13 มี.ค. 2023 เวลา 03:05 • นิยาย เรื่องสั้น

ทำไม SVB ถึงล้ม:

SVB หรือ Silicon Valley Bank เป็นธนาคารระดับท้องถิ่นขนาดกลาง มีจุดมุ่งเน้นที่บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี อยู่แถวบ้านผมที่แหละ เปิดทำธุรกิจในปี 1983 เมื่อปีที่แล้วธนาคารนี้ดำเนินธุรกิจกับ 44% ของสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและการแพทย์ของสหรัฐที่เข้าตลาดหุ้นสำเร็จ (went public)
สิ่งที่เกิดขึ้นที่ SVB คือ classic bank run เริ่มไหม้โดยการบริหารจัดการที่ผิดพลาด การตัดสินใจที่ไม่ดีของธนาคารเอง การเปลี่ยนแปลงกฎหมาย และลูกค้าที่ตื่นตระหนก
1 การที่ Fed ขึ้นดอกเบี้ยทำให้ธนาคารทุกแห่งต้องจ่ายดอกในอัตราที่สูงกว่าก่อนมากสำหรับเงินฝาก ปัญหาที่แท้จริงสำหรับธนาคารทุกแห่ง - ไม่ใช่เฉพาะธนาคารนี้ - ไม่ใช่เพราะดอกเบี้ยขึ้นสูงอย่างเดียว แต่เพราะขึ้นเร็วปรูดๆ ภายในปีเดียว Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 0.25% เป็น 4.75% ดังนั้นธนาคารจึงต้องจ่ายเงินมากขึ้นในการกู้ยืม แต่ไม่สามารถเพิ่มผลตอบแทนจากสินทรัพย์ของตนได้อย่างรวดเร็วเท่า
หากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ผู้ฝากอาจไม่ใส่ใจ ทิ้งเงินไว้ในบัญชีที่ให้ผลตอบแทนต่ำ ธนาคารทั้งหลายจะแฮปปี้ เพราะยังมีเวลาในการแทนที่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำด้วยสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
2 ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะเริ่มเพิ่มขึ้นไม่นาน ผู้บริหารธนาคารนี้ดูจะมึนๆ ควักกระเป๋าซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุยาวนานและ corporate bonds ราคายอดดอยมูลค่า $128B (B นะครับ ไม่ใช่ M) หรือ 51% ของสินทรัพย์ท้ังหมดของธนาคาร ราวกับไม่รู้ว่าดอกกำลังจะขึ้น ระดับแมงหวี่อย่างผมยังรู้ และขยับตัวทัน...พอ Fed ขึ้นดอก โลกก็เปลี่ยน ดอกเบี้ยขึ้น ราคา bonds ทั้งหลายก็ตก ตรงนี้ตายตัว
ทำไงล่ะทีนี้ จะขายก็ขาดทุน...โครงสร้างเงินทุน (capital structure) ของธนาคารนี้มีความเป็นเอกลักษณ์ทำให้มีความเสี่ยงต่อการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าธนาคารอื่น
3 เงินกู้ใหม่จากสตาร์ทอัพส่วนใหญ่แห้งเหือดไป เพราะเงินไม่ได้เกือบจะเป็นของฟรีแล้วหนิ เงินที่ให้กู้ก่อนดอกเบี้ยปรับขึ้นนั้นค่อนข้างเล็กสำหรับ SVB ($66B) และอยู่ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า...รายได้เก่าต่ำ รายได้ใหม่ไม่เข้า ดังนั้นรายได้สุทธิของธนาคารจึงลดลง
4 ผู้ฝากเงินจำนวนมากของ SVB ส่วนใหญ่เป็นบริษัทสตาร์ทอัพ, Venture Capitalist, หรือกองทุนการเงิน ไม่ใช่บุคคล พวกนี้ไวกว่าบุคคล หูตาสัปปะรด เกิดอะไรขึ้น ถอนเงินออกในชั่วพริบตา
5 SVB อาจจัดการความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยได้ดีขึ้นหากส่วนหนึ่งของกฏหมายกำกับการเงิน Dodd-Frank ซึ่งประกาศใช้หลังวิกฤตการณ์ปี 2551 ไม่ถูกยกเลิกในสมัยทรัมป์ (คณะนี้ไม่ชอบกฏเกณฑ์ใดๆ รถไฟตกรางที่ Ohio ก็เพราะการยกเลิกกฏข้อบังคับเพื่อป้องกันอุบัติเหตุโดยนายทรัมป์เช่นเดียวกัน)
Greg Becker ซีอีโอของ SVB สนับสนุนการยกเลิกกฏข้อบังคับนี้ ซึ่งลดความถี่ที่ธนาคารที่มีสินทรัพย์ระหว่าง $100B ถึง $250B ต้องผ่าน stress test โดย Fed เป็นผู้ทดสอบ
6 เมื่อความเสี่ยงด้านสภาพคล่องมีมากขึ้น (liquidity risk) ผู้บริหารธนาคารก็จำใจต้องดำเนินการที่ไม่อยากทำ เมื่อวันพุธที่แล้ว SVB ขายหลักทรัพย์ที่ซื้อมาในข้อ 2 มูลค่า $21B โดยขาดทุน $1.8B...ซื้อราคายอดดอย ขายราคาก้นเหว ไม่ขาดทุนได้ไง เลยพยายามแปะรูรั่วด้วยการออกหุ้นมูลค่า $2.25B เพื่อช่วยลดความสูญเสีย
7 ตรงนี้ทำให้นักลงทุนจำนวนมากตกใจ และทำให้ bank run เกิดขึ้น ต่างคนต่างรีบถอนเงิน ไม่มีใครอยากเป็นคนสุดท้าย
8 เป็นผลให้หน่วยงานของรัฐแคลิฟฟอร์เนียร์ปิดธนาคารเมื่อเช้าวันศุกร์ที่แล้ว และเงินฝากของลูกค้าที่เหลืออยู่ $91B ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของ FDIC ทันที (Federal Deposit Insurance Corp. หน่วยงานประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง)
~ ~ ~
คำถามต่อไปที่ชัดเจนคือ "สิ่งนี้จะนำไปสู่การแพร่ระบาดของระบบธนาคารในสหรัฐทั้งหมดหรือไม่?"
ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญระดับท๊อปส่วนใหญ่กล่าวว่าคงไม่เกิดขึ้น เพราะสถานการณ์ที่ SVB นั้นจัดว่า unique ธนาคารใหญ่ๆดูแลการเงินของตัวเองดีกว่านี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้นกับธนาคารอื่นๆ ที่คล้ายกับ SVB ในด้านโครงสร้างเงินทุนและสถานการณ์
Larry Summers อดีตรัฐมนตรีคลังกล่าวว่าตราบเท่าที่รัฐเข้ามาดำเนินการ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกังวลว่า svb จะเป็นอันตรายต่อส่วนอื่น ๆ ของระบบการเงิน
#SVB_AlaiNa
~ ~ ~
Greg Becker, อดีต CEO SVB
โฆษณา