6 มี.ค. 2023 เวลา 09:35 • ดนตรี เพลง
สำหรับผมแล้ว
“เชื้อเพลิงแห่งแรงบันดาลใจ” มาจาก
“การลงมือทำ”
1
(get my both hands really really dirty!”
ผมชอบคำกล่าวที่ว่า
> “You can only connect the dots backward.”
ของ Steve Jobs เอามากๆ
และ
> “One thing leads to another.”
และ
> “When you get lost, (that means) something has been found!”
ผมจึงขอแชร์ประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับผมดังนี้ครับ
1) ผมเป็นคนชอบศึกษาเรื่องรถยนต์มาตั้งแต่เด็กๆ
จนช่วงที่ผมเรียนขั้นอุดมศึกษาในสายเทคโนโลยี ผมก็เปิดอ่านนิตยสารเกี่ยวกับรถที่ผมติดตามมาตั้งแต่สมัยผมเรียนชั้นมัธยม
1
และเป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้ว่ามีงานแสดงรถที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกในกรุงโตเกียวที่มีชื่องานว่า
“Tokyo Motor Show”
ผมอยากไปงานนี้มากจนผมขวนขวายจนเรียนและสอบใบประกาศนียบัตรภาษาญี่ปุ่นชั้นต้นได้ทั้งหมด 3 ใบ!
ถึงแม้วันนี้ผมเองยังไม่มีโอกาศได้ไปชมงาน TMS แต่ด้วยความชื่นชอบในรถยนต์และ TMS ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผมมีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นมาจนถึงทุกวันนี้
2) ถัดมาจากนั้น
ผมได้ทำงานเป็น “พนักงานเสริฟ” ในร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งซึ่งพนักงานรวมถึง Executive Chef เป็นชาวญี่ปุ่นเกิบทั้งหมด
ด้วยความรู้พื้นฐานภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ผมจึงเริ่มสน “การเรียนรู้” เรื่องอาหารเพิ่มขึ้น จากที่ไม่คิดจะชอบเรื่องทางนี้เลย!
ทั้งนี้เป็นเพราะ เชฟญี่ปุ่นมี “ชุดมีด” ที่ใช้เตรียม “sushi และ sashimi” แตกต่างกันอยู่จำนวนหลายเล่มเป็นที่ตระการตายิ่งนัก!
จนในที่สุด ผมก็เริ่มศึกษาพื้นฐานการทำอาหารเบื้องต้น โดยการศึกษา
“การแล่ปลา” (whole fish filleting)
ด้วยตัวเองจาก Youtube
3) ไม่เพียงเท่านั้น
ผมยังมีโอกาสได้รับการฝึกฝนให้เป็น
“นักขาย”
จากทีมบริหารของร้านอาหารที่มีอยู่หลายสาขาทั่วโลกในขณะนั้น
โดยในเวลานั้น พวกเขาจะสอนเรื่องการ
“up selling”
ของทั้งอาหารและเครื่องดื่มในร้านให้ลูกค้าได้สัมผัสสินค้าใหม่ๆของร้านและเพิ่มยอดขายให้ร้านด้วย
โดยทุกๆ “items” ที่ผมสั่งให้ลูกค้าลงในระบบ ทางคอมพิวเตอร์ของร้านจะทำการบันทึกไว้
และเมื่อมีการ “แข่งขัน” การขายเครื่องดื่ม brand ดังจากประเทศญี่ปุ่น
ผลปรากฏว่า ผมทำยอดขายได้เป็นอันดับหนึ่งของสาขาที่ผมทำงานอยู่ และได้รับรางวัลเป็นตู้เย็นมูลค่านับหมื่นบาทจากทางบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้น!
นี่เองเป็น “แรงบันดาลใจ” ให้ผมสนใจ
“งานขาย”
และในที่สุดผมก็ได้มาเริ่มเป็น
“Content Creator”
บน platform นี้เป็นที่แรก
หลังจากที่ผมได้ติดตาม
“Gary Vaynerchuk”
ซึ่งเขาเป็นเจ้าของกิจการ Social media marketing ที่มีชื่อเสียงที่สุดท่านหนึ่ง
4) และสิ่งที่มีค่ามากไปกว่า “ผลตอบแทนเป็นตัวเงิน” ที่ผมได้รับจากการเป็น “พนักงานเสริฟ”
ก็คือ
“ทักษะแห่งการเป็นมนุษย์” ที่สำคัญที่สุดทักษะหนึ่ง นั่นก็คือ
“ทักษะในการสื่อสาร”
หรือที่ผมชอบเรียกรวมๆว่า
“people skills”
และนี่เองที่ผมสามารถติดต่อสื่อสารกับ “คนแปลกหน้า” ได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ!
ซึ่งทักษะนี้ผมไม่ได้เรียนมาโดยตรงจากสถาบันไหน นอกเหนือจากการเป็น
“เด็กเสริฟ”
ในร้านอาหาร!
5) และเมื่อผมกลับมาดูแล
“พระในบ้าน”
และ ญาติๆซึ่งอยู่ในวัยผู้สูงอายุกันแล้ว
ทักษะในการ “เตรียมอาหาร” ของผมก็ได้ถูกนำมาใช้อย่างไร้รอยต่อ (seamless) เลยทีเดียว!
> ไหนจะเรื่องการดูแลบำรุงรักษารถยนต์ ซึ่งผมไม่เคยมีมาก่อนเพราะผมไม่เคยใช้รถยนต์มาก่อนเลย
ด้วยความที่ผมศึกษาเรื่องรถยนต์มาตั้งแต่เด็กๆ
การดูแลรักษารถยนต์จึงเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกินเลย “ขอบเขต” ความสามารถของผมแต่อย่างใด
แถมผมยังได้ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับ
“รถ EV” และ “รถ H2” หรือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน เอาไว้ล่วงหน้า และได้เขียนเป็น posts ไว้สำหรับท่านที่สนใจไว้แล้วด้วย!
> ยิ่งไปกว่านั้น
นอกจากการดูแลผู้สูงอายุ และรถยนต์แล้ว
ผมก็เริ่มเส้นทางสาย DIY โดยการเป็น
“ช่างประจำบ้าน”
ให้กับตัวเอง โดยเริ่มจากงานช่างง่ายๆเช่น การเป็น ปลั๊กและสวิตช์ไฟ จนไปถึง การเปลี่ยนอะไหล่ปั๊มน้ำด้วยตัวเอง
จนเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่ผมเรียก
“ช่างแอร์”
มาช่วยล้างแอร์ที่บ้านให้ ผมก็เกิดมี
“แรงบันดาลใจ”
ขึ้นมาว่า “ทำไมผมไม่ศึกษาเรื่องแอร์” ให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะได้ทำการดูแลซ่อมบำรุงแอร์บ้านขั้นพื้นฐานด้วยตัวเอง!
และเมื่อราวสองอาทิตย์ที่แล้ว ผมใช้เวลาอย่างน้อยๆร่วมๆ 10 ชั่วโมงไปกับการค้นคว้าข้อมูลทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับแอร์บ้านทั้งของไทยและต่างประเทศบน Youtube นับช่องไม่ถ้วน
จนผมเริ่มมองเห็นภาพและชื่นชอบที่จะศึกษาและทำความรู้จักกับอะไหล่แอร์บ้านประเภทต่างๆที่ผมคิดว่าผมจะสามารถล้างแอร์และทำการตรวจสอบแอร์ด้วยตัวเองได้ในอนาคต!
6) และเมื่อปลายปีที่แล้ว
ขณะที่ผมกำลังเตรียมอาหารให้พระในบ้านอยู่นั้น
ผมก็ได้ชมรายการหนึ่งของทางช่อง TNN ไปด้วย
เนื้อหาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ “นักลงทุน” ท่านหนึ่งที่มีชื่อว่า “คุณมี่”
เส้นทางชีวิตของ “คุณมี่” ทำให้ผมเกิด
“แรงบันดาลใจ”
ในการเป็นนักลงทุนขึ้นมา ทำไมหรือครับ?
“คุณมี่” เล่าเองว่า ท่านเรียนหนังสือไม่เก่งเลย จนเรียนจบแค่เพียง “ม.3”
หลังจากนั้น ท่านก็ทำงานเป็น “พี่วินมอเตอร์ไซด์” อยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่ท่านจะไปเปิดร้านเกมส์เป็นธุรกิจส่วนตัวจนมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ
และเริ่มผันตัวมาเป็น “นักลงทุน” จากการที่ได้รับฟัง “การบรรยาย” เรื่องการลงทุนโดยบังเอิญตอนที่ท่านไปเดินห้างแห่งหนึ่ง
จนทุกวันนี้ “คุณมี่” ที่ท่านเรียนไม่เก่ง จบแค่ ม.3 กลายเป็น “นักลงทุน” แถวหน้าระดับประเทศ ที่คนที่เรียนมามากกว่า ม.3 อย่างผม ขอยึดเป็น idols อีกท่านหนึ่ง นอกเหนือจากท่านอาจารย์ปู่
“Warren Buffett”
ที่ผมเองรู้จักท่านผ่านจากปกหนังสือนักลงทุน มาตั้งแต่สมัยที่ผมไปเดินร้านหนังสือ เพื่อเปิดดูหนังสือรถจากต่างประเทศในยุคสมัยนั้น!
และการเรียนรู้เพื่อเป็น “นักลงทุน”
ก็จะกลายเป็น
“The next chapters”
สำหรับชีวิตผมต่อไป
และผมขอสรุปด้วยคำกล่าวของ
“Rumi” ที่ว่า
“When you start to walk on the way, the way appears.”
โฆษณา