11 มี.ค. 2023 เวลา 16:56 • ประวัติศาสตร์

“ฆาตกรต่อเนื่องที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์”

เขาเป็นใครมาจากไหน และเคยก่อคดีอะไรไว้บ้าง
.
เหตุการณ์แจ๊คเดอะริปเปอร์เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1888-1891 โดยเหตุการณ์ทั้งหมดจะเกิดขึ้นในเขตๆหนึ่งของกรุงลองดอนตะวันออกที่ชื่อว่า “Whitechapel” ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งเสื่อมโทรมที่มีชาวยิว, ชาวไอริช ซึ่งย้ายหนีหนีจากถิ่นฐานเดิม เนื่องจากต้องการจะหนีจาก การเมือง, การเหยียด และความยากจน โดยผู้คนใน “Whitechapel” จะมีอาชีพต่างกันแต่โดยส่วนใหญ่แล้วนั้น ผู้ชายจะมีอาชีพเป็นผู้ใช้แรงงาน
ส่วนผู้หญิงนั้นหากไม่ได้ทำอาชีพ รับทำความสะอาดก็มักจะเป็นโสเภณี ซึ่งถือได้เป็นการอยู่อาศัยที่ยากลำบากเป็นอย่างมาก และนี่ก็คือสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมของแจ๊คเดอะริปเปอร์นั่นเอง
โดยในระหว่างปี 1888-1891 จะเกิดคดีฆาตกรรมเป็นจำนวนมาก แต่ที่ทางตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของแจ๊คเดอะริปเปอร์มีแค่ 5 คดีเท่านั้น นอกนั้นคาดว่าเป็นคดีที่มีเจตนาเพื่อแอบอ้างเป็นแจ๊คเดอะริปเปอร์มากกว่า โดยคดีทั้ง 5 นั้นจะมีชื่อเรียกว่า “The canonical five” ซึ่งทั้ง 5 คดีนั้นเกิดขึ้นปี ค.ศ. 1888 และเกิดในระยะเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น
โดยคดีทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในรัศมีแค่ 1 ไมล์ ในคดีแรกนั้นคือ คดีของ Mary Ann Ninichols ที่นอนตายบนถนนของ Whitechapel ต่อมาในคดีที่สอง คือ คดีของ Annie Chapman โดยเป็นคดีที่มีหลักฐานหลงเหลืออยู่ โดยเป็นผ้ากันเปื้อนที่ทำจากหนังตกอยู่ ซึ่งทำให้เกิดฉายาแรกนั่น คือ “Leather Apron murderer” หรือ ฆาตกรผ้ากันเปื้อนหนัง ส่วนในคดีที่ 3-4 เป็นคดีฆาตกรรมแบบต่อเนื่องซึ่งเกิดขึ้นในวันเดียวกัน และห่างกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
Elizabeth Stride และ Catherine Eddowes โดยก่อนหน้าที่จะเกิดคดีได้มีจดหมายส่งมาข่มขู่โดยได้ลงชื่อไว้ว่า “ Jack the Ripper” ทำให้เกิดเป็นฉายาที่ 2 และเป็นฉายาที่คนเรียกกันมายันปัจจุบัน และคดีสุดท้ายคดีที่ 5 เป็นคดีของ Mary Jane Kelly โดยทั้ง 5 คดีนี้มีจุดร่วมกัน 2 จุดนั่นก็ คือ
1. ผู้หญิงทั้งห้าคนนั้น ถูกคนในสมัยนั้นมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่ดี บางคนติดเหล้ามึนเมา, หย่าร้างจากสามี, โสเภณี และนักต้มตุ๋น
2. วิธีการฆ่าด้วยการปาดคอ และยังตัดชิ้นส่วนอวัยวะภายใน รวมไปถึงหลังก่อเหตุเสร็จก็จะนำศพไปทิ้งไว้ที่อื่นแทน (ไม่ใช่ทุกคดี) ซึ่งวิธีการฆ่าในลักษณะนี้เหมือนเป็นการยืนยันว่าเป็นฝีมือของแจ๊คเดอะริปเปอร์
 
ด้วยความที่ตำรวจกลัวว่าจะมีเหยื่อมากขึ้นก็เลยตั้งใจจะเตือนประชาชน ด้วยการเอาจดหมายที่ลงนาม “Jack the ripper” ไปออกข่าวเพื่อให้ผู้คนระวังตัว แต่ผลลัพธ์ที่ได้ คือ มีตัวปลอมเกิดขึ้นเต็มไปหมด ทำให้ตำรวจสืบคดีนี้ยากขึ้นไปอีก
.
ทำไมแจ๊คเดอะริปเปอร์ไม่เคยถูกจับได้
.
อย่างที่รู้กันว่าแจ๊คเดอะริปเปอร์ คือ ฆาตกรที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์เป็นคดีที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากแต่ทำไมไม่สามารถจับตัวแจ๊คเดอะริปเปอร์ได้ คำตอบของคำถามนี้ คือ ตำรวจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขากำลังตามหาใครอยู่และในปี ค.ศ. 1888 ความรู้ในด้านนิติศาสตร์ก็ยังไม่มากพอ ส่วนใหญ่ที่สรุปได้จากการให้การของพยาน คือ ผู้ต้องสงสัยน่าจะมีความสูงอยู่ที่ประมาณ 5 ฟุต 8 นิ้ว มีหนวดและสีผมเป็นสีน้ำตาลอ่อน
แต่ในยุคปัจจุบันมีคนได้ตัดสินใจว่าควรเอาผ้าคลุมของเหยื่อรายที่ 4 ไปตรวจ DNA โดยเป็นการตรวจ DNA กับลูกหลานของผู้ต้องสงสัยทุกคน แต่ก็ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัด เพราะมันเป็นการตรวจแบบ “Mitochondrion” ซึ่งเป็นการตรวจเป็นกว้างมากทำให้ไม่สามารถสรุปตัวฆาตกรที่แท้จริงได้
.
สาเหตุที่คดีนี้เป็นคดีชื่อดัง เพราะเป็นคดีสะเทือนขวัญ และป็นคดีลึกลับที่สก็อตแลนด์ยาร์ดไม่สามารถปิดคดีได้ยันปัจจุบันไม่มีการเฉลยความจริง ก็เลยเป็นช่องว่างให้คนสามารถใส่จินตนาการลงไปได้มากมาย
.
ผู้เขียน : นิปุณ ทรัพย์ทวีกุล
.
แหล่งอ้างอิง
.
เครดิตรูปภาพ
โฆษณา