ชาวลิกเตนสไตน์ ประเทศจิ๋ว แต่รวยเป็นอันดับ 2 ของโลก
ด้วยขนาดพื้นที่เพียงแค่ 158 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าครึ่งหนึ่งของฝั่งธนบุรี ไม่มีทั้งสนามบิน ไม่ติดทะเล กับประชากรเพียงแค่ประมาณ 40,000 คน
40,000 คน คือจำนวนที่เทียบเท่ากับจำนวนพนักงานธนาคารของธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงเทพ 2 ธนาคารใหญ่ในประเทศเราบวกรวมกัน
เรากำลังพูดถึง “ลิกเตนสไตน์” ประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ แม้จะดูเล็กทั้งในแง่ของพื้นที่ จำนวนประชากร และการเข้าถึงยาก
แต่ชาวลิกเตนสไตน์ กลับมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวถึง 5.8 ล้านบาทต่อปี สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียงประเทศโมนาโก เท่านั้น
แล้ว ลิกเตนสไตน์ สามารถทำรายได้มหาศาลเข้าประเทศ และสร้างความมั่งคั่งให้แก่ประชากรของตัวเองได้อย่างไร ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไป 100 กว่าปีที่แล้ว ลิกเตนสไตน์ ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในยุโรปในตอนนั้น
ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเพียงหุบเขาเล็ก ๆ ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติอะไร ไม่มีภาคการผลิต และตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย ซึ่งไม่มีทางออกสู่ทะเลทั้งคู่
เรียกได้ว่าตอนนั้น ลิกเตนสไตน์ ทั้งยากจน แถมยังเป็นหนี้มหาศาล จากการที่ต้องนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนมาก เนื่องจากตัวเองไม่มีภาคการผลิตในประเทศ และยังต้องส่งออกแรงงานของตัวเองไปทำงานยังต่างประเทศ
จนกระทั่งปี 1923 ลิกเตนสไตน์ ได้ไปขอผนวกเข้าร่วมกับเขตเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ แม้ฝั่งสวิตเซอร์แลนด์จะดูเหมือนไม่ค่อยได้ประโยชน์มากมายเท่าไรนัก จากการเข้าร่วมเขตเศรษฐกิจในครั้งนี้
แต่ฝั่งลิกเตนสไตน์นั้น ถือว่าได้รับประโยชน์อย่างมาก เพราะสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้ในราคาที่ถูกลง
แต่ถึงอย่างนั้น ลิกเตนสไตน์ ก็ยังคงเป็นประเทศที่ไม่มีทั้งเงินทุน เทคโนโลยี และแรงงาน อยู่ดี
รัฐบาลของลิกเตนสไตน์ จึงได้พยายามหาวิธีใหม่ ๆ ในการหาเงินเข้าประเทศ ด้วยการผ่านกฎหมายเอื้อสิทธิพิเศษให้กับนักลงทุนจากต่างประเทศ
เพื่อให้มาตั้งบริษัทใน ลิกเตนสไตน์ พร้อมกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและการลงทุนอย่างมหาศาล
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ธุรกิจจำนวนมากในยุโรปก็แห่ย้ายกันมาจัดตั้งบริษัทในประเทศแห่งนี้เป็นจำนวนมาก และเงินก้อนนี้รัฐบาลก็เอาไปทุ่มสุดตัวกับการสร้างเขื่อน เพื่อมาผลิตไฟฟ้า
โดยหวังว่าโรงไฟฟ้าแห่งนี้จะปฏิรูปให้ ลิกเตนสไตน์ สามารถกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมขึ้นมาได้เหมือนกับประเทศอื่น ๆ ในยุโรป
และในปี 1939 สงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุขึ้น
แต่ละประเทศในยุโรป ต้องเกณฑ์ประชากรของตัวเองไปเป็นกำลังสำรองในการทำสงคราม หรือเฝ้าชายแดนของตัวเอง ทำให้เริ่มขาดแคลนแรงงาน
หลายอุตสาหกรรมจากประเทศข้างเคียง จึงเริ่มย้ายฐานการผลิตมาตั้งใน ลิกเตนสไตน์ และผลิตชิ้นส่วนของเครื่องจักรและเครื่องมือ ส่งกลับไปยังแต่ละประเทศ
เมื่อสงครามจบลง เศรษฐกิจของ ลิกเตนสไตน์ ก็เริ่มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จากความต้องการสินค้าและบริการจำนวนมาก เพื่อฟื้นฟูยุโรปในตอนนั้น รวมถึงรายได้จากบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียนในประเทศ ก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่มีเพียงหลักหมื่นคนในประเทศ ทำให้ความมั่งคั่งภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ซึ่งลิกเตนสไตน์ รู้ดีว่า เหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นผลดีแค่ชั่วคราว เพราะด้วยจำนวนประชากรที่น้อยกว่าประเทศอื่นมาก หากแข่งขันด้วยการผลิตสินค้าปริมาณมากนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้
จึงหันไปมุ่งพัฒนาการผลิตสินค้าคุณภาพสูง และได้ก้าวขึ้นเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าคุณภาพสูง รวมถึงสินค้าเฉพาะทางอย่างอุปกรณ์ทางการแพทย์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักรที่มีความซับซ้อน
ที่น่าสนใจก็คือ อุปกรณ์เฉพาะทางอย่างเครื่องมือทางทันตกรรมนั้น ลิกเตนสไตน์ ถือเป็นผู้ครองตลาดถึง 20% ของส่วนแบ่งทางการตลาดโลกเลยทีเดียว
ในปัจจุบัน ภาคการผลิตของ ลิกเตนสไตน์ ได้เติบโตขึ้นมาก จนต้องนำเข้าแรงงานจากทั้งสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย เข้ามาช่วยในภาคการผลิต
และยังได้กลายเป็นประเทศที่มีรายได้จากการส่งออกต่อหัว สูงที่สุดในโลกอีกด้วย
ถึงตรงนี้เราจะเห็นได้ว่าในช่วงระยะเวลาแค่ 100 กว่าปีที่ผ่านมา ลิกเตนสไตน์ ได้เปลี่ยนตัวเองจากประเทศที่ยากจน แร้นแค้น ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ และแรงงาน
กลายมาเป็น ประเทศที่มีรายได้ต่อหัวสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดี เสียภาษีต่ำ และรัฐบาลก็ไม่มีหนี้สาธารณะเลย
ซึ่งเบื้องหลังของเรื่องนี้ ก็คงจะเป็น การใช้ความได้เปรียบที่ตัวเองมี มุ่งหาทักษะความเชี่ยวชาญพิเศษ ทั้งในด้านการผลิตและบริการทางการเงินที่ไม่เหมือนใคร ที่ทำให้ประเทศจิ๋ว ๆ แห่งนี้ รวยขึ้นมาได้นั่นเอง..
เปิดบัญชีหุ้นกับ Finansia ที่มีชื่อเสียงในการจัดสรรหุ้น IPO ให้กับลูกค้า หากเราอยากลงทุนซื้อหุ้น ร่วมเป็นเจ้าของกิจการในตลาดหุ้นไทย เราสามารถเปิดบัญชี Finansia ง่าย ๆ อนุมัติไวภายใน 8 นาที คลิกได้ที่ลิงก์ bit.ly/FinansiaxLongtunman
References
- 27
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
