Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดูหนังกับแฟน เล่นเกมคนเดียว
•
ติดตาม
23 ก.พ. 2023 เวลา 16:26 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Joker (2019)
Review Part 1 (spoiled); แค่ความแตกสลายของมนุษย์คนหนึ่ง ก็มากเพียงพอแล้ว
.
หมายเหตุ บทความนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการสร้างความเกลียดชังแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการเล่าในมุมมองของพฤติกรรมมนุษย์เพียงเท่านั้น ถึงกระนั้นก็อยากให้ใช้วิจารณญาณในการอ่าน
บางทีลึกๆแล้ว คนบางคนคงต้องการแค่ได้เป็นที่จดจำไปทางที่ดีก็เท่านั้นเอง มันคงไม่ใช่เรื่องผิดบาปนักถ้าหากเหตุผลในการมีชีวิตอยู่คือเรื่องพวกนี้ Joker ในเรื่องเดิมทีเป็นตัวละครที่ต้องการจะสร้างคุณค่าให้กับสังคมด้วยการสร้างเสียงหัวเราะก็เพียงเท่านั้น แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างมันแตกสลายจากการที่ไม่ได้เป็นไปตามหวัง สิ่งนั้นมันเป็นความผิดของใคร หรือบางทีอาจจะไม่มีใครผิดเลยก็ได้
พวกเราทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างโจ๊กเกอร์ให้กับใครสักคน คำถามสำคัญไม่ใช่ว่าโจ๊กเกอร์คนนั้นจะลงมือทำเรื่องเลวร้ายเมื่อไหร่ แต่เป็นเมื่อไหร่พวกเราจะรู้ตัวซักที ว่าสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ก็ไม่ต่างจากสิ่งที่ตัวละครสมทบทำกับตัวละครเอกในเรื่อง
อะไรที่ทำให้คนๆหนึ่งที่ต้องการสร้างความสุขสามารถทำเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นได้ สิ่งนี้อาจสามารถอธิบายได้ในมุมมองของภาพยนตร์โดย Lucifer Effect ต้องเข้าใจกันก่อนว่า เส้นแบ่งทางศีลธรรมระหว่างความดีกับความชั่วนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการรับรู้ผ่านผู้คนในสังคมและ reinforcement ที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เดิมทีแล้วโจ๊กเกอร์ไม่ได้มีสิ่งที่เรียกว่า 'อำนาจทางสังคม' จนกระทั่งเพื่อนร่วมงานได้มอบปืuลูกโม่ไว้
และเมื่อถึงจุดที่ได้ใช้มัน ตัวละครเอกก็ดำเนินเรื่องถึงจุด point of no return ที่สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจบางอย่างที่ถูกกดไว้ลึกๆ ราวกับว่าสิ่งที่เก็บมาทั้งชีวิตได้มีการปลดปล่อย และค้นพบทางออกให้ตัวเองแล้ว
สิ่งที่ตัวละครเอกได้กระทำลงไป สำหรับสังคมและกฎหมายแล้วเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ แต่ถ้าว่าตามความรู้สึกแล้วตัวภาพยนตร์ทำให้เรารู้สึกดีไปกับการกระทำได้อย่างไม่ยากเย็น เป็นผลจากการที่เห็นภูมิหลังของตัวละครอย่างลึกซึ้ง ว่าแม้ว่าจะทำดีแค่ไหน คนแบบตัวละครหลักก็คงจะเป็นที่ยอมรับในสังคมไม่ได้ แต่สังคมที่ว่ามีหลายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างปกติ ทั้ง harrasment, discrimination, toxic masculinity, bullying หรือแม้กระทั่ง Bystander Effect
โดยสรุปแล้วในมุมมองของตัวละครหลัก ในเมืองนี้ไม่มีสิ่งใดเป็นที่พึ่งได้เลย ความจนตรอกนี้ทำให้มองไม่เห็นทางแก้เพราะจมอยู่กับความรู้สึกผิด เพราะว่าทุกสิ่งที่เห็นและได้เผชิญหน้ามันเป็นเรื่องปกติของสังคม เหตุใดกันนะคนที่สังเกตเห็นความผิดปกตินี้มักจะเป็นสิ่งที่สังคมเรียกว่าชายขอบ เพราะว่าทุกคนที่ได้เผชิญหน้ามีการ normalize เรื่องแบบนี้ไปแล้ว
สภาวการณ์ Normalization กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นถ้าให้ว่ากันง่ายๆ มันก็คือการทำให้เคยชินโดยใช้ Familarity กับตัวกระตุ้นของพฤติกรรม จนกระทั่งเรามองว่าพฤติกรรมนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้โดยที่ไม่ถูกลงโทษและไม่เสียผลประโยชน์ และมันเป็นอะไรที่ยากมากๆในการเปลี่ยนแปลงถ้าเป็นการเริ่มคุ้นเคยตั้งแต่เกิด หรือเป็นการคุ้นเคยจากการไปอยู่กับสภาพแวดล้อมบางอย่างนานๆ และเพราะสาเหตุนั้นเองทุกสิ่งที่ควรจะผิดก็จะกลายเป็นเรื่องปกติ และสิ่งที่'เห็นว่า'ถูกก็จะถูกทำเป็นเรื่องปกติเช่นกัน
ตลอดทั้งการดำเนินเรื่องนั้น ในช่วงครึ่งแรกก่อนที่จะถึง middle point ตัวละครหลักได้พยายามอย่างมากในการทำตัวปกติในชีวิตประจำวัน เพราะว่าจริงๆแล้วทุกคนนั้นถึงแม้จะมีความเป็นตัวของตัวเองมากแค่ไหน ก็อยากจะเป็นคนที่ปกติในสายตาคนอื่นก็เท่านั้นเอง ความไม่แปลกแยกหรือถูกมองเป็นตัวประหลาด (Freak) เป็นความต้องการของตัวละครหลักและมนุษย์เกือบทุกคน หรือจริงๆแล้วเป็นสิ่งที่สังคมบังคับให้เป็น ไม่อย่างนั้นก็จะถูกผลักไปเป็นคนชายขอบไปเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรักเขาในฐานะ Arthur Fleck ก็อยากจะให้พระเจ้าแสดงความเมตตาให้กับชายผู้นี้บ้าง เพราะว่าตัวละครหลักนั้นไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่ความเชื่อใจของคนในครอบครัว เดิมทีแล้วก็เพียงแค่อยากจะมีตัวตน และได้รับความรักก็เท่านั้น แต่กระนั้นชะตากรรมก็ชอบเล่นตลก หรือบางทีอาจจะเป็น entropy ก็เท่านั้นเอง คำถามสำคัญคือเพราะเหตุใดชายคนนี้ถึงไม่สมควรได้รับความรักจากคนรอบข้าง เพราะมันเป็นสิ่งที่สภาพแวดล้อมรอบตัวกำลังบอก เป็นคนที่ไม่มีใครรักและสนใจ มีเพียงแค่ต้องการหาผลประโยชน์จากตัวเขาเท่านั้น
มนุษย์ทุกคนยังคงมีสิ่งที่เรียกว่าสัญชาตญาณอยู่ เป็นสิ่งที่ทำให้ต้องการที่จะอยู่กับคนที่คล้ายๆกันและผลักใสคนนอกออกไป มันเป็นความคุ้นเคยตั้งแต่เริ่มมีพัฒนาการทางสมองที่ยังคงมีพื้นที่ปลอดภัย (safe zone) ให้อยู่ บางทีคนชายขอบอาจเพียงแค่ถูกผลักดันจากสิ่งนี้ก็เท่านั้นเอง
เพราะความต้องการที่จะปกป้องพื้นที่ปลอดภัยทั้งทางจิตใจและร่างกาย คนที่เข้ามาและสร้างเป็นสังคมนั้นต้องเป็นคนที่ยอมรับได้ในเรื่องความแตกต่างของพื้นที่ปลอดภัยของแต่ละคน เมื่อเริ่มเกิดความเคยชินนี้ คนที่แตกต่างอย่างสุดขั้วก็จะกลายเป็นคนนอกที่ถูกห้ามไม่ให้เข้าแล้วถูกผลักออกไปอย่างรุนแรงในเวลาเดียวกัน
แต่ถึงแม้ว่าความเป็นจริงอาจจะเป็นตามที่กล่าวมา ทางออกเดียวของปัญหาก็ไม่ใช่ความรุนแรงอย่างแน่นอน มันเป็นเพียงทางออกที่ตัวละครอย่าง Arthur Fleck เลือกที่จะใช้เพราะต้องการที่จะแสดงอำนาจก็เท่านั้น สุดท้ายแล้วทุกคนในเรื่องก็เพียงแค่ทำตามความรู้สึกที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องก็เท่านั้น จริงๆแล้วความถูกต้องที่ว่านั้นคืออะไรกันนะ ถ้าจะให้สิ่งที่เรียกว่ามนุษย์มาตัดสินก็คงจะใช้เพียงความรู้สึกอย่างเดียว
.
#moviecouple
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย