Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
arti.s(in the room)
•
ติดตาม
15 มี.ค. 2023 เวลา 12:34 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยายยูริ เรื่องอาจเป็นเพราะฉันกอดแมว
บทนำ
เวรกรรม...นี่มันเดือนเมษาหน้าร้อนไม่ใช่เหรอ? แล้วไหงฝนเทลงมา อย่างกับโกรธกันเป็นชาติ แล้วพึ่งได้โอกาสเอาคืนในวันนี้ เอาเข้าไป โดนลูกค้าปฏิเสธงานไม่พอ ยังจะต้องมาเดินเปียกโชกข้ามทางม้าลาย เพราะฝนเม็ดใหญ่ดันกระหน่ำสาดลงพื้นดิน ตั้งแต่เหยียบทางม้าลายได้ไม่ถึงครึ่งทาง ครั้นจะให้กลับลำคงไม่ทันอีกต่อไป ไหนๆ ก็เปียกแล้ว ก็เอาให้ชุ่มไปถึงชั้นในเลยแล้วกัน
เขาว่าผู้หญิงจะสวยเพิ่มเป็นเท่าตัวตอนเปียกน้ำ กระจกบานใหญ่ของร้านทองเฮงเฮงเฮง สะท้อนภาพผมกระเซอะกระเซิง ชุดสูทโอเวอร์ไซส์สีออฟไวท์เปียกโชก มาสคาร่าไหลเยิ้มเต็มสองขอบตา เอาตรงไหนมาสวยเหรอสภาพนี้? อย่างกับลูกหมาเปี… ไม่สิ ลูกหมามันยังดูน่ารักกว่าฉันตอนนี้เสียอีก
ฉันเดินถือแฟ้มเอกสารเดินไปตามฟุตปาธ แผนนำเสนองานเปียกจนยุ่ย แต่มันคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องปกป้องให้คงอยู่ในสภาพเดิม ในเมื่อลูกค้าตัดสินใจเลือกบริษัทอื่นให้จัดงานเปิดตัวสินค้าไปต่อหน้าต่อตา ไม่สนใจมิตรภาพที่ร่วมสร้างตลอดหลายปีที่ผ่านมา ส่วนฉันไม่ได้มีผลกระทบอะไรมาก เพราะเป็นเพียงพนักงานกินเงินเดือน กลับถึงออฟฟิศคงโดนบอสด่าให้หน้าซีดเล่นตามปกติ เผลอๆ อาจลามไปถึงอดโบนัสสิ้นปี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร (มั้ง)
“เฮ้ย!! แม๊ว! แมวๆๆๆ! ” ฉันเห็นรถเก๋งคันงามบนถนนขับมาด้วยความเร็วสูง สัญชาติญานความเป็นคนดีที่มีอยู่น้อยนิด ผลักดันให้วิ่งไปช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวนี้เอาไว้ เพราะไม่อยากจะเห็นภาพเลือดสาดอุจาดตาตรงหน้า
ตอนแรกแค่จะโบกมือให้คนขับเห็นว่า มีสิ่งมีชีวิตตัวน้อย อยู่บนถนน แต่ความซวยยังไม่หมด ขากางเกงพริ้วไหวดันไปเกี่ยวกับท่อเหล็กระบายน้ำ ทำให้สะดุดหน้าคว่ำ ของกระจายออกจากมือ ถลาลื่นไปกับถนน จนสามารถคว้าตัวแมวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดได้ เสียงผู้คนกรีดร้องโหวกเหวกโวยวายลั่นขนาดนี้ เดาไว้เลย ภาพเลือดสาดบนถนนคงเป็นฉัน แทนที่จะเป็นแมวเหมียวมอมแมมตัวนี้
เอาล่ะ ถึงเวลาหลับตาปี๋และนึกถึงฉากสุดท้ายของชีวิต ไม่เห็นจะเสียดาย ถ้าต้องจบชีวิตบนถนนในวันนี้ งานบัดซบ เป้าหมายในชีวิตไม่มี อย่างน้อยช่วยชีวิตแมวเอาไว้ ป้าคนขายผลไม้มุมถนนตรงนั้นจะได้เอาไปเมาท์ต่อ “นังหนูคนนั้นช่วยชีวิตแมวไว้ โถช่างเป็นคนดีเสียจริง…” แบบนี้มันรู้สึกเป็นเกียรติกว่าใช่ไหมล่ะ
เอี๊ยดดดดดดดดด~! เสียงล้อบดไปกับพื้นถนน โชคดีที่ไม่มีเสียงโครมตามมา และแน่นอนฉันรอด ลืมตาขึ้นมาได้ก็เห็นโลโก้รถประจันหน้า ห่างอยู่แค่คืบ ถ้ารถไม่หยุดก่อน ดูแล้วร่างฉันน่าจะลอยไปอีกแยกนึงของถนน วีโอแอลวีโอ อ๋อ ยี่ห้อนี้เขาดังเรื่องเบรค มิ้วมิ้ว~ เมี้ยว~ เสียงหวานของแมวในอ้อมแขนร้องเรียกสติให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน ฉันค่อยๆ พยุงกายอันเปียกปอนลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นเจ้าของรถคันงามก็เปิดประตู วิ่งออกมาช่วยพยุงอย่างเหลอหลา
“ป ปะ เป็นไรมากไหมคะ? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ” หญิงสาวร่างบางในชุดนักศึกษา เอ่ยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น เจือปนไปด้วยความเป็นห่วงและตกใจ “เห้ย ข้อเท้าคุณเลือดออก! ” เอ่อ นั่นน่าจะมาจากความเซ่อตอนโดนเหล็กเกี่ยว ไม่ก็ต้องโทษความห่วยของรัฐบาล ที่ไม่เคยมาดูดำดูดีปรับปรุงถนนและท่อระบายน้ำอันผุพัง
“ฉันโอเค...” โอ้ไม่ ได้โปรดอย่าเบะปาก ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ฉันโอเคจริงๆ ไอ้ที่เจ็บตัวเป็นเพราะไม่ระวัง ไม่ใช่ถูกรถของเธอชนสักหน่อย ฉันดูปะหลาดใช่ไหมล่ะ แทนที่จะโวยวายเอาเรื่อง เรียกร้องค่าเสียหายเอาเงินไปช็อปปิ้ง แต่กลับกลายมาเป็นเข้าอกเข้าใจคนอื่นเสียอย่างนั้น
“ไม่คุณ ฉันทำคุณเลือดออก ไปโรงพยาบาลกัน ฉันจะดูแลค่ารักษาเอง...นะคะ” พระเจ้า คุณหนูคนนี้ช่างมีจิตใจงดงาม นับได้ไหมว่าเป็นคนรวยๆ คนแรก ที่ดูจะมีจิตใจเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์คนละระดับแบบฉันเสียเหลือเกิน
มิ้วมิ้ว~
“เอางี้ พาฉันไปโรงพยาบาลสัตว์ก่อน แล้วค่อยไปทำแผลละกัน” ฉันขยับลูกแมวตัวมอมในอ้อมแขน ที่กำลังทำหน้าตาตื่นกลัวให้ดู เธอพยักหน้า รีบพาฉันเข้าไปนั่งในรถคันหรู เพราะไม่อยากเป็นต้นเหตุของการจราจรติดขัด แต่ก่อนที่เธอจะขึ้นมานั่งในตำแหน่งคนขับ ฉันเห็นเธอวิ่งไปรวบพวกซองเอกสารที่ฉันไม่ต้องการขึ้นรถมาด้วย
ตัวเปียกๆ ปะทะแอร์เย็นฉ่ำ มันทำให้หนาวจนขนลุกไปทั้งตัว “หนาวหรอคะ? ” ไม่ถามเปล่า เธอยืดแขนไปปรับอุณหภูมิรถยนต์ให้อุ่นขึ้น “เบาะหลังมีผ้าห่ม คุณหยิบมาใช้ได้เลยนะ” ฉันลอบมองหน้าเธอ ไม่เหลือร่องรอยความตกใจไว้อีกแล้ว เธอดูเหมือนโล่งใจที่ได้ช่วย
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากทำของคุณเลอะ”
“อย่าปฏิเสธเลยนะคะ ฉันยังรู้สึกผิดอยู่เลยที่ขับรถเร็วจนเกือบชนคุณเข้าแล้ว” อันที่จริงมันฉันหรือเปล่า ที่ทะเล่อทะล่าอยากเป็นคนดีช่วยแมวน้อยตัวนี้น่ะ ถ้าจะสาวเอาความ ก็น่าจะเป็นฉันนี่ล่ะที่ผิดเต็มๆ “อย่าทำหน้าลังเลแบบนั้นสิคะ หยิบมาห่มเถอะค่ะ ทั้งคุณทั้งแมว ตัวสั่นหมดแล้ว”
“อ เอ่อ ขอบคุณนะ” ในเมื่อเจ้าของรถคะยั้นคะยอขนาดนี้ ปฏิเสธคงดูเสียมารยาทแย่ ฉันเอื้อมสุดตัวเพื่อหยิบผ้าห่มสีชมพูบนเบาะหลังรถ สายตาขี้เผือกดันไปเห็นกระเป๋าสะพายข้างใบเรือนแสนชื่อดัง อื้อหือ ดูแล้วเด็กคนนี้น่าจะมีพ่อแม่รวยโคตร
“ฮัลโหล... ค่ะคุณพ่อ อื้อ วันนี้คงไม่ได้กลับไปกินข้าวเย็นด้วย มีเรื่องนิดหน่อยค่ะ ไว้กลับไปเล่าให้ฟัง” ได้ยินเสียงหวานตอบกลับคนในมือถือ แอบผิดนิดหน่อย ที่ทำให้ลูกสาวแสนน่ารัก กลับบ้านไปกินข้าวเย็นกับครอบครัวไม่ได้
ฉันหยิบทิชชู่ข้างประตูรถ ซับน้ำออกจากหน้า และดวงตากลมโตของแมวน้อย ใจคงสงบลงบ้างแล้วสินะ ขนสีขุ่นๆ ตุ่นๆ ดูไม่ออกว่าเป็นสีไหนกันแน่ ขนาดตัวใหญ่กว่าฝ่ามือฉันนิดเดียวเอง เมื่อแมวน้อยได้รับความอุ่นจากผ้าห่ม ตาก็ปรือ ขยับตัวจัดแจงท่าทางและผลอยหลับไปบนตัก
ฉันเกาคางแมวน้อย พลางคิดถึงที่มาที่ไปว่า อะไรดลใจให้ทำแบบนั้น? บอกตามตรง ฉันไม่เคยเลี้ยงสัตว์มาก่อน และก็ไม่เคยมีความคิดที่จะให้สัตว์ที่พูดคนละภาษากับเรา มาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ แต่ถ้าจะให้ทิ้งไว้บนถนนไปตกระกำลำบากตามเดิม ก็ทำไม่ลง
“คุณจะเลี้ยงแมวตัวนี้หรอคะ? ” ฮ ฮะ ฮัดชิ่วว! สงสัยเธอจะโดนหวัดเล่นงานเข้าแล้ว “โทษทีค่ะ ฉันแพ้ขนแมว” อ่า ไม่ใช่เป็นหวัดเพราะโดนฝน แต่เป็นเพราะเธอแพ้ขนสัตว์ นี่ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงหยิบแบงค์พันหลายใบยัดใส่มือ แล้วไล่ให้ไปหาหมอเอง ไม่น่าจะมานั่งทนคันจมูกในรถคันเดียวกันแบบนี้
“ฉันไปแท็กซี่ก็ได้นะคุณ”
“โอ๊ย ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เองสบายมาก” สบายมากตรงไหนเอ่ย? คันจมูก ฟึดฟัด ขยี้จนมันแดงแจ๋หมดแล้วนั่น “ตัวเล็กแค่นี้ คุณว่าน้องอย่านมแม่ยังคะ? ” น้อง? เธอใช้สรรพนามกับแมวตัวนี้ว่าน้อง ได้ยินแบบนี้แล้วมันก็ยุบยิบที่ใจเหมือนกันนะ
“ไม่รู้สิคะ ฉันไม่เคยเลี้ยงมาก่อน ถึงได้วานให้คุณพาไปโรงพยาบาลสัตว์นี่ไง” เธอผงกหัวยิ้ม แล้วตั้งใจขับรถต่อ
“แปลว่าคุณจะรับเลี้ยงน้อง? ”
“ต้องเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ ไม่กล้าปล่อยให้กลับไปใช้ชีวิตเสี่ยง ฉันคงนอนไม่หลับเพราะเอาแต่นึกถึงทั้งคืนแน่ๆ ”
“โชคดีจังเลยนะคะ แมวตัวนี้น่ะ คุณลงทุนช่วยชีวิต แล้วยังรับอุปการะอีก น้องต้องรักคุณมากแน่ๆ ” ฮัดชิ่ว~ อา ฉันว่าฉันควรซื้อยาแก้แพ้ให้คุณคนนี้เป็นการตอบแทน
โรงพยาบาลสัตว์
ฉันรู้สึกอึดอัดกับอาการเงอะงะของตัวเองเหลือเกิน ไม่เคยรู้มาก่อนว่า การพาแมวมาตรวจสุขภาพ จะสามารถเข้าไปดูด้วยได้ ฉันได้แต่ยืนหมุนตามหมอไปทางนู้นทีทางนี้ที มิ้วมิ้ว~ โอ้ เจอแล้วคนที่งงกว่า เจ้าเหมียวมองตามทุกท่าทาง ขยับปากอมชมพูร้องถามอยู่เรื่อย มิ้ว~ หมอจับแมวน้อยไปชั่งน้ำหนัก สวนทวารเอาเชื้อไปตรวจหาโรค และก็ฉีดวัคซีน อะ อันนี้แหละที่เป็นปัญหาใหญ่
“เดี๋ยวคุณเจ้าของช่วยหมอจับแมวหน่อยนะครับ กันน้องดิ้น” อ เอ่อ ข ขอเปลี่ยนหน้าที่ได้ไหม ฉันรู้สึกถึงการสั่นของมือ และลำคอแห้งผาก เมื่อหมอหยิบเข็มขึ้นมาเตรียมผสมยา
“ฉันช่วยเองค่ะ” คุณหนูสุดแสนใจดีทนดูอาการหน้าซีดของฉันไม่ไหว ดูจากรอยยิ้มเชิงหยอกเย้าตรงมุมปาก คงรู้แล้วแหละ ว่าไอ้คนใจกล้าถลาตัวไปขวางรถปกป้องแมว แท้จริง กลัวเข็มขึ้นสมอง แต่เดี๋ยวนะ เธอแพ้ขนแมวไม่ใช่หรอ?
“จับตรงนี้นะครับ” คุณหมอหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม
ฉันยืนมองคนแพ้ขนแมวอย่างไม่เข้าใจ ไม่เห็นต้องลงทุนขนาดนี้ จริงอยู่ ที่ตอนนี้เธอไม่ได้จามออกมา แต่ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นน้ำตาที่คลออยู่ตรงเบ้าอย่างชัดเจน ไม่เพียงจมูกที่แดงก่ำ แต่ต้องรวมขอบตาแดงๆ เข้าไปด้วย
“โอเค เสร็จแล้วนะครับ หมอจะสรุปให้คุณสองคนฟัง น้องตัวนี้เป็นเพศเมีย เท่าที่ตรวจดู น้องแข็งแรงดีนะครับ น่าจะอายุราวๆ สองเดือน หมอฉีดวัคซีนรวมป้องกันโรคไข้หัด หวัดแมว ระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และตาอักเสบ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ”
คุณหมออุ้มแมวน้อยสีตุ่นขึ้นมาลูบหัวเล่น จู่ๆ เธอคนนั้นก็รีบเดินออกจากห้องตรวจไป พ้นประตูห้องได้ไม่ทันไรก็.. ฮัดชิ่ว~ อ่อ รีบหนีออกไปจาม คงกลั้นไว้สุดฤทธิ์ก่อนหน้านี้ ฉันเผลอยิ้มตามนิสัยน่ารักที่ปรากฏ
“เอ่อคือ แล้วแมววัยนี้ฉันต้องเริ่มเลี้ยงยังไงหรอคะหมอ? แบบว่าฉันเก็บน้องมาจากถนนน่ะค่ะ ไม่รู้เลยว่าต้องเอาอะไรให้น้องกิน”
“ไม่ยากครับ น้องตัวนี้กำลังอยู่ในช่วงหย่านม คุณสามารถให้อาหารเหลว สลับกับนมแพะ และก็อาหารเม็ดสำหรับแมวเด็กได้เลย”
“ทำไมต้องให้นมแพะล่ะคะ? นมวัวหาซื้อง่ายกว่าอีก”
“อ่า คืองี้ครับ ความจริงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดจะมีอาการแพ้น้ำตาลแลคโตสไม่ว่าจะเป็นคนหรือแมว แล้วก็แมวเด็กเนี้ย เขาจะไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมวัวได้ครับ อาจทำให้ปวดท้อง หรือไม่ก็ท้องเสียได้”
“อ๋อ...เข้าใจแล้วค่ะ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย”
“ธรรมดาครับ คนที่ไม่เคยเลี้ยงมักจะไม่ค่อยรู้”
ฉันปล่อยให้หมอพาน้องแมวไปอาบน้ำชำระล้างคราบดินโคลน แล้วพาตัวเองมานั่งรอตรงเคาน์เตอร์คิดเงิน ข้างๆ เธอคนนั้น ท้องฟ้าด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีดำ ฝนเริ่มซาลงบ้างแล้ว เราสองคนนั่งมองจอทีวีบ้าง หันไปมองเชลฟ์อาหารหมาแมวบ้าง ไม่มีใครเริ่มบทสนทนา จะมีก็แต่เสียงสูดน้ำมูกนี่แหละที่ดังทำลายความเงียบ
“คุณ... โอเคหรือเปล่า? ” ให้ตายเถอะ! ฉันไม่อยากมองหน้าผู้หญิงด้านข้างเลยจริงๆ น้ำตาคลอกับจมูกแดงก่ำ คล้ายจะร้องไห้ตลอดเวลา มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแย่ “ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย อันที่จริงส่งฉันเสร็จ คุณก็ควรกลับบ้านไปได้ตั้งนานแล้ว”
“แล้วคุณกับน้องแมวจะกลับยังไงล่ะคะ? ” ก่อนห่วงคนอื่น ห่วงตัวเองก่อนไหมคุณหนู ฉันหยิบห่อทิชชู่จิ๋วในกระเป๋าออกมายื่นให้เธอ เพราะไม่อยากเห็นทิชชู่ในมือถูกรียูสซ้ำไปซ้ำมา
“แท็กซี่มีตั้งเยอะแยะ ฉันเดินออกไปโบกแป๊บเดียวก็ได้กลับบ้านแล้ว”
“มีฉันอยู่ มันก็ดีกว่าไม่ใช่หรอ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันไม่ได้แพ้ขนาดอันตรายถึงชีวิต กลับบ้านไปกินยาแก้แพ้ก็หายแล้ว” เธอตอบกลับมาอย่างกับอ่านความในใจออก หน้าฉันมันดูเป็นห่วงเธอชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือไง แต่ก็ยอมรับ มีเธอมันดีกว่ายืนงงข้างๆ หมอคนเดียว…
**********
TBC.
มีอีบุ๊ค
เยี่ยมชม
index.php
อาจเป็นเพราะฉันกอดแมว:: e-book นิยาย โดย arti-s
อาจเป็นเพราะฉันกอดแมว:: e-book นิยาย โดย arti-s
นิยายยูริ_yuri_lgbtq
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย