12 มี.ค. 2023 เวลา 11:19 • ประวัติศาสตร์

นักบุญที่โคตรโหด

นักบุญโอลก้า (Saint Olga) เรียกได้ว่าเป็นนักบุญที่โครตโหดอันดับต้นๆของนักบุญในศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ก็ว่าได้
แล้วนักบุญคนนี้ไปไปทำวีรกรรมอะไรมาถึงขึ้นชื่อเรื่องความโหด โอลก้า เกิดในครอบครัวชาวไวกิ้งที่ตั้งถิ่นฐานในพิสคอฟ (Pleskov) และเป็นลูกสาวของเจ้าเมือง
ซึ่งภายหลังได้แต่งงานกับเจ้าชายอีกอร์แห่งเคียฟรุสบุตรชายของโอเล็ก (Oleg) ในขณะที่เธอมีอายุเพียง 15 ปี
หลังจากโอเล็กเสียชีวิตลงอีกอร์ได้เป็นผู้ปกครองเคียฟรุสต่อจากพ่อของเขาแต่ก็เกิดความไม่ลงลอยกันในอาณาจักร ชาวเดรฟเลียน( Drevlians )ได้หยุดจ่ายภาษีให้กับ
เคียฟรุสทำให้เจ้าชายอีกอร์ต้องไปเจรจากับชาวเดรฟเลียนแต่ก็ถูกสังหารอย่างโหดร้ายมีนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกได้บันทึกไว้ว่าพวกเขาได้ตัดต้นไม้ทับไปที่ขาของเจ้าชายอีกอร์และปล่อยให้ต้นไม้ตั้งตรงอีกครั้งและจึงฉีกล่างออกจากกัน
เหตุการนี้ได้รู้เรื่องไปถึงเจ้าหญิงโอลก้าภรรยาของเจ้าชายอีกอร์ในขณะนั้นเธอมีอายุเพียง 23 ปีลูกของเธอสเวียโตสลาฟ (Sviataslav) พึ่งมีอายุได้ 3ขวบ
ทำให้เธอได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนลูกของเธอที่อายุแค่ 3ขวบ แต่เจ้าชายมอร์ (mal) แห่งเดรฟเลียนที่รู้ว่าเจ้าหญิงกำลังโสดหลังจากสูญเสียสามีไป
เขาก็ได้วางแผนที่จะแต่งงานกับเจ้าหญิงโอลก้าเพื่อที่จะทำให้เขามีอำนาจในอาณาจักรมากขึ้นและได้ส่งคณะทูตไปที่เมืองเคียฟ (เมืองหลวงของอาณาจักรเคียฟรุส) เพื่อขอเจ้าหญิงโอลก้าแต่งงาน
แต่เจ้าหญิงไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับคนที่ฆ่าสามีของเธอ เธอจึงวางแผนที่จะแก้แค้นให้กับสามีของเธอด้วยการหลอกคณะทูตว่าเธอยินดีที่จะแต่งงาน
กับเจ้าชายมอร์แต่ลับหลังเธอสั่งทหารให้ไปขุดหลุมแล้วตอนเช้าของอีกวันเธอหลอกให้คณะทูตของเดรฟเลียนมาที่ปากหลุมและสั่งให้ทหารฝังคณะทูตทั้งเป็น
หลังจากนั้นเธอได้ส่งสารไปถึงเจ้าชายมอร์เธอตกลงที่จะแต่งงานแต่เธอแกล้งขอทหารองค์รักษ์มือดีที่สุดเพื่อที่จะคุ้มกันเธอไปที่อาณาจักรของชาวเดรฟเลียน
เจ้าชายมอร์จึงส่งทหารองรักษ์มือดีที่สุดไปที่เคียฟเพื่อคุ้มกันเจ้าหญิงโอลก้าพอทหารองค์รักษ์มาถึงเมืองเคียฟเธอได้ต้อนรับทหารองค์รักษ์เหล่านั้น
และให้ทหารองค์รักษ์ไปอาบนำ้ที่โรงอาบนำ้ก่อนระหว่างที่ทหารองค์รักษ์ชาวเดรฟเลียนอาบนำ้กันอยู่เธอสั่งให้ทหารของเธอปิดตาย
โรงอาบนำ้และเผาโรงอาบนำ้ไปพร้อมกับองค์รักษ์ชาวเดรฟเลียนที่อยู่ในนั้นทั้งหมด
หลังจากเธอเผาองค์รักษ์ชาวเดรฟเลียนทั้งเป็นเธอได้เดินทางไปยัง อิสโครอสเตน
(เมืองหลวงของชาวเดรฟเลียน) (Iskorosten) ชาวเดรฟเลียนคิดว่าองค์รักษ์ที่ส่งไปคุ้มกัน
เจ้าหญิงโอลก้าได้กลับมาพร้อมกับเจ้าหญิง
(องค์รักษ์จริงๆ ตายหมดที่โรงอาบนำ้) ทันทีที่เจ้ามาถึงเมืองเธอได้จัดงานศพของสามีเธอที่ตายไปและจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับทหารชาวเดรฟเลียน
ในระหว่างที่ทหารชาวเดรฟเลียนกำลังเมาได้ที่เธอได้สั่งให้ทหารที่มากับเธอสังหารทหารชาวเดรฟเลียนทั้งหมด
สรุปมีทหารชาวเดรฟเลียนตายไปประมาณ 5000 คน โอลก้าสามารถปิดล้อมเมืองหลวงของชาวเดรฟเลียนได้อย่างสมบูรณ์
1
ชาวเมืองเดรฟเลียนได้ยื่นข้อเสนอการจ่ายส่วยให้กับเจ้าหญิงโอลก้าแรกกับการที่เจ้าหญิงต้องไม่โจมตีเมืองและกลับไปที่กรุงเคียฟ
เจ้าหญิงโอลก้ายอมรับข้อเสนอแต่เธอกับขอแค่นกพิราบ 3ตัวและนกกระจอก 3ตัวต่อบ้าน 1หลังเพื่อแลกกับการสงบศึก
ชาวเมืองได้รวบรวมนกทั้งหมดให้กับเจ้าหญิงแต่ในคืนนั้นเองเธอสั่งให้นำผ้ากัมมะถันมาผูกติดไว้ที่ขาของนกจากนั้นเธอก็ปล่อยนกทั้งหมดให้บินกลับไปที่เมือง
จนทำให้เมืองไฟไหม้ชาวเดรฟเลียนหนีตายออกนอกเมืองแต่ก็ต้องพบเจอกองทัพของเจ้าหญิงโอลก้าเธอสั่งให้ทหารฆ่าชาวเมืองและบางส่วนถูกจับตัวไปเป็นทาส
ในที่สุดเธอก็แก้แค้นให้สามีเธอสำเร็จจนได้
แต่ทำไมเจ้าหญิงโอลก้าถึงเป็นนักบุญได้ละ
หลังจากแก้แค้นให้สามีสำเร็จเจ้าหญิงโอลก้าเดินทางไปยังกรุงคอนสแตนติโนเปิลเธอได้ยอมรับการเข้ารีดนับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์พอเจ้าหญิงกลับมาถึงอาณาจักรของเธอได้อุปภัมภ์ศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ในอาณาจักรและในปี ค.ศ. 1547 ศาสนาจักรนิกายออร์โธดอกซ์ในรัสเซียได้ประกาศให้เจ้าหญิงโอลก้าเป็นนักบุญในศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์
โฆษณา