9 มี.ค. 2023 เวลา 11:00 • ประวัติศาสตร์

ประวัติ เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำลพบุรี ต้นสายวิชาหุ่นพยนต์สายขาวอันดับ 1 ตอนที่1

เมื่อพูดถึง หุ่นพยนต์ ในปัจจุบัน หลายท่านอาจสงสัย ว่ามีประวัติเริ่มต้นความเป็นมาของสายวิชานี้อย่างไร วันนี้จะมาเริ่มที่หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่
หลวงพ่อแป้น มีนามเดิมว่า แป้น ศรีพา เกิดปีมะแม พ.ศ.2402 เป็นชาว ต.กุดนกเปล้า อ.ปากเพรียว จ.สระบุรี เมื่ออายุครบบวช ท่านได้อุปสมบทที่วัดแคนอก ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยมีหลวงพ่อแดง เจ้าอาวาสวัดแคนอก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “อุตตโม” แปลว่า “สูงสุด”
ต่อมาได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อศึกษาภาษาบาลีมูลกัจจายน์ที่วัดสระเกศ และไปต่อที่วัดสามปลื้มที่นี่เองที่ท่านได้ฝากตัวศึกษาสมถวิปัสสนากรรมฐาน และวิชาไสยเวทกับพระพุฒาจารย์(มา) พระเถราจารย์ชื่อดังในสมัยนั้นจนมีความเชี่ยวชาญในหลายๆ ด้าน
จากนั้นท่านได้มุ่งหน้าไปที่ จ.สมุทรปราการเพื่อฝากตัวเรียนวิชาไสยเวทกับหลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส (วัดบางเหี้ย) ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ แล้วจึงได้เดินธุดงค์ไปทาง จ.นครปฐมฝากตัวเรียนวิชาไสยเวทกับ หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ต.มาบแค อ.เมือง จ.นครปฐม
 
ขณะเดียวกันหลวงพ่อทาได้แนะนำให้ท่านไปเรียนวิชาไสยเวทเพิ่มเติมกับหลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ ต.ห้วยจระเข้ อ.เมือง จ.นครปฐม ก็ได้ความรู้มาอีกสายหนึ่ง
จึงนับได้ว่าหลวงพ่อแป้นเป็นศิษย์ผู้มีความรู้ด้านไสยเวทจากพระคณาจารย์ชื่อดังหลายท่านด้วยกัน
ต่อมาท่านได้ตั้งใจจะธุดงค์ไปทางภาคเหนือ ขณะที่ท่านได้มาปักกลดอยู่แถบ ต.เสาธง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยาชาวบ้านในย่านนี้เห็นปฏิปทาของท่านแล้วเกิดความศรัทธาเลื่อมใสจึงนิมนต์ให้ท่านไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเสาธงใหม่ซึ่งขณะนั้นเจ้าอาวาสวัดนี้มรณภาพลง หลวงพ่อแป้นจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดเสาธงใหม่
นับเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ 3 ของวัดนี้และได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ในเวลาต่อมา
อนึ่งขณะที่หลวงพ่อแป้นจาริกธุดงค์อยู่ในป่าท่านพบพระคณาจารย์ท่านใดที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทแก่กล้ากว่าท่าน
ท่านก็จะฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิชาไสยเวทจากพระคณาจารย์ท่านนั้นจนมีความเชี่ยวชาญเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีกเช่น พระอาจารย์โนรี พระภิกษุชาวเขมร ผู้แก่กล้าด้านอาคม ได้ฝากตัวเรียนวิชา “หุ่นพยนต์” และพระอาจารย์ลึกลับของท่านอีกรูปหนึ่ง โดยมีเรื่องเล่าสืบกันมาว่าครั้งหนึ่งหลวงพ่อแป้นกำลังคุมงานก่อสร้างศาสนสถานภายในวัดเสาธงใหม่ในขณะนั้นมีสามเณรรูปหนึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำต้องการจะขึ้นเรือคนพายเรือเห็นเข้าเลยสงเคราะห์ พอเรือรับสามเณรเสร็จ เริ่มออกจากท่าสามเณรก็ถามว่า “ไอ้แป้นอยู่หรือเปล่า”
คนพายเรือฟังแล้วก็รู้สึกไม่พอใจ คิดไปว่าเณรองค์นี้พูดจาไม่ดีเรียกหลวงพ่อแป้นซึ่งเป็นพระเถระว่า “ไอ้” ได้อย่างไรถ้าไม่เห็นแก่สามเณรที่อยู่ในผ้าเหลืองคงโดนเตะตกน้ำเป็นแน่
พอเรือพายมาถึงกลางแม่น้ำ สามเณรถามขึ้นอีกครั้งว่า “ไอ้แป้นเป็นอย่างไรบ้าง” คนพายเรือรู้สึกโมโหเลยหันมาจะต่อว่าเณร
พอหันมาก็ต้องตกใจเนื่องจากเณรที่รับมาตอนนี้เป็นพระภิกษุหนุ่มเลยไม่มั่นใจตนเองว่าตอนรับมาตาฝาดหรือเปล่าพอพายไปอีกเล็กน้อยหันมามองใหม่ให้ชัดๆ อีกครั้ง คราวนี้แปลกใจกว่าเดิมเนื่องจากพระภิกษุหนุ่มที่เห็นเมื่อครู่กลับแก่ชราลงคล้ายคนอายุ 70 ปีพอจะถึงฝั่งหันไปดูอีกครั้งกลับแก่หง่อมลงไปกว่าเดิมเมื่อถึงฝั่งปรากฏว่าหน้าตาของสามเณรที่รับมากลับกลายเป็นพระภิกษุชราอายุร่วม 100 ปี รูปร่างสูงใหญ่มาก พระภิกษุชรารูปนี้สั่งว่า ให้เรียกหลวงพ่อแป้นมาหาท่านหน่อย
ศิษย์หลวงพ่อแป้นรีบไปรายงานพร้อมทั้งเล่าพฤติกรรมอันน่าแปลกประหลาดมหัศจรรย์ให้หลวงพ่อแป้นทราบหลวงพ่อแป้นรีบมาทันที พอเห็นหน้าพระภิกษุผู้เฒ่าก็รีบเข้าไปกราบด้วยความเคารพและแนะนำศิษย์ของท่านว่า นี่คืออาจารย์ของท่านเอง เมื่อสนทนากันสักครู่พระภิกษุลึกลับถามขึ้นว่า “สวดอิติปิโสจบหรือยัง” พวกศิษย์ของหลวงพ่อแป้นฟังแล้วก็พากันหัวเราะเนื่องจากถามมาได้อย่างไรว่า สวดอิติปิโสจบไหม ใครๆ ก็สวดได้
‘ หลวงพ่อแป้นเป็นพระเถระ สวดอิติปิโสอยู่เป็นประจำแต่คำตอบของหลวงพ่อแป้นทำให้ทุกคนต้องมึนงง เนื่องจากหลวงพ่อแป้นตอบไปว่า “ยังสวดไม่จบครับ” พระภิกษุลึกลับจึงบอกกลับไปว่า “ให้พยายามต่อไป”
เรื่องนี้มีนัยในการถามของพระภิกษุผู้เฒ่า คือ การถามว่าสวดอิติปิโสจบหรือยัง น่าจะมีความหมายว่าบำเพ็ญบารมีทางโพธิญาณเต็มหรือยัง ถ้าเต็มก็แปลว่าสวดจบถ้ายังไม่เต็มแม้สวดอิติปิโสได้ก็ไม่ถือว่าสวดจบ เนื่องจากแค่จำได้ท่องได้แต่ปากนั่นเอง
 
จากนั้นพระภิกษุนิรนามก็บอกว่า ตนเองมีฉันเพลที่ลพบุรี จะต้องรีบไปแล้วตัวท่านก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนฟ้าจนลับหายไป
ต่อมาภายหลังพระภิกษุชราท่านนี้ได้กลับมาหาหลวงพ่อแป้นที่วัดเสาธงใหม่อีกครั้งและถามด้วยคำถามเดิมว่า “สวดอิติปิโสจบหรือยัง” คราวนี้หลวงพ่อแป้นตอบว่า “สวดจบแล้วครับ” ท่านจึงบอกแสดงให้ท่านดูหน่อยหลวงพ่อแป้นจึงได้แสดงฤทธิ์โดยการเดินขึ้นลงไปตามเสาและเพดานของศาลาการเปรียญอย่างคล่องแคล่ว พระภิกษุชราเห็นเช่นนั้นจึงบอกว่า “เออดี เอ็งสวดจบแล้ว” จากนั้นก็ขอตัวลากลับไป
นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับอาจารย์ลึกลับของหลวงพ่อแป้นที่ครูอาจารย์หลายท่านกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า พระภิกษุลึกลับท่านนี้ คือ “พระเทพโลกอุดร” พระอมตเถราจารย์ผู้อยู่เหนือกาลเวลานั่นเอง
 
หลวงพ่อแป้นเป็นพระคณาจารย์ที่มุ่งเน้นการปฏิบัติสมถวิปัสสนากรรมฐาน มีพลังจิตที่แก่กล้าเชื่อกันว่าท่านได้สำเร็จอภิญญาสมาบัติ สามารถแสดงฤทธิ์ต่างๆให้เป็นที่ประจักษ์ได้ เช่น วาจาสิทธิ์ ล่องหน กำบังกาย ร่นระยะทางเดินข้ามแม่น้ำได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ หลวงพ่อแป้นยังเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยท่านทั้งสองมีการแลกเปลี่ยนวิชาไสยเวทและไปมาหาสู่กันเป็นประจำ
 
พระคณาจารย์อีกรูปหนึ่งที่เป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อแป้น คือหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดบ้านสวน จ.สุโขทัย ผู้เป็นศิษย์สายตรงของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) วัดระฆัง เป็นผู้สำเร็จวิชาเล่นแร่แปรธาตุ และท่านยังเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว อีกด้วย
ในด้านวัตถุมงคล หลวงพ่อแป้นได้จัดสร้างไว้หลายประเภทแต่มีจำนวนไม่มากนัก เช่น เหรียญหล่อรูปเหมือน หลังยันต์ อุ-มะ, เหรียญหล่อรูปพระพุทธ หลังยันต์ อุ-มิ และหลังรูปแพะ (ท่านเกิดปีมะแม)
 
เหรียญหล่อรูปพระพุทธ มีลักษณะคล้ายกับเหรียญหล่อรูปพระพุทธ รุ่น ๒ ของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ผู้เป็นอาจารย์ของท่าน
นอกจากนี้ยังมีรูปถ่ายอัดกระจกล็อกเกตพระปิดตาเนื้อเมฆพัด พระปิดตาเนื้อผงจุ่มรัก และเครื่องรางในรูปแบบต่างๆ เช่น
แหวนหล่อรูปแพะ ผ้าประเจียด ตะกรุด เขี้ยวเสือแกะ หุ่นพยนต์ เป็นต้น
‘หลวงพ่อแป้น’วัดเสาธงใหม่พระอริยสงฆ์ผู้สำเร็จอภิญญาสมาบัติ
วัตถุมงคลของหลวงพ่อแป้น มีพุทธคุณเด่นทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรีและสามารถคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
วัตถุมงคลหลวงพ่อแป้น
หลวงพ่อแป้น มรณภาพเมื่อ พ.ศ.2491 รวมสิริอายุได้ 89 ปี ต่อมาทางวัดได้จัดสร้างรูปหล่อเท่าองค์จริงของท่านขึ้นไว้ในมณฑปภายในวัด มีพุทธศาสนิกชนต่างมากราบสักการะขอพรกันเป็นประจำสิ่งของที่มักจะมีผู้นำมาถวายและแก้บนกัน คือ แกงขี้เหล็ก
วัดเสาธงใหม่ มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในยุค หลวงพ่อแป้น อุตตโม ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสเนื่องจากท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่เรืองวิชาด้านไสยเวทในทุกๆ ด้านและมีเมตตาธรรมสูงมาก
 
หลวงพ่อแป้น เป็นพระคณาจารย์ที่เชี่ยวชาญไสยเวทในระดับแนวหน้าเป็นอาจารย์ของพระคณาจารย์ชื่อดังระดับประเทศถึง 3 รูป และฆราวาสชื่อดังอีก 1 ท่านคือ
  • 1.
    หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว ต.พระงาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
  • 2.
    หลวงพ่อมากวัดโตนด ต.นางร้า อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
  • 3.
    หลวงพ่ออุป วัดเทพอุปการามต.ตานิม อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
  • 4.
    อาจารย์ลอย โพธิ์เงิน ฆราวาสชื่อดังผู้มีความชำนาญทางสร้าง “หุ่นพยนต์” จนเลื่องลือไปทั่วทุกวงการ
ในสมัยที่หลวงพ่อแป้น ยังมีชีวิตอยู่ท่านจะให้ความอนุเคราะห์แก่ศิษย์และชาวบ้านทั่วไปโดยไม่เลือกชั้นวรรณะชาวบ้านแถบวัดเสาธงใหม่ และพื้นที่ใกล้เคียงต่างให้ความเคารพนับถือและยกย่องหลวงพ่อแป้นเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ท่านได้รับการขนานนามว่า “เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำลพบุรีของเมืองกรุงเก่า”
ที่มา:ลานโพธิ์ ฉบับที่1214 หลวงแป้น อุตฺตโม วัดเสาธงใหม่ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
:คมชัดลึกหลวงพ่อแป้นวัดเสาธงใหม่พระอริยสงฆ์ผู้สำเร็จอภิญญาสมาบัติ
โฆษณา