรมีประโยชน์อะไรที่จะนั่งจ้องมันนานๆ(การนั่งจ้องมันนานๆไม่ช่วยให้มันดูน่าเกียจน้อยลงหรอก และมันจะยิ่งหน้าเกียจกว่าเดิมด้วยหากใกล้ถึงกำหนดส่ง)
กุญแจสู่การสร้างผลงานที่ดีและมีประสิทธิภาพก็คือ การฝึกจักการกับงานชิ้นสำคัญเป็นอย่างแรก คุณต้องฝึก "กินกบ" จนเป็นกิจวัตรก่อนที่จะเริ่มทำอย่างอื่น
"การมุ่งเน้นที่การลงมือทำ" เป็นสุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของคนที่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ การลงมือทำโดนที่ไม่ต้องรอให้ถึงคาบว่างหรือมีคนมาคอยตักเตือนจะเป็นปัจจัยหนึ่งเดี่ยวที่จะชี้ชะตาว่าคุณจะประสบความสำเร็จด้านการเรียนหรือไม่
จงนึกภาพคนที่คุณอยากจะเป็นในอนาคต ภาพที่คุณมองตัวเองนั้นจะกำหนดพฤติกรรมที่คุณแสดงออกมา อีกนัยหนึ่งคือ ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของคุรนั้นต้องเริ่มต้นจากความเปลี่ยนแปลงภายในตัวคุณเสียก่อน หรือก็คือภาพในหัวขอวคุณนั้นแหละ
หลังจากนี้จะเป็นส่วนหนึ่งจากเทคนิคทั้งหมดที่มีอยู่ในหนังสือ หากใครอยากดูเทคนิคต่างๆในหนังสือที่ผมไม่ได้เขียนไว้ก็สามารถหาซื้อมาอ่านได้นะครับ
ปัจจุบันนี้ การเรียนรู้มีข้อจำถัดอยู่แค่ว่าคุณเลือกที่จะเรียนรู้มากน้อยแค่ไหน
Eat that frog : หน้าที่ 10
เริ่มที่ตรงนี้ ปรับเปรียนมุมมอง
หากคุณมีโอากได้อ่าน : Four Thousand Weeks ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์ โดยคุณ Oliver Burkeman สิ่งหนึ่งที่คุณน่าจะได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้แน่ๆเลยคือ คุณไม่มีวันมีเวลามากพอที่จะทำทุกสิ่งที่ต้องทำหรอกครับ นี้เป็นเรื่องจริงสำหรับนักเรียนทุกคน และยิ่งจะจริงขึ้นไปอีกหากคุณเติบโตเป็นผู้ใหญ่และเริ่มทำงาน
แต่คุณสามารถควบคุมเวลาและชีวิตของตัวเองได้ผ่านวิธีคิด วิธีทำงาน และวิธีรับมือกับความรับผิดชอบต่างๆ คุณจะควบคุมงานและกิจกรรมต่างๆได้เมื่อคุณหยุดทำบางสิ่ง แล้วหันไปใช้เวลามากขึ้นกับสิ่งที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้จริงๆ
และหากคุณได้อ่าน : Deep work ดําดิ่งท่ามกลางสิ่งรบกวน โดย Cal Newport มาแล้ว หนังสือเล่มนี้ได้บอกความลับอันเรียบง่ายอย่างหนึ่งนั้นก็คือ ความสามรถในการจอจ่ออย่างแน่วแน่กับภารกิจที่สำคัญที่สุดโดยพยายามทำมันให้ดีและเสร็จสมบูรณ์ นับว่า เป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะไขประตูสู่ความสำเร็จ
ผลลัพธ์ของการทำงานหรือกิจกรรมใดๆ ก็ตามจะเป็นตัวกำหนดว่าคุณต้องใช้ความทุ่มเทมากแค่ไหนไปกับงานหรือวิชาใดวิชาหนึ่ง การประเมินงานความสำคัญจะทำให้คุณรู้ว่าคุณต้องกินกบตัวไหนต่อ
จาการค้นคว้าวิจัยยาวนาน 50 ปี ดร.เอ็ดเวิร์ด แบนฟิลด์ มหาวิยาลัยฮาร์วาร์ดได้ข้อสรุปว่า "มุมมองในระยะยาว จะเป็นตัวชี้วัดที่แม่ยำที่สุดว่าคนคนหนึ่งจะยกระดับสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของตัวเองขึ้นมาได้หรือไม่" คนที่ประสบความสำเร็จนั้นจะมีภาพอนาคตที่ชัดเจน พวกเขาคิดถึงอนาคตในอีก 5 ปี 10 ปี 20 ปี ข้างหน้าและนำมาวิเคราะห์ทางเลือกและพฤติกรรมในปัจจุบัน เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่นั้นสอดคล้องกับสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นในอนาคต
กฎ : การคิดในระยะยาวช่วยให้ตัดสินใจในระยะสั้นได้ดีขึ้น
ยิ่งจุดหมายในอนาคตของคุณขัดเจนมากเท่าไหร่ มันจะยิ่งทำให้คุณเห็นภาพสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ในปัจจุบันกระจ่างชัดมากขึ้น
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตสะท้อนถึงสิ่งที่เราเชื่อเกี่ยวกับตัวเราเอง เราไม่สามารถทำอะไรได้สำเร็จเกินกว่าที่ตัวเองมั่นใจ เราไม่สามารถไขว่คว้าอะไรได้เกินกว่าสิ่งที่เราเห็นว่าเราควรค่าพอ
อิแยนลา แวนซานต์
Law of Concentration ครับ หรือ กฎแห่งการจดจ่อ กฎนี้ระบุว่า "สิ่งใดก็ตามที่คุณคิดมักกลายเป็นจริงเสมอ" สิ่งที่คุณคิดอยู่ตลอดเวลาก็คือสิ่งที่คุณจะกายเป็นนั้นเอง เมื่อคิดถึงบางสิ่งอยู่บ่อยๆ มันจะเริ่มฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกและส่งผลต่อพฤติกรรม ความคิด การตัดสินใจ และการกระทำของคุณ
อีกกฎนหึ่งครับ Law of Becoming กฎแห่งการกลายเป็น ระบุไว้ว่าคนเราไม่เคยหยุดนิ่งหรือหยุดเปลี่ยนแปลง เราต่างกลายเป็นอะไรบางอย่างอยู่เสมอ ว่าอีกอย่างคือเราเติบโตอยู่เสมอ เนื่องจากคุณสามารถควบคุมความคิดของตัวเองได้
เอาล่ะต่อนี้เรามาดูเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่ผมชอบจากหนังสือเล่มนี้กันดีกว่า
เริ่มจากการสร้างแนวทางของคุณก่อนเลยครับ
1. ตัดสินใจให้แน่ชัดว่าคุณต้องการอะไร คุณต้องจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆแบบไหน
2. เขียนมันออกมาบนกระดาษ เขียนอย่าชัดเจน กระจ่างแจ้ง และจับต้องได้ เป้าหมายที่ไม่ถูกเขียนออกมาจะกลายเป็นแค่ความฝันหรือจิตนาการ
3.กำหนดเส้นตายให้เป้่าหมายของคุณ การทำงานให้ทันเส้นตายเป็นสิ่งทึ่ต้องเรียนรู้
4. พิจารณาแต่ละงานโดยละเอียด ถ้าคุณนึกงานที่เข้ามาใหม่ออกมาได้ก้ให้เขียนมันออกมาจนกว่าจะหมด แล้วคุณจะมองเห็นเป้าหมายและจุดประสงค์ในภาำรวม
5. เขียนแผนงานจัดเรียงสิ่งที่ต้องทำ ใช้เวลาสักนิดในการไตร่ตรองว่าต้องทำอะไรก่อนมาหลัง
6.ลงมือทำตามทันที จงทำอะไรสักอย่าง ทำอะไรก็ได้ แผนงานที่ถูกนำไปใช้จริงจังนั้นย่อมเหมือกว่าแผนงานใดๆ
7.ตั้งใจอย่าแน่วแน่ว่าจะลงมือทำอะไรบางอย่างทุกๆวัน เพื่อให้เข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น
กฎ 80/20 ครับ
หรือ "หลักการพาเรโต" ตามชื่อของผู้คิด วิลเฟรโด พาเรโต กฎนี้ระบุว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของกิจกรรมที่คุณทำจะก่อให้เกิดผลลัพธ์มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างง่ายๆคืองานที่คุณทำ 20 เปอร์เซ็นต์จะสร้างคุณค่าได้มากถึง 80 เปร์เซ็นต์ กฏข้อนี้ครับสามารถใช้ตามล่ากบตัวที่น่าเกียจที่สุดในบรรดากบทั้งหมดในตู้เย็นของคุณได้ (ผมหมายถึงงานที่คุณต้องให้ความสำคัญมากที่สุดในบรรดางานทั้งหมดนะครับ)
ในหลายๆครั้งงานเพียงงานเดียวก็มีค่ามากกว่างานอื่นอีกเก้าอย่างที่เหลือรวมกันด้วยซ้ำ และนั้นแหละกบตัวที่คุณต้องกินเป็นอันดับแรก
เขียนเป้าหมายออกมา
ไม่มีสิ่งใดที่ผลักดันให้คุณประสบความสำเร็จได้ดีเท่าเป้าหมายที่ถูกเขียนออกมาอย่างชัดเจนอีกแล้ว สิ่งที่จะทำให้เป้าหมายมีแนวโน้วที่จะสำเร็จมากขึ้นคือ ปารที่มันเป็นรูปธรรมและถูกเขียนออกมา อย่าที่เคยบอกไปว่า คนที่ประสบความสำเร็จนั้นจะมีภาพอนาคตที่ชัดเจน เช่นกันการเขียนเป้าหมายของคุณไม่ควรคลุมเครือและกว้าเกินไป เพราะคุณจะไม่มีทางคิดออกเลยว่าคุณต้องทำอย่างไร
กุญแจสำคัญในการเขียนเป้าหมายที่ดีคือการใช้สุตรที่เรียกว่า "สูตร 3P" ซึ่งคือ
1. การเขียนเป้าหมายให้อยู่ในรูปปัจจุบัน เป้าหมายต้องถูกเขียนในรูปปัจจุบันราวกับว่าคุณทำเป้าหมายเหล่านั้นสำเร็จแล้ว
2. ใช้คำพูดในแง่บวก เป้าหมายต้องเขียนด้วยคำพูดในแง่บวก หรือผลลัพธ์ที่เป็นด้านบวกแทนที่จะเป็นด้านลบซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพยายามจะหลีกเลี่ยง
3. เป้าหมายทังหมดต้องถูกเขียนด้วยสรรพนามบุรุษที่ 1 เท่านั้น หรือคำที่คุณใช้เรียกแทนตัวเอง ตามด้วยคำกริยาทันที นี้เป็นสัญญาณอันทรงพลังที่บอกสมองว่ามันควรเริ่มลงมือทำเดียวนี้
ทำเดี๋ยวนี้!!!!!!
"ทำเดี๋ยวนี้! ทำเดี๋ยวนี้! ทำเดี๋ยวนี้!" ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองทำงานช้าลงหรือวอกแวกไปกับบทสนทนาหรือเรื่องไร้สาระ ให้พูดกับตัวเองซ้ำว่า "กลับไปทำงาน! กลับไปทำงาน! กลับไปทำงาน!"
ไม่มีสิ่งใดช่วยให้คุณก้าวหน้าในหน้าทีการงานได้มากกว่าการสั่งสมชื่อเสียงในฐานะคนที่ทำงานสำคัญๆ เสร็จอย่างรวดเร็วและยอดเยี่ยม
และนั้นก็คือทั้งหมด...ของโพสต์นี้ แน่นอนว่าในหนังสือมีเทคนิคอีกมากมายที่คุณสามารถนำไปปรับใช้กับตัวคุณได้ หากใครอยากดูเทคนิคต่างๆในหนังสือที่ผมไม่ได้เขียนไว้ก็สามารถหาซื้อมาอ่านได้เลย!!! ผมหนับหนุนให้ทุกคนเอาชนะความขี้เกียจนะครับ
ขอบคุณสำหรับการรับชมครับ
โฆษณา