6 มี.ค. 2023 เวลา 14:42 • ปรัชญา

“ปล่อย” และ “ขอให้โชคดี” ประโยคจากลาที่ไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้

“ปล่อยให้เธอได้เจอทางที่ดี ปล่อยให้เธอได้มีชีวิตใหม่ ปล่อยให้การเฝ้ารอของเธอ ได้เจอจุดหมาย ปล่อยความรักนำทางให้เธอ” เนื้อร้องจากเพลง ปล่อย - หนุ่ม กะลา
“ขอให้เธอไปดี ขอให้มีความสุข ขอให้เธอหมดทุกข์เสียที” เนื้อร้องจากเพลง ขอให้โชคดี - พลพล
หลังจากได้นั่งฟังเพลงทั้งสองเพลงจากสองศิลปินต่อเนื่องกันแล้วรู้สึกว่าทั้งสองเพลงนั้นมีจุดร่วมในความหมายเดียวกันคือ “การยอมรับความจริง ที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ เมื่อต้องเลิกรา”
ในชีวิตรักนั้น มีผู้เชียวชาญได้แบ่งไว้มีอยู่ 5 ลำดับขั้นด้วยกัน เพื่อให้เข้าใจง่าย (และคนส่วนใหญ่นั้นมักจะจะถึงทางตันตอนที่เดินถึงขั้นที่ 3) โดยลำดับขั้นทั้ง มีดังนี้
1. ขั้นตกหลุมรัก : ระยะนี้คือช่วงระยะแรกรัก เพิ่งตกหลุมรักกันใหม่ๆ โลกทั้งใบเป็นสีชมพู ทุกอย่างช่างดูสวยงาม คิดถึงตลอดเวลา อยากเจอหน้ากันบ่อยๆ เข้าอกเข้าใจ และมองข้ามเรื่องราวด้านลบเล็กๆ น้อยๆ ไปเลย หรือจะเรียกง่ายๆว่าระยะคลั่งรัก หรือช่วงโปรโมชั่น
2. ขั้นเรียนรู้และปรับตัว : เป็นช่วงที่ความเป็นตัวตนของคนเราก็จะเผยออกมาให้อีกฝ่ายเห็นมากขึ้น ขั้นนี้ต่างฝ่ายจะเริ่มแบ่งปันความคิด ความรู้สึก มีเรื่องของหน้าที่ การรับผิดชอบ ทัศนคติ และการใช้ชีวิตต่างๆ เพิ่มเข้ามา ความหวานอาจลดลง และเพิ่มเติมคือที่ต่างฝ่ายต้องปรับตัวให้เข้ากัน หากมาถึงขั้นนี้หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องปรับมากจนเสียตัวตนไป มันคงไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดี และอาจต้องยุติการเดินทางร่วมกันในขั้นนี้ แต่หากต่างฝ่ายต่างปรับ และยอมรับตัวตนซึ่งกันและกัน การเดินทางก็ดำเนินไปต่อ
3. ขั้นชินชา : คู่รักส่วนใหญ่จะตกม้าตายที่ขั้นนี้ พอใช้เวลาด้วยกันมาซักพัก คนเราจะเริ่มชิน เริ่มไม่ตื่นเต้นกับคนข้างๆ และอาจถึงขั้นเบื่อหน่ายกับความซ้ำซากจำเจเดิมๆ ลึกๆอาจจะอยากหวานแหววกันเหมือนเดิม แต่ความพยายามในความรักมันน้อยลง เมื่อก่อนถ้าทะเลาะกันจะรีบเคลียร์ให้จบเร็วที่สุด แต่พักหลังๆ มาเหมือนว่าจะหมดแรงแก้ปัญหาไปซะเฉยๆ
เมื่อความรู้สึกด้านลบเมื่อมีสะสม คำสัญญาต่างๆกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีความหมาย และหากคำว่า “เรา” มันไม่แข็งแรงมากพอ เงื่อนไข ข้อแม้ต่างๆที่ต่างฝ่ายเคยยอมรับซึ่งกันและเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เริ่มมองเห็นและยอมรับในข้อเสียต่างๆของอีกฝ่ายไม่ได้ และ “ความเป็นเรา” มันทำร้ายซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเราอาจจะมาถึงทางตันแค่ตรงนี้
4. ขั้นมั่นคงและเข้าใจ : หากความสัมพันธ์ของทั้งคู่สามารถจับมือกันผ่านด่านโหดที่สุดมาได้ หมายความว่าคุณได้เรียนรู้ทุกอย่างของกันและกันมามากพอ เพราะฉะนั้นความรักในขั้นนี้ไม่ได้แค่ความหลงประเดี๋ยวประด๋าว หรือแค่ความโรแมนติกอีกต่อไป แต่เป็นความรักที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจ และการยอมรับซึ่งกันและกัน
5. ทีมเวิร์ก : ขั้นสุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุด ขั้นนี้อาจเป็นเวลาที่คู่รักตัดสินใจสร้างครอบครัว หรือคบหากันอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น ความรักที่มีพัฒนาไปสู่ความผูกพัน เป็นมิตรภาพที่ดี มีความเอื้ออาทรต่อกัน และมีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่เหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าหากมาถึงขั้นนี้ได้จะถึงเส้นชัยแล้วนะ ในเส้นทางแห่งความรักยังจะมีความท้าทายใหม่ๆ เข้ามาเป็นบททดสอบอยู่เสมอ แต่ขอให้ใช้ความรัก ความเข้าใจ ความซื่อสัตย์ และความจริงใจ ในการช่วยกันแก้ไขปัญหาให้มันผ่านพ้นไปด้วยกัน จนกว่าจะถึงวันสุดท้าย
สุดท้ายการเดินทางของความรัก อาจเป็นความสวยงามที่ได้เดินทางร่วมกันไปตลอดชีวิต หรืออาจเป็นการเดินทางที่ต้องแยกจากกันไปในระหว่างทาง แต่การที่ฝ่ายหนึ่งยอมที่จะ‘ปล่อย’เพื่อจบความสัมพันธ์ และการลาจากด้วยการอวยพร ‘ขอให้โชคดี’ อาจจะไม่ใช่การที่ฝ่ายนั้นยอมแพ้ แต่คือการฝ่ายนั้นๆยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น และหวังว่าอีกฝ่ายจะได้ใช้ชีวิตที่ปรารถนา ค้นพบสิ่งที่ตามหามาแสนนาน รวมถึงอวยพรให้อีกฝ่ายมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าตอนที่ยังมีเราอยู่ร่วมกัน
เพ้อเจ้อรอบดึก
อ้ายเคน (Ordinary Man) 6 มี.ค. 2566
โฆษณา