17 มี.ค. 2023 เวลา 00:30 • หนังสือ

5 วิธีสร้างความมั่นใจ

คุณเคยมีความรู้สึกแบบนี้ไหมครับ เวลาที่เราจะทำอะไรที่มันแปลกใหม่ในชีวิต เช่นฝึกขับรถครั้งแรก เปลี่ยนงานหรือสัมภาษณ์งานใหม่ เจอหน้าผู้บังคับบัญชาหรือหัวหน้างาน อะไรก็ตามที่ทำให้คุณเกิดความกลัว ความรู้สึกเหล่านั้นเรียกว่าความไม่มั่นใจ
ผมมีเคล็ดลับดีๆมาบอกวิธีที่จะสร้างความมั่นใจให้กับคุณ และพัฒนาตัวคุณได้
1 ฝึกนั่งแถวหน้า
นั่งแถวหน้า
สังเกตไหม เวลาเข้าแถวหน้าเสาธง นั่งเรียนในห้องเรียน อบรม สัมมนา หรือทำกิจกรรมอะไรต่างๆที่เป็นคนหมู่มากๆ
คนที่มาก่อนเนี่ยนะครับก็มักจะอยู่ส่วนหลังๆกันหมด ส่วนเพื่อนที่มาทีหลังกับได้นั่งหน้าตามสเต็ป เรียกง่ายๆว่ามาก่อนนั่งหลังมาทีหลังนั่งหน้า
เพราะอะไรงั้นหรอ เพราะการนั่งหน้ามันรู้สึกหวิวๆยังไงไม่รู้ มันรู้สึกเหมือนกับไม่อุ่นใจถูกต้องไหมครับ
แน่นอนว่า ซึ่งแต่ก่อนตัวผมเองก็เป็นเหมือนกันอยู่โซนหลังตลอด หลังสุดยิ่งดี แต่พอมาได้เป็นนักเรียนนายสิบ และได้มีโอกาสเป็นหัวหน้าหมวด ต้องออกมายืนหน้าแถวเพื่อที่จะพูด เพื่อที่จะคุมแถวและ ประกาศข่าวสารให้เพื่อนๆฟัง แรกๆก็กล้าๆกลัวๆแต่พอไปๆมาๆก็ชินไปเอง
หากคุณอยากสร้างความมั่นใจ
ฝึกนั่งหน้าแถวเสียนับจากนี้ ตั้งเป็นกฎเลยว่าต้องนั่งข้างหน้าที่สุดที่จะทำได้ แน่นอนว่าคุณจะรู้สึกเด่นมากในแถวหน้า แต่อย่าลืมว่าถ้าไม่เด่นก็ไม่ใช่ความสำเร็จ
2 ฝึกสบตา
สบตา
คุณเคยได้ได้ยินประโยคนี้ไหมครับ
"แววตาสื่อถึงใจ" โดยปกติการที่ไม่ยอมสบตา แสดงให้เห็นว่าคุณรู้สึกอ่อนแอเมื่อเทียบกับคนอื่น คุณรู้สึกต่ำต้อยกว่าคนอื่น คุณกลัวคนอื่น หรือไม่ก็แสดงว่าคุณรู้สึกมีความผิด
มีเรื่องเล่าจะเล่าให้ฟังครับ
ผมรู้จักกับน้าคนหนึ่ง ที่เคยทำงานด้วยกัน แกไปแอบมีเมียน้อยแล้วแฟนแกก็จับได้
ทีนี้ก็เป็นเรื่องสิครับแฟนแกบุกมาถึงที่ทำงานมาเจอกับผมพอดี เพราะรู้จักกันอยู่แล้วคราวนี้แกก็ระดมคำถามมาใส่ผมใหญ่เลย ผมได้แต่ยืนก้มหน้าไม่กล้าที่จะสบตา สุดท้ายผมก็เลือกที่จะโกหก เพราะถ้าพูดความจริงออกไปที่ทำงานต้องเละไม่เป็นท่าแน่ๆ
แต่ก็ไม่รอดครับพ่อแกจับได้ว่าผมโกหกก็แหงล่ะครับก็ได้แต่ตอบก้มหน้าไม่กล้าสบตาแบบนั้นแค่ยกตัวอย่างให้ฟังนะครับการโกหกเป็นเรื่องที่ไม่ดี
เมื่อคุณเลี่ยงที่จะสบตากับคนอื่นนั้น ก็หมายถึงคุณแสดงให้เห็นว่า คุณกลัว คุณขาดความมั่นใจ
สบตาคนอื่นเพื่อที่จะบอกว่าคุณจริงใจ คุณเชื่อมั่นในสิ่งที่กำลังพูดกับคนอื่น คุณไม่กลัว คุณมีความมั่นใจ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เลือกสถานการณ์ให้ดีนะครับ อย่างเช่น เวลาผู้ใหญ่สอน หรือกำลังดุ เราควรที่จะก้มหน้า และทำเหมือนมองต่ำเข้าไว้ เพราะแสดงออกถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน
3 เดินให้เร็วขึ้น 25%
เดินเร็วขึ้น 25%
ผมไปอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่งมา
นักจิตวิทยาเชื่อว่า ท่าทางการเคลื่อนไหวและการเดินช้า มีความสัมพันธ์กับทัศนะคติที่ไม่รื่นรมย์ ของตนเองกับงานและคนรอบๆ ตัวเรา
แต่นักจิตวิทยาก็บอกด้วยคุณสามารถเปลี่ยนทัศนคติของคุณ โดยการเปลี่ยนท่าทางและความเร็วในการเคลื่อนไหว คุณลองสังเกตดูแล้วจะพบว่า การแสดงออกของร่างกายเป็นผลมาจากการแสดงออกของจิตใจ
คนที่ผิดหวังอย่างรุนแรง คนที่กำลังท้อแท้และหมดหวัง จะเดินก็ย่องกระแย่งและล้มลงในที่สุด ก็เพราะความมั่นใจในตัวคุณเองเป็นศูนย์
ใช้เทคนิคเดินเร็วขึ้น 25%
ช่วยสร้างความมั่นใจยืดไหล่เงยหน้าและเดินให้เร็วขึ้นแล้วคุณจะรู้สึกว่าความมั่นใจตนเองมีมากขึ้น
4 ฝึกพูดแสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
เคยเป็นเหมือนกันไหมครับ
ิ เวลาที่เรานั่งอยู่ในห้องเรียน หรือมีการประชุมสัมมนาต่างๆ พอจบการนำเสนอของคนที่มาให้ความรู้ในขณะนั้น เขาจะเปิดโอกาสให้ถามในข้อที่เราสงสัย ข้องใจหรือให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่มานำเสนอ
และคุณมีคำถามมากมายในหัว หรืออยากจะแสดงความคิดเห็นอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่กล้าเพราะถ้าพูดอะไรออกไป คนอื่นอาจจะเห็นว่าเราโง่ ฉะนั้นอยู่เฉยๆดีกว่าทางออกของคุณก็คือไปถามเพื่อนในกลุ่มเอา
ตัวผมเองก็เป็นอยู่ แต่ก็ไม่หนักเหมือนแต่ก่อน
พอได้อ่านหนังสือ ได้ลองฝึกความกล้า ที่จะถามในเรื่องที่ตนเองไม่เข้าใจ บางคนเขาก็จะพูดแทรกขึ้นมาว่าเมื่อกี้เองไม่ได้ฟังหรอ
ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ก็อย่าไปสนใจนะครับ ปล่อยเขา ช่างเขา ก็เขาเปิดโอกาสให้ถามเราก็ถาม
นี่เป็นเรื่องสำคัญ
แต่ละครั้งที่คุณไม่พูด คุณได้กลืนยาพิษที่ทำลายความเชื่อมั่นเข้าไปอีก 1 ชุด คุณจะลดความเชื่อมั่นในตัวเองลงไปเรื่อยๆ
แต่ในทางตรงกันข้าม ยิ่งถ้าเรากล้าพูดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้ตนเองมากขึ้นเท่านั้น และไม่ต้องห่วงว่าจะดูโง่เง่า เพราะว่าในแต่ละคนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ มักจะมีอีกคนหนึ่งที่เห็นด้วยกับคุณเสมอ
5 ฝึกยิ้มกว้าง
ยิ้มกว้าง
การยิ้มบ่งบอกว่าคุณเป็นคนเข้าถึงง่าย
การยิ้มแสดงถึงความเป็นมิตร การยิ้มเป็นยาอย่างหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณ การยิ้มช่วยละลายความรู้สึกขัดแย้ง คนอื่นจะโกรธคุณไม่ได้ ถ้าคุณยิ้มให้เขาอย่างเปิดเผยและจริงใจ ไม่ว่าจะเป็น การพบปะเพื่อนฝูงเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน พ่อค้าแม่ค้าหรือคนแปลกหน้า
ผมแต่ก่อนเป็นคนเงียบขรึมไม่ค่อยแสดงออกทางอารมณ์
พูดง่ายๆก็คือไม่ค่อยจะยิ้มให้ใครก่อนซึ่ง ไม่เป็นผลดีต่อผมเลย เพราะมันเหมือนกับว่าผมอยู่ตัวคนเดียว มัวแต่มาดเข้ม ขี้เก๊ก แอ๊คท่า อย่าหาทำนะครับแบบนั้น เป็นบุคลิกไม่ดี ไม่มีความเป็นมิตร ยากต่อการใช้ชีวิตนะครับ เพื่อนก็เข้าถึงเรายากด้วย
ยิ้มเปิดเผยแล้วคุณจะรู้สึกว่า "วันนี้เป็นวันที่มีความสุขอีกแล้ว"
แต่โปรดยิ้มให้กว้างการยิ้มครึ่งๆกลางๆอาจจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร
แต่อยากไปนั่งยิ้มอยู่คนเดียวนะครับเดี๋ยวเขาหาว่าเราบ้า เจอหน้ากันครั้งแรกของวันยกมือขึ้นสวัสดี แล้วยิ้มให้เขา 1 ครั้ง นั่นแหละเป็นหลักประกันได้ว่าการยิ้มของคุณ จะประสบผลสำเร็จ
ความมั่นใจคือสิ่งที่เราต้องเสาะแสวงหา
คือสิ่งที่เราทำมันอยู่เป็นประจำจนเกิดความเคยชิน มันก็เหมือนกับการขับรถครั้งแรกนั่นแหละครับ พอได้ขึ้นไปขับใหม่ๆจะเกิดความรู้สึกวิตกเกิดความกลัว เข้าเกียร์แบบไหน ต้องเหยียบคลัชให้สัมพันธ์กับคันเร่งยังไง ถอยยังไง เลี้ยวยังไง หรือสมัยนี้เป็นเกียร์ออโต้แต่เราก็ยังต้องฝึกอยู่ดี
แรกๆมันจะกระตุกกะตัก งักๆเงิ่นๆ ทำอะไรไม่ถูก แต่พอเราหัดขับไปได้สักพักจะเกิดความเคยชิน และมองว่าไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ความมั่นใจก็เช่นเดียวกัน
แรกๆ มันก็กล้าๆกลัวๆ แต่พอเราฝึกกล้าพูดกล้าทำกล้าแสดงออกไปทีละเล็กๆน้อยๆผลอันนั้น จะทำให้เรามีความมั่นใจขึ้นมาเอง
ติกต๊อก : tiktok.com/@wutinfinity7
โฆษณา