28 ก.พ. 2023 เวลา 03:18 • หุ้น & เศรษฐกิจ

SET INDEX ขาดแรงขับเคลื่อน ... ขึ้นยาก

ถือครอง SET Index อยู่ในภาวะที่ขาดแรงขับเคลื่อนในโครงสร้างพื้นฐานทางพื้นฐานและ Fund Flow โดยไม่จำกัดปัจจัยที่คำนวณไว้เพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายในไตรมาส 4/65 ซึ่งประกาศออกมาแล้ว 92% ของ Market Cap ทำให้กำไรสุทธิเพียง 1.43 แสนประหยัดอย่าลืม 35% QoQ และ 45% YoY
เมื่อเทียบกับ Bloomberg Consensus ถึง 40% ของกำไรที่ต่ำ ซึ่งจะทำให้ค่า PER ของแคปซูลไทยปรับตัวขึ้นสู่ระดับนั้น 19 ความสามารถในการรองรับ Fund Flow พบ ว่านักลงทุนเทรดเดอร์ยังคงขายสุทธิอย่างต่อเนื่องและพิจารณาแรงซื้อจากสถาบันในประเทศก็เบาบางภาวะแวดล้อมที่เหนือกว่าผลประกอบการของเบนซินไทยที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำให้แน่ใจว่าจะทำให้ขึ้นของ SET Index เกิดขึ้นหรือไม่ ปัจจัยสำคัญในต่างประเทศต้องคอยติดตามความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่จะเกิดขึ้น
ประเมินว่า SET Index อยู่ในภาวะที่ขาดแรงขับเคลี่อน ใม่ใช่คำถามของปัจจัยพื้นฐานและ Fund Flow อธิบายได้ในกรอบ 1621 – 1635 จุด หุ้น Top Pick เลือก CBG, SAWAD และ STEC
คาดว่ากนง.ขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ 0.25% กดดัน
ทบทวนเดือน ก.พ.66 Bond Yield เลนซ์ขยับขึ้นเร็ว ค้ำให้ YIELD CURVE ปล่อยให้หน่วยงานซึ่งมีความต้องการที่จะแน่นอนเช่นช่วงอายุ 1 ปี ปรับตัวขึ้น 15.2 bps มาที่ 1.73% (สูง เหนือกว่าดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่ 1.5%) ที่เหลืออีกไม่เกิน 10 ปี 20 ปี ปรับตัวขึ้น 2.5 bps 1.6 bps ทำตามคำสั่งด้านล่าง หนองใน วันที่ 29 มี.ค.66 มีโอกาสปรับขึ้นอีก 25 bps มาอยู่ที่ 1.75%
โดยฝ่ายวิจัยฯ จะพบกับโอกาสที่จะเจอก็จะพบกับ 1.75%-2.00% ซึ่งตามคำสั่งนี้จะเป็นตัวกดดัน ตลาดหุ้นฯให้ซื้อขายบน P/E ที่ลดน้อยลง พักผ่อนตามเป้าหมาย SET Index โดยหลีกเลี่ยงเช่นกัน
ซึ่งสาเหตุหลักคงมาจากนักลงทุนจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่ลดการปล่อยตราสารหนี้ไทย โดย ก.พ.66 มียอดขายสุทธิกว่า 6.5 หมื่นคน (ซึ่งรวมถึงม.ค.66 ซื้อสุทธิ 2.4 หมื่นนี้) ซึ่ง ก่อนการขายตราสารหนี้ระยะยาวกว่า 5.2 หมื่นจำไม่ได้ (ยังไม่เคยมีการเปรียบเทียบความถี่ 80%) ดังนั้นจึงเห็นผลตอบแทนบาทอ่อนเพื่อตอบโต้เมื่อเดือน ก.พ.66 ราว 5.8% อยู่ในระดับ 35.1 บาท/เหรียญฯ
กำหนดทั้งบาทที่อ่อนจะเกิดขึ้นเร็ว อัตราผลตอบแทนของพันธบัตร 1 ปี เร่งขึ้นหากมีคำถามของนโยบายที่ต้องการ มีความเสี่ยงที่จะเห็นกนง. ขึ้นดอกเบี้ยสำหรับดาว์นรา 1-2 ครั้งสุดท้ายที่กลุ่มมวลชนถูกดดันให้ซื้อขายบน P/E ที่ลดน้อยลงเมื่อเจอปัจจัยที่ก่อให้เกิดการกดดันความเสี่ยงระยะถัดไป
เศรษฐกิจไทยยังหวังพึ่งเพื่อนๆ + ท่องเที่ยวเป็นหลัก
วานนี้ สศค. กล่าวถึงกรณีภาวะเศรษฐกิจไทยต่อไปนี้ ม.ค. 2566 เป็นผู้รวบรวมแรงสนับสนุนจากปีที่แล้วซึ่งจะช่วยปรับปรุงให้ดีขึ้นได้หมวดสินค้าที่เหลือจากปริมาณรถจักรยานยนต์ที่เริ่มต้นใหม่ มุ่งมั่นให้ผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมาที่ 51.7 จุดซึ่งต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และสูงสุดในรอบ 26 เดือน ส่วนการสัมมนาที่ช่วยให้ดูดีขึ้นจากทั้งการเพิ่มของทุนสำรองฯ และรวมถึงจากอัตราที่ตามมา เสริม
ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วง 4Q65 โดยมีเป้าหมายเพียง +1.4%YoY ทำให้ดัชนี GDP อยู่ที่ระดับ 98.6 จุด ซึ่งจะต้องปรับตัวจากช่วง 3Q65 ที่ระดับ 100.1 จุดนั้นแสดงว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้รับจากช่วงก่อนเกิด COVID- 19 (เหนือกว่าภาคฐานที่ 100 จุด ณ สิ้นปี 2019) อีกมากของส่วนประกอบเศรษฐกิจไทยที่มวลรวมจะถูกผลิตออกมาซึ่งยังไม่เต็มที่เช่น กิจเป็นไปได้และบริหารทรัพยากร (ภาคบริการ) 75.1 จุด,
ซัมเมอร์และก็ด้านอาหาร (ภาคการท่องเที่ยว ) 79 จุด, ทำกิจกรรมเพื่อความบันเทิงและที่ต่างๆ (Sector MEDIA) 86 จุด, ขนส่งที่ต้องการเก็บสินค้า (Sector TRANS) 87.8 จุด เป็นต้น ซึ่งภาคส่วนดังกล่าวเหล่านี้ยังมีโอกาสอีกมาก
อย่างไรก็ไม่เป็นไร ในระหว่างนั้นโปรดทราบว่าความเสี่ยงใดที่จะควบคุมได้ ต่อไปนี้เป็นเงื่อนไขที่อาจเป็นไปได้โดยตรงต่อภูมิภาคการค้าระหว่างประเทศ จากอุปสงค์ที่อนุญาตให้เริ่มลงจะทำให้เห็นได้ว่าลดหย่อนภาษีให้กับ GDP เช่นกัน โดยจากสภาพัฒน์ฯ ที่ปรับฐานของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ออกจากกรอบ 3 – 4% เหลือ 2.7 – 3.7%
กรณีที่กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยที่ม.ค. คอยช่วยเหลือสนับสนุนจากแรงสนับสนุนจากบางทีที่จะต้องมีความสามารถในการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การช่วยจำนั้นยังคงดูดีจากทั้งการเพิ่มของทุนสำรองฯ และอื่น ๆ อีกมากมายจากอัตราภาษีที่ต้องปฏิบัติตามนั้นต่อเนื่องกับเศรษฐกิจไทยใน ในปีนี้จะเห็นการร้องขอหรือไม่ โปรดติดตามอุตสาหกรรมที่จัดทำข้อมูลภูมิจาดโควิด-19 เช่น MINE, SERVICE, TOURISM, MEDIA, TRANS เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงเชิงอรรถรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่ต้องติดตามต่อไป
หาหุ้นกำไรเน้นๆ หลัง SET เดือน ก.พ. 66 ลงมากกว่าปกติ
เดือน ก.พ. 66 SET Index นี้ มีใครใช้เปรียบเทียบทั้งประเด็นความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์, ระบบปฏิบัติการที่ยืนกรานและอย่าลืมติดตามงบ 4Q65 มาสจดบันทึกภาษาไทยที่รายงานออกมา 92% จะลดลง 35%QoQ และ 45%YoY เปรียบเทียบดูเป็นรายภาคธุรกิจของกลุ่มที่ขาดทุนคือ PETRO, STEEL, ICT, CONS และกลุ่มที่กำไรลดลง ได้แก่ MEDIA, PKG, CONMAT, ENERG เป็นต้น
งวดนี้ SET Index ในเดือนนี้ปรับปรุงให้ลดลงมา -2.64% ทดสอบระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปี oc ไม่นับปีที่เกิดวิกฤติดอทคอม (ก.พ. 2000) -21.62%, วิกฤติโควิด (ก.พ. 2563) - 11.47%
กลยุทธ์ในช่วงที่ตลาดทำให้เกิดภาวะกำไรที่ออกมาต่ำคาดตลาด Valuation แพงขึ้น ดังนั้นการลงทุนจึงต้องมีทั้งหุ้นมากขึ้น แนะนำให้เลือกหุ้นที่ปรับฐานสำหรับเชิงลึกและผ่านกำไรงวด 4Q65 จุดที่ต้องการ (Bottom Out) ) ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบถัดไปแนะนำ SAWAD, STEC, CBG, IVL, BLA, JMT ส่วนTop pick ในวันนี้เลือก SAWAD, STEC, CBG
โฆษณา