เมื่อเงินฝาก ไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด
คืนพฤหัสที่ผ่านมา เกิดเรื่องวุ่นๆในเมการะดับจุดเริ่มวิกฤตการเงินก็ว่าได้
โดยเริ่มจากที่ว่ามันมึธนาคารอันนึงชื่อว่า SVB (Silicon Valley Bank) ซึ่งนางเนี่ยก็ถือว่าเป็นธนาคารค่อนข้างใหญ่ เรียกว่าใหญ่เป็นอันดับที่ 16ของเมกา ขนาดถ้าเทียบกับไทยก็ประมาณธ.กสิกรรวมกับธ.กรุงเทพเลยก็ว่าได้
ซึ่ง SVB นางเป็นธนาคารที่มีลูกค้าส่วนมากเป็นลูกค้าจากแก๊ง Start up ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กสายเทคโนโลยีที่ล้วนแต่ฝากเงินในธนาคารนี้
ซึ่งปกติเวลามีลูกค้ามาฝากเงิน ธนาคารเค้าก็จะเอาเงินไปปล่อยกู้ แต่ SVB ก็ไม่ได้เอาไปปล่อยกู้หมด แต่มีไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยเพิ่มเติม อย่างพวกตราสารพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งช่วงที่ FED ยิง QE ปี 2020 คิดดูพันธบัตร10ปีให้ดอกเบี้ย ต่ำกว่า1% แต่ปัจจุบันพันธบัตร10ปีให้ดอกเบี้ย 4%.....แล้วใครมันจะไปลงทุนอันที่ให้ดอกเบี้ย1% ละ
แล้วมันเกิดไรต่อ พันธบัตรที่ให้ดอกเบี้ย1%ที่ SVB ถืออยู่ก็ราคาตกสิคะ เพราะไม่มีใครอยากได้ แต่มันไม่ได้ถึงกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตายขนาดนั้นในตอนแรก เพราะถ้า SVB ไม่ขายก็ไม่ขาดทุน แค่รอให้มันครบอายุก็พอ ซึ่งผลขาดทุนที่เกิดขึ้นในงบ SVB แบบนี้เรียกว่า ผลขาดทุนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง
ซึ่งเอาจริงๆ มันไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะใน SVB นะ มันเกิดขึ้นกับทุกธนาคารในเมกาเลยแหละที่เกิดผลขาดทุนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงแบบนี้
แต่เรื่องโอละพ่อของ SVB มันเริ่มจากที่ว่าบริษัทจัดอันดับเรตติ้ง Moody's ได้กระซิบบอกผู้บริหารว่าเด่วจะลดอันดับเรตติ้งนะ เพราะมีผลขาดทุนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงมากไป ผู้บริหารก็ยอมไม่ได้สิ จะมาลดแบบนี้ได้ไง เด่วกระทบความเชื่อมั่นนีกลงทุนหมด อ่ะ ขอไปปรึกษากันแปป
ผู้บริหาร SVB ก็บินจากCalifornia ไปนู้นเลยค่ะ New York ไปคุยกับ Banker ชื่อดังอย่าง Goldman Sach ซึ่งก็ได้ขอสรุปมาว่า อ่ะ ให้ขายพวกพันธบัตรหรือตราสารต่างๆ ซึ่งก็ต้องขายขาดทุน แล้วพอทำให้ผลขาดทุนมันเกิดขึ้นจริง SVB ก็ต้องขายหุ้นเพิ่มทุน เพราะผลขาดทุนมันใหญ่มากจนส่วนหุ้นของเจ้าของ SVB หายแว่ปไปกับผลขายขาดทุนจากตราสาร
ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผน นักลงทุนก็จะเพิ่มทุนกันสวยๆ และทุกอย่างก็ Happy ending
แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นนะสิ......พอข่าวออกมาว่า SVB กำลังจะขายหุ้นเพิ่มทุน นักลงทุนก็ตกใจสิคะ ว่าเอ้ะ อะไรยังไง ทำไมอยู่ดีดีต้องเพิ่มทุน เกิดอะไรขึ้น หุ้น SVB ลงทันที 60% เมื่อตลาดรู้ข่าวเพิ่มทุน
ไม่พอ มีคนไปแนะนำให้บรรดาลูกค้า SVB ถอนเงินออกจากธนาคารก่อนที่จะถอนไม่ได้ ซี่งก็บรรลัยสิคะ ลูกค้าแห่ถอนเงิน นักลงทุนเดิมที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนก็ไม่เพิ่มทุนละ เกิดภาวะวิกฤตสภาพคล่องภายใน 24ชั่วโมง จนในที่สุดทางรัฐต้องสั่งปิด และเตรียมจัดการหนี้สินคืนเงินแก่ลูกค้าเงินฝาก จบรอบแบบปังๆมาแรงพอๆกับหนัง Avatar ที่ถือเป็นความพังของธนาคารอันดับ2ในประวัติศาสตร์เมกา
ความอลหม่านมันไม่ได้จบแค่นั้น เนื่องจากความลามท่วมทุ่งเริ่มเกิดขึ้นในอังกฤษ เพราะมันก็มีธนาคาร SVB ด้วยที่นั้น และตอนนี้เริ่มมีเสียงออกมาแล้วว่าให้ทางการอังกฤษเข้ามาช่วยเหลทอเป็นการด่วน
ส่วนในเมกาตอนนี้ทุกคนเริ่มกังวลอุตสาหกรรมธนาคารที่มีผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงอยู่ในระดับสูงมาก มีการเทขายหุ้นธนาคารกันยกใหญ่......แต่ๆ วิกฤตจริงมันจะเกิดขึ้นเมื่อตอนผู้คนไม่มีความเชื่อมั่นในธนาคารจนต้องถึงกับแห่กันไปถอนเงิน ซึ่งตอนนี้มันยังไม่เกิด
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าทางการเดินเกมพลาด ไม่สร้างความเชื่อมั่นบนสถานการที่มันหล่อแหลมแบบนี้ บอกได้เลยว่าเราได้เห็นวิกฤต 2008 อีกรอบแน่ๆ
ที่น่าสนใจมากๆคือ วิกฤตอันนี้เกิดจากการที่ FED ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว และล่าสุดที่ Powell เองให้สัมภาษณ์ก็มีท่าทีแข็งกร้าว พร้อมขึ้นดอกเบี้ยให้สูงกว่าเดิมเพื่อต้านเงินเฟ้อที่อาจจะเอาไม่อยู่ แต่ก็เนี่ยแหละ เหรียญอีกด้านของการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว หลังจากคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำมานาน
- 50
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
