27 ก.พ. 2023 เวลา 06:49 • ประวัติศาสตร์

Winchester Mystery House "บ้านผีสิงวินเชสเตอร์" คฤหาสน์ซ่อนผีแห่งสหรัฐอเมริกา

คฤหาสน์วินเชสเตอร์ (Winchester House) หนึ่งในบ้านผีสิงที่โด่งดัง และเป็นตำนานมากที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
กินเนื้อที่กว่า 400 ไร่ หลังคาสูงสีแดงในสไตล์บ้านอเมริกันสมัยก่อน แต่ภายในบ้านนั้นกลับอัดแน่นด้วยเรื่องราวสยองขวัญของการหลบหนีวิญญาณร้ายของเจ้าของบ้าน ซาราห์ วินเชสเตอร์ (Sarah Winchester)
ซาราห์ วินเชสเตอร์ เกิดในเมือง New Haven รัฐคอนเนตทิคัต ในฐานะลูกสาวของครอบครัวที่มีฐานะในช่วงปี 1840 และเธอเองก็เรียกได้ว่าเป็นลูกคุณหนูมากๆ มาตั้งแต่เกิด
ฐานะของเธอทำให้ได้แต่งงานกับ วิลเลียม วินเชสเตอร์ ลูกชายคนเดียวของตระกูลวินเชสเตอร์ ที่มีชื่อเสียงในฐานะผู้ผลิตปืนไรเฟิลรายใหญ่ของประเทศซึ่งในเวลาต่อมาจะเป็นกุญแจสำคัญในสงครามกับอินเดียนแดง และได้รับทรัพย์สินมหาศาลมาเป็นการตอบแทน
ตระกูลวินเชสเตอร์นั้นเป็นที่รู้จักกันดีในนามของเจ้าของบริษัทผลิตปืน ยี่ห้อ Winchester ที่พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์อเมริกาไปตลอดกาล สมัยก่อนปืนยาวจะบรรจุกระสุนได้ทีละนัด แต่ของวินเชสเตอร์นั้นได้ถึง 13 นัด จึงทำให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาสามารถยึดแผ่นดินจากชนอเมริกันพื้นเมือง ซึ่งใช้เพียงธนูได้เป็นผลสำเร็จ
อย่างไรก็ตามชีวิตหลังแต่งงานของซาราห์กลับไม่มีดีอย่างที่เธอหวังสักเท่าไหร่ เพราะตัวเธอต้องเสียลูกสาวที่คลอดมาได้แค่ 40 วันด้วยโรคมาราสมัส (ภาวะที่ร่างกายเด็กขาดสารอาหารที่จำเป็นอย่างรุนแรง) แถมต่อมาในปี 1880 วิลเลียมผู้เป็นสามีของเธอก็ต้องมาป่วยตายด้วยวัณโรคอีก
นั่นทำให้แม้ซาราห์จะมีเงินมากมายใช้ยังไงก็ไม่หมด แต่เธอก็ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว จนเจ้าตัวเริ่มคิดว่าเงินที่ตัวเองมีนั้นเป็นเงินเปื้อนเลือดที่ได้มาจากการขายอาวุธสงคราม และซาราห์รู้สึกว่าตัวเองจะต้องทุกข์ทรมานจากวิญญาณของคนที่ตายไป
ซาราห์เริ่มกลับมาโศกเศร้าอีกครั้ง เธอเริ่มหมดหนทาง และเริ่มใช้ไสยศาสตร์เข้าช่วยโดยลองสื่อสารกับวิญญาณของสามี และลูกผ่านทางร่างทรง ซึ่งร่างทรงก็บอกว่าการตายของทั้งสองนั้น เป็นเพราะคำสาปแช่งของเหล่าวิญญาณจำนวนมากที่ตายจากปืนไรเฟิลที่ผลิตจากบริษัทของตระกูลวินเชสเตอร์ และรายต่อไปก็คือ… ซาราห์ นั่นเอง
เธอจึงต้องย้ายบ้านไปอยู่ในแถบทิศตะวันตกตามคำแนะนำของร่างทรง นั่นก็คือเมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย จัดการซื้อที่ดิน 160 เอเคอร์ หรือประมาณ 400 ไร่ แล้วจ้างชาวบ้าน คนงานที่อยู่บริเวณนั้นมาเป็นช่างไม้ ช่างทาสี และสารพัดช่างอื่นๆ แม่บ้าน คนสวน คนรับใช้ เพื่อมาคอยสร้างและต่อเติมบ้านหลังนี้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งวันทั้งคืนโดยสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปโดยไม่มีวันหยุด
เพราะเธอเชื่อว่า ยิ่งบ้านสลับซับซ้อนเท่าไหร่ วิญญาณร้ายจะหาตัวเธอไม่เจอ รวมทั้งเสียงอึกทึกจากการต่อเติมบ้านตลอดเวลาจะช่วยให้ผีไม่กล้ามารบกวนเธอ
ซาราห์ต่อเติมบ้านหลังนี้ไปเรื่อยๆ แทบจะทั้งชีวิต จนทำให้ในบ้านนั้นมีทั้งประตูที่เปิดออกไปนอกบ้านจากชั้นสอง ทางลับ ระบบระบายอากาศ เครื่องประดับอย่างหรู หรือแม้แต่หน้าต่างที่เปิดไปเจอห้องอยู่ข้างใน เรียกได้ว่าเป็นบ้านที่ชวนสับสนอย่างที่สุด
คฤหาสน์หลังนี้ใช้เวลาสร้างและต่อเติมเป็นเวลาทั้งสิ้น 36 ปี มีทั้งหมด 7 ชั้น มีห้องทั้งหมด 160 ห้อง แบ่งออกเป็นห้องนอน 43 ห้อง ห้องใต้ดิน 2 ชั้น ประตู 950 บาน หน้าต่างกว่าหมื่นบาน เตาผิง 47 เตา บันได 40 ที่ ห้องจัดเลี้ยง 2 ห้อง ลิฟท์ 3 ตัว ปล่องไฟอีกมากมาย และโถงรับแสงอีกกว่า 10 โถง
ไม่มีใครบอกได้ว่าที่นี่มีห้องกี่ห้องกันแน่ ทุกครั้งที่มีปฎิบัติการนับห้องในบ้านเริ่มขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เคยเท่ากันเลยสักครั้ง ดังนั้นที่กล่าวกันว่าบ้านนี้มี 160 ห้องนั้นเป็นเพียงตัวเลขโดยสังเขปเท่านั้น
ความแปลกประหลาดของบ้านนี้ก็มีตั้งแต่ หน้าต่างที่มองออกไปมีแต่ผนังของอีกห้อง, บันไดที่ทอดไปสู่เพดานแต่ไม่มีห้องอะไร, ประตูที่เปิดไปแล้วไม่มีอะไรนอกจากกำแพงโล่ง, ประตูที่เปิดไปสู่ชั้นล่างแต่ไม่มีบันไดให้ลง ฯลฯ เหล่านี้เกิดจากที่บ้านหลังนี้ไม่มีการออกแบบล่วงหน้านั่นเอง
ในปี 1907 เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย คฤหาสน์วินเชสเตอร์ถล่มลงมาจนเหลือเพียง 4 ชั้น คืนนั้นซาราห์ติดอยู่ในซากปรักหักพังจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และบรรดาสาวใช้ก็เวลานานมากกว่าที่จะเธอ ในที่สุดซาราห์จึงตัดสินใจที่จะนอนอยู่ในห้องห้องเดียวถาวร เพื่อจะได้ง่ายต่อการหาตัวหากเกิดเหตุใดๆ ขึ้นอีก
และก็ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรม วันที่ 15 กันยายน ค.ศ.1922 ขณะช่างไม้กำลังต่อเติมบ้านอยู่นั่นเอง ฟ้าก็ผ่าลงมาใกล้ๆกับที่ช่างไม้ทำงานอยู่ ช่างไม้ทั้งสองเกิดกลัว และไม่ได้ทำงานต่อให้เสร็จ คืนนั้นเองซาราห์ก็จากโลกนี้ไปในวัย 83 ปี
ผู้คนต่างร่ำลือกันว่า ที่เธอเสียชีวิตนั้นเป็นเพราะว่าหยุดต่อเติมบ้านนั่นเอง
ปัจจุบัน คฤหาสน์วินเชสเตอร์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของรัฐ เปิดให้คนทั่วไปซื้อตั๋วเข้าชมได้โดยมีไกด์นำทางไปด้วยตลอดเวลา ไม่งั้นแล้วผู้เข้าชมอาจจะหลงติดอยู่ในนั้นซะเอง
ขอบคุณครับ :)
ขอบคุณบทความดีๆจาก : https://travel.trueid.net/detail/WnVDajqylxW
โฆษณา