26 ก.พ. 2023 เวลา 23:36 • ประวัติศาสตร์

สุมาอี้ ก้าวที่2สู่อำนาจ (วิถีแห่งการรอจังหวะเวลา)

หากจะกล่าวผู้ใดที่มีความรู้ความสามารถทัดเทียมขงเบ้งก็คงจะเป็นบุคคลที่ได้ชื่อว่าจิ้งจอกเฒ่าแห่ง วุยก๊กนามสุมาอี้
ผู้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเฝ้ารอโอกาสไม่รีบร้อนในสิ่งใด โดยสุมาอี้เริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆหลังจากการตายของโจโฉ ถึงมีคำที่ว่าโจโฉเคยสอนลูกให้อย่าไว้ใจสุมาอี้
สุมาอี้พาพรรคพวกเข้าวัง
หลังจากการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าโจยอย ได้มีรับสั่งให้โจซองและสุมาอี้ช่วยกันบริหารบ้านเมือง สนับสนุนพระเจ้าโจฮองเนื่องจากตอนนั้นยังมีอายุแค่8ปี วันหนึ่งมีการแต่งตั้งให้สุมาอี้เป็นพระอาจารย์ ทำให้อำนาจทั้งหมดนั้นหายไป โจซองกุมอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียวและเริ่มหลงในอำนาจมากขึ้น
สุมาอี้หลังเสียอำนาจจึงแกล้งป่วยและลาออกจากราชการพาลูกๆทั้ง2คนกลับมาบ้านด้วย
โจซองจึงอยากพาพระเจ้าโจฮองเสด็จประพาสแต่กลัวสุมาอี้ จึงให้คนใช้ไปดูอาการว่าป่วยจริงไหม
เมื่อคนใช้มาถึงบ้านสุมาอี้ปรากฏว่าสุมาอี้กำลังนอนซม หูหนวก พูดอะไรไม่ได้ จะกินข้าวยังลำบาก
แถมยังถี่รดที่นอน จึงกลับไปบอกว่าสุมาอี้อีกไม่นานคงได้ตายแน่
นายพลโจซองพาขุนนางน้อยใหญ่ติดตามไปประพาสจนหมดทำให้พระราชวังแทบไม่เหลือใคร
โจซอง
สุมาอี้รีบลุกขึ้นสั่งระดมพลพร้อมพูดว่า "เรารอเวลานี้มาทั้งชีวิต แบ่งทหารไปล้อมพระราชวังไว้ที่เหลือมากับข้า เราจะไปหาโกยไทเฮา"
สุมาอี้เล่าความกับโกยไทเฮาว่าโจซองคิดจะแย่งอำนาจของพระเจ้าโจฮองข้าจึงขอรัฐประหาร
โกยไทเฮา
สุมาอี้ส่งม้าเร็วไปหาโจซองว่าตนรัฐประหารสำเร็จแล้วทำให้โจซองและพรรคพวกต่างยอมแพ้และทิ้งดาบหวังให้ตัวเองจะรอดพ้นโทษประหาร
โจซอง: ตระกูลเราอยู่มา3ชั่วอายุคนแต่กลับต้องเสียให้กับแกแค่วันเดียว
สุมาอี้: แล้วไง..ข้ารอ...รอวันนี้มาทั้งชีวิต เอามันและพรรคพวกไปประหารซะ
ข้าตวัดดาบเพียงครั้งเดียว
แต่ข้าลับดาบมาสิบปี
สุมาอี้
อดทนรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมและเมื่อมันมาถึงจึงค่อยคว้ามันเอาไว้ วันหนึ่งมันต้องเป็นของเรา
โฆษณา