⚠️การแข่งขันด้าน AI ระดับผู้นำโลกเริ่มมีความดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว !!! โดยล่าสุด Meta ประกาศเปิดตัว “LLaMA” โมเดลภาษาขนาดใหญ่เช่นเดียวกับ ChatGPT ซึ่งมีความสามารถคล้ายกันคือการสร้างข้อความ การสนทนา การสรุปเนื้อหา และงานที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีกอย่างเช่น การแก้ทฤษฏีบททางคณิตศาสตร์และการทำนายโครงสร้างโปรตีน !
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ LLaMA ยังไม่ได้ถูกนำมาเชื่อมกับ Product ต่าง ๆ ของ Meta แต่ในอนาคตมีแผนแล้วว่าจะเชื่อม AI ตัวนี้เข้ากับ Facebook และ Instagram ด้วย ! พร้อมเผยว่าจะมีการให้บริการด้านเทคโนโลยีแก่นักวิจัย AI ทั้งหลาย
“Meta มุ่งมั่นต่อรูปแบบการวิจัยแบบเปิดกว้าง” Mark Zuckerberg กล่าวในการเปิดตัว LLaMA
📌ทั้งนี้ หากจะอธิบายง่าย ๆ คำว่า “โมเดลภาษา” หมายถึงระบบ AI ที่มีฐานข้อมูลเป็นข้อความในดิจิทัลจำนวนมหาศาล เช่น บทความ ข่าว การสนทนาบน Social Media และใช้ข้อมูลเหล่านี้มาฝึกเพื่อให้โปรแกรมสามารถสร้างเนื้อหาใหม่ หรือตอบคำถามได้เมื่อถูกถาม
ซึ่งกระแสของ AI แนว ChatBot เหล่านี้เริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีการเปิดตัว ChatGPT ของ OpenAI ที่ Microsoft ลงทุนไป 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ทาง Google ก็เตรียมเปิดตัว Bard AI ที่เป็นคู่แข่งในเร็ว ๆ นี้
ขณะเดียวกัน ความกังวลเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI มีมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากพบข้อบกพร่องและการตอบสนองที่ไม่เหมาะสมของมัน โดย AI แสดงข้อความที่รุนแรง และดูเหมือนจะมีอารมณ์เช่นเดียวกับมนุษย์เมื่อถูกยั่วยุ
แต่ทางผู้พัฒนาอย่าง OpenAI, Google, Meta และ Microsoft ต่างก็ยืนยันว่ากำลังพัฒนาแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ของระบบ AI เพื่อให้มันทำงานได้ดียิ่งขึ้น พร้อมย้ำว่านี่คือเทคโนโลยีที่ดีและจะเปลี่ยนแปลงโลกไปอีกมากในอนาคต !
Meta ประกาศเปิดตัว LLaMA ซึ่งเป็นโมเดลภาษาที่คล้ายกับ ChatGPT (ที่มา : Bloomberg)
⚠️กระนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าเหล่านายแบงก์ใน Wall Street จำนวนมากจะไม่ชอบใจกลุ่มเทคโนโลยีเท่าไหร่ ! (และเป็นเช่นนี้มานาน) โดยล่าสุดมีข่าวว่า JPMorgan ,Bank of America , Citigroup, Deutsche Bank AG, Goldman Sachs, และ Wells Fargo & Co เป็นหนึ่งในผู้ปล่อยกู้ที่พิ่งห้ามใช้เครื่องมือใหม่ !
แต่ประเด็นที่ World Maker รู้สึกตลกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าพนักงานระดับสูงที่กุมความลับทางการเงินของธนาคารระดับยักษ์ใหญ่ใน Wall Street เหล่านี้ “มึน” ถึงขนาดเอาความลับไปเผยให้ AI
แล้วทำไมพวกเขาคิดได้แค่ว่าการแบน AI มันคือคำตอบ ? เพราะพนักงานที่มึนขนาดเผยความลับของบริษัทให้แก่ AI นั้น ก็ถือว่ามีความไม่น่าเชื่อถือมากแล้ว และยังมีสิทธิ์ที่จะเผยความลับให้แก่อย่างอื่นที่ไม่ใช่ AI เช่นกัน
หรือว่าจริง ๆ แล้วเหล่าธนาคารใน Wall Street เพียงแค่ต้องการ Discredit กลุ่มเทคโนโลยี เพราะกลัวว่าตัวเองจะสูญเสียอำนาจทางการเงินในอนาคตกันแน่ ?
นายแบงก์ใน Wall Street ต่างเร่งแบนการใช้ ChatGPT (ที่มา : Bloomberg)
📌ซึ่งไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร แต่การแบน AI ด้วยเหตุผลข้างต้นนั้น อาจจะฟังแล้วแปลก ๆ ไปหน่อย และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าในอนาคต AI จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
เพราะผู้เปลี่ยนโลกอย่าง Bill Gates เจ้าพ่อ Microsoft หรือแม้แต่ CEO ของ Google เองก็ออกมาประกาศในทำนองที่ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้คือ “จุดเปลี่ยนของโลก” ซึ่งมีความสำคัญพอ ๆ กับการเกิดอินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว
4
⚠️รอดูกันได้เลยว่าในอนาคต AI จะเริ่มเข้ามาช่วยงานมนุษย์มากขึ้นแค่ไหน ? และจะแย่งงานมนุษย์ไปได้มากน้อยแค่ไหน ? รวมถึงจะทำให้มนุษย์ต้องปรับเปลี่ยนทักษะการทำงานไปมากมน้อยแค่ไหน ? เพราะตอนนี้ 3 ผู้นำเทคโนโลยีโลกอย่าง Microsoft, Google และ Meta ต่างเดินหน้าเปิดตัว AI ของตัวเองกันแล้วทั้งสิ้น !
#WorldMaker
References :
1. Meta Steps Up Chatbot Buzz With New Tool for Training AI Systems