23 ก.พ. 2023 เวลา 08:39 • ข่าว

ศาลสั่งจำคุก 'ประหยัด พวงจำปา' แจ้งทรัพย์สินเท็จ 4 เดือน ปรับ 1 หมื่น

ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษา ในคดีที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้อง นายประหยัด พวงจำปา อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบ กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2560 ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์ควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน จำนวน 6 รายการ
ซึ่งเป็นทรัพย์สินและหนี้สิน ในชื่อของนางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส เป็นทรัพย์สินในประเทศ จำนวน 2 รายการ รวม 2,010,000 บาท และทรัพย์สินในต่างประเทศ จำนวน 4 รายการ รวม 225,383,103 บาท มูลค่ารวม 227,393,103 บาท ตาม พ.ร.บประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561
โดยกรณีนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด โดยส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นฟ้อง ในวันนี้จำเลยเดินทางมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เห็นว่า จำเลยดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการ ป.ป.ช. อยู่ในฐานะเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช. ตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการกองขึ้นไป ตาม พรป.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 158 วรรคหนึ่ง มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.
โดยไม่จำเป็นต้องส่งเรื่องให้ประธานวุฒิสภาพิจารณา ก่อนให้อัยการสูงสุด ดำเนินการฟ้องคดี การออกระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการยื่นบัญชี การตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 158 และการดำเนินคดี ที่เกี่ยวข้องกับการยื่นบัญชี พ.ศ. 2561
ทั้งนี้ จำเลยดำรงตำแหน่งข้าราชการระดับผู้บริหารของสำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน่วยงานเกี่ยวข้องกับการยื่น บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินโดยตรง และรู้อยู่ก่อนแล้วเกี่ยวกับการมีกรรมสิทธิในห้องชุด ของคู่สมรส ซึ่งการกระทำของจำเลย เป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าจำเลยมีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินส่วนนี้
จึงพิพากษาว่า จำเลยจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น มีผลให้จำเลยพ้นจากตำแหน่ง นับแต่วันที่มีคำวินิจฉัย และห้ามมิให้จำเลยดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง
ตามพรป.ว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 กับมีความผิดตามมาตรา 119 องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมาก เห็นควรลงโทษจำคุก 4 เดือน และปรับ 1 หมื่นบาท เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ด้าน นายอเนก คำชุ่ม ทนายความ เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะรอคัดคำพิพากษาฉบับเต็ม ซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมาก เพื่อจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งในชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อไป
โฆษณา