Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
13 มี.ค. 2023 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
“เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์” หรือ SJWD
คือสูตรสำเร็จของการผสานความแข็งแกร่ง
บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD คืออีกหนึ่งสูตรความสำเร็จครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทย ซึ่งเป็นการผสานกำลังร่วมกันระหว่างบริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SCGL) และ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ดังนั้น ภาพจำต่อจากนี้ไปจะผนึกกำลังเพื่อต่อยอดการเติบโตเป็น “เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์”
นักลงทุนคงจะเกิดความสงสัยว่า เมื่อสองยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทย หลังจากที่ผนึกกำลังร่วมกันแล้วจะต่อยอดธุรกิจ และสร้างการเติบโตในแง่มุมไหนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นด้านของการยกระดับเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน หรือการเกื้อหนุนให้ฐานรายได้ทะยานเติบโตขึ้นอย่างเด่นชัด Wealthy Thai จะพาไปหาคำตอบ
โดยการรวมกิจการครั้งนี้ ถือเป็นการผสานจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้านความเป็นผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มสินค้าเฉพาะทางของ JWD เช่น สินค้าควบคุมอุณหภูมิ สินค้าอันตราย และรถยนต์ ประกอบกับความชำนาญสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมของ SCG เช่น เหล็กและวัสดุก่อสร้าง กระดาษและบรรจุภัณฑ์ และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น
ทั้งนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการโลจิสติกส์ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และรูปแบบการให้บริการที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งบริการคลังสินค้า ซัพพลายเชน การขนส่งสินค้าแบบต่อเนื่องหลายรูปแบบ
รวมถึงโอกาสในการสร้าง Synergy เพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งจะช่วยยกระดับเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน เช่น มีฐานลูกค้ารวมกันมากกว่า 2,400 ราย มีพื้นที่คลังสินค้าและลานจอดพักรถรวมกว่า 2.3 ล้านตารางเมตร รถขนส่งกว่า 12,000 คัน
เปิด 5 แผนการเติบโตร่วมกันในอนาคต
.
สำหรับโอกาสทางธุรกิจที่วางแผนร่วมกันมีทั้งหมด 5 ส่วน ได้แก่ (1) การเพิ่มรายได้จากการ Cross-Sale และ Up-Sale จากฐานลูกค้าเดิมของทั้งสองบริษัทเพื่อเพิ่มรายได้และการประหยัดต้นทุน (2) การสร้างมูลค่าเพิ่มในบริการเดิมที่แต่ละฝ่ายมีความชำนาญ เช่น คลังห้องเย็น ลานจอดรถยนต์ คลังสินค้าอันตราย การขนส่งแบบต่อเนื่องหลายรูปแบบ
(3) การเชื่อมต่อฐานการให้บริการในภูมิภาคอาเซียนแบบไร้รอยต่อ โดยนำ Business Model ที่ประสบความสำเร็จในไทย ไปสร้างการเติบโตในต่างประเทศ (4) ให้บริการแบบ D2C (Direct to Consumer) ตามความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ผ่านบริการห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า โลจิสติกส์สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การขนส่งแบบด่วน
(5) พัฒนาขอบเขตการให้บริการอย่างต่อเนื่องในธุรกิจใหม่ ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม บริการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับจัดการโลจิสติกส์ เป็นต้น
Digital & Sustainability Logistics
ขณะที่แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในมุมของ Digital บริษัทให้ความสำคัญกับการนำ Digitalization เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพการให้บริการที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการทำงาน ลดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ และช่วยสร้างโอกาสใหม่ ให้ธุรกิจ
รวมถึงช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผ่านการพัฒนาระบบภายในบริษัท เช่น การใช้ Platform as a Service (PaaS), การวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าเพื่อใช้ในการพัฒนาบริการ (Data Analytics) รวมถึง การใช้ระบบติดตามการขนส่ง (Telematics) ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และ ประสิทธิภาพการให้บริการ
นอกจากนี้ อีกหนึ่งแนวทางที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจที่ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ แนวทางในการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบ Sustainability โดย SJWD มีความพร้อมมุ่งเน้นการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและสังคม ผ่านแนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) ด้วยกลยุทธ์ 5 ข้อได้แก่
การหา Solution ในการเพิ่ม Backhaul Matching คือ การ Match เที่ยวรถระหว่างขาไปและขากลับ เพื่อไม่ให้เกิดการขนส่งเที่ยวเปล่า ลดการใช้เชื้อเพลิง ลดการเกิดมลพิษทางอากาศที่กำลังส่งผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมในขณะนี้
บริการขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบ Multi modal ด้วยเครือข่ายการขนส่งทั้งทางรถ ทางเรือ ผสมผสานโมเดลการขนส่งสินค้าเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการขนส่งสินค้าภายในประเทศ หรือ นำเข้า-ส่งออกสินค้า เหมาะสำหรับสินค้าเทกอง (Bulky) หรือ สินค้าที่มีการขนส่งเป็นปริมาณมาก
ใช้ระบบ TMS (Transportation Management System) ช่วยให้การจัดส่งที่เน้น ESG มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจาก TMS เป็นระบบบริหารจัดการงานใน Logistics ทั้งหมดซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ทำให้เข้าสู่การขนส่งแบบยั่งยืนได้มากขึ้น
Telematics Solution เทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคู่กับการขับขี่ เพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง ลดต้นทุน และ เพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้ใช้บริการ เพิ่มความปลอดภัยในทุกเที่ยวการขนส่งสินค้า พร้อมทั้งลดการสูญเสียเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น และ การใช้พลังงานจาก Solar Roof ที่นำมาติดตั้งหลังคาของคลังสินค้า
ส่องมุมมองนักวิเคราะห์
.
เมื่อเราได้ฉายภาพให้เห็นกันไปแล้ว ต่อจากนี้คือสิ่งที่นักวิเคราะห์มอง โดยบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าจะเริ่มเห็นการ Synergy ได้ตั้งแต่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 เป็นต้นไป และจะเห็นการ Synergy แบบเต็มปีตั้งแต่ในปี 2567 ซึ่งยังไม่รวมผลของการ M&A ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน
นอกจากนี้ทาง SJWD ยังได้ตั้งเป้ามาร์เก็ตแคปไว้ที่ 100,000 ล้านบาท ภายในปี 2570 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งหากอิง PER 35 เท่า ควรมีกำไรสุทธิราว 2,900 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป หรือการเติบโตของกำไรหลังควบรวมแล้วเฉลี่ยที่ 23% ต่อปีในช่วงเฉลี่ย 4 ปี โดยมองว่ามีความเป็นไปได้ และทั้งนี้ หากเป็นไปได้ตามแผนคาดว่า SJWD จะถูกเพิ่มเข้าสู่ SET50 ภายในปี 2569 เมื่อกำไรแต่ระดับ 1,800-1,900 ต่อปี ซึ่งจะมีมูลค่าตลาดเกินกว่า 60,000 ล้านบาท
การลงทุน
เศรษฐกิจ
หุ้น
2 บันทึก
2
1
2
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย