26 ก.พ. 2023 เวลา 16:00 • ยานยนต์

Ford Ranger Raptor ดุดันไม่เกรงใจใคร ในทะเลทรายนามิเบีย

ลองขับ Ford Ranger Raptor เครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ผลิตจากประเทศไทย แล้วส่งไปไกลถึงประเทศนามิเบีย กับสภาพภูมิประเทศสุดโหดในทะเลทราย งานนี้ได้พิสูจน์สมรรถนะกันเต็มๆ
3 ตลาดหลักของ Ford Ranger อยู่ที่ไทย แอฟริกาใต้ และออสเตรเลียครับ โดย 2 ประเทศแรกมีโรงงานผลิตที่ จ.ระยอง และเมืองพริทอเรีย ตามลำดับ
ผมมีโอกาสไปเยือนแอฟริกาใต้ พร้อมเยี่ยมชมโรงงานฟอร์ด Silverton Plant ที่พริทอเรีย ซึ่งเป็นโรงงานเก่าแก่แต่มีศักยภาพสูง ผลิตรถรองรับตลาดในประเทศ และส่งออกไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ล่าสุดเขาก็ขึ้นสายการผลิต Next Gen Ranger เหมือนเมืองไทยแล้ว
สำหรับตลาดรถยนต์รวมของแอฟริกาใต้ ขนาดเล็กกว่าบ้านเราครับ ด้วยยอดขายประมาณ 5.0-5.5 แสนคันต่อปี และมีสัดส่วนของปิกอัพกว่า 20% ซึ่ง Ford Ranger เป็นหนึ่งในรถรุ่นยอดนิยม ปัจจุบันครองอันดับสองในตลาดปิกอัพ ต่อจาก Toyota Hilux (โตโยต้ามีโรงงานผลิตที่เมือง Durban)
นอกจากไปเยี่ยมเยือนโรงงานฟอร์ด Silverton Plant แล้ว ไฮไลต์ของทริปนี้คือ ผมต้องนั่งเครื่องบินต่อไปยังประเทศนามิเบีย เพื่อทดสอบ Ford Ranger Raptor โฉมใหม่
ปิกอัพมหาเทพ Ford Ranger Raptor ที่เรามาลองขับกันที่ “วัลวิส เบย์” เมืองท่าฝั่งตะวันตกของนามิเบีย จริงๆ ก็ถูกส่งมาจากโรงงาน FTM ในไทย นี่ละครับ โดยผมและอินฟูลเอนเซอร์ อีกสองท่านไปร่วมกลุ่มกับนักข่าวจากตะวันออกกลาง รวมถึง อิสราเอล เลบานอน และ โมร็อคโค เรียกว่าสิงห์ทะเลทราย นิยมเครื่องยนต์เบนซิน V6 มากันครบ
ทริปนี้ทีมงานฟอร์ดแอฟริกาใต้ จัดเต็มความทรหดให้สมกับราคารถ ทั้งเส้นทางสุดโหด และแคมปิ้งแบบดิบๆ กลางทะเลทราย เรียกว่ารถจอดข้างๆ เต้นท์ แล้วกระโดดเข้าไปนอนได้เลย ส่วนห้องอาบนํ้า ห้องสุขา (แยกกัน) ใช้เต้นท์สูงแบบง่ายๆ แต่มีนํ้าให้ใช้แบบจำกัดจำเขี่ย
ที่นี่กลางวันแดดแรง อุณหภูมิเกิน 20 องศา แต่ไม่ถึง 30 องศา กลางคืนลมแรง (ก็นอนลานโล่งๆ กลางทะเลทราย) และมีฝนตกปรอยๆ ในตอนเช้า เพราะลมจะพัดเมฆฝนเข้ามาจากมหาสมุทรแอตแลนติก จากนั้นช่วงสายๆ เกิน 10 โมงฟ้าถึงจะกลับมาโปร่งสดใส
การขับ Ford Ranger Raptor ครั้งนี้ เราใช้โหมด Sand เป็นส่วนใหญ่ (ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ 4H) จากที่รถมีทั้งหมด 7 โหมด ยกเว้นช่วงทางดำถนนดี ขับในเมืองถึงจะหมุนกลับมาเป็นโหมด Normal (2H)
นอกจากโหมดย่อยต่างๆ ที่อยู่ภายใต้โหมดออฟโรดและออนโรดแล้ว รถคันนี้ยังมี My Mode ให้เราเลือกตั้งค่าได้ด้วยตนเอง (ถ้าจะใช้งานให้กดปุ่มบนพวงมาลัย) ปรับทั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ช่วงล่าง เสียงท่อไอเสีย และการตอบสนองของพวงมาลัย
Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันที่สอง ต้องบอกว่ายกระดับความเทพขึ้นไปจากโฉมแรก ด้วยโครงสร้างแชสชีส์ปรับปรุงใหม่ การเซ็ตช่วงล่างใหม่โช้คอัพของ Fox ขนาดใหญ่ขึ้นพร้อม Live Valve ระบบแปรผันแรงดันนํ้ามันที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งปรับความหนืด จังหวะการยุบ-ยืดได้ถึง 6 ระดับ
ขณะเดียวกัน ยังเพิ่มศักยภาพการขับขี่ออฟโรดด้วย “ดิฟท์ล็อคหน้า” นอกเหนือไปจากดิฟท์ล็อคหลัง (ที่ใครๆ ก็มี) พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ประกบยาง ออลเทอร์เรน BF Goodrich T/A KO2 ขนาด 285/70R17
รถสมรรถนะดี ได้อยู่ในที่ที่เขาควรอยู่ แถมรุ่นนี้เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 397 แรงม้า แรงบิด 583 นิวตันเมตร เกียร์ 10 สปีด ทำงานฉลาดฉับไว สอดคล้องกับโหมดการขับขี่ที่เราเลือก กับการแบกนํ้าหนักรถระดับสองตันครึ่ง ให้วิ่งในทะเลทรายแบบนี้ทั้งวันก็ไหว เพียงแต่ต้องมีถังนํ้ามันสำรองติดมาด้วย เพราะการขับในสภาพแบบนี้ รถกินนํ้ามันระดับ 4-5 กม./ลิตร นะครับ
เสียงเครื่องยนต์ เสียงท่อคำรามไพเราะ โลดแล่นบนพื้นทรายสีนํ้าตาล ฉากหลังเป็นท้องฟ้าสุดลูกหูลูกตา ส่งเสริมกับคุณค่าของ Ford Ranger Raptor ได้อย่างสมศักดิ์ศรี
ส่วนตัวผมช่วงผ่านเนินทราย และขับลงทางสูงชัน (ระดับตึก 4-5 ชั้น) ก็มีฉลุยบ้าง มีติดขัดบ้าง แต่ทีมงานเข้ามาช่วยเหลือแนะนำตลอด จนกว่าเราจะขับผ่านไปได้ด้วยตัวเอง (ไม่มีเข้ามาช่วยขับ)
1
Ford Ranger Raptor ขายในแอฟริกาใต้ ราคา 1,094,900 แรน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2 ล้านบาท ส่วนสิ่งที่ต่างกันคือเขาจะติดตั้งตัวลากจูง Tow Bar ใต้กระบะท้าย และให้ไฟส่องสว่างด้านข้างเพิ่มมาจากโฉมเมืองไทย
รวบรัดตัดความ...เครื่องยนต์ V6 บล็อกใหม่ กับการเซ็ตช่วงล่าง และเทคโนโลยียานยนต์ที่เพิ่มเข้ามา ถือเป็นปิกอัพสมรรถนะสูงที่หาตัวจับยากในตลาด ยิ่งถ้ามีโอกาสได้รีดศักยภาพ Ford Ranger Raptor ออกมาจากการขับขี่บนสภาพเส้นทางที่ไม่เรียกว่าถนน ให้เขาได้แสดงความดุดันไม่เกรงใจใครในสไตล์ออฟโรดออกมาบ้าง เชื่อว่าทั้งคนขับและรถจะร่าเริงไม่หยุดครับ
เรื่อง : กรกิต กสิคุณ
โฆษณา