ก็ได้แต่อิจฉาเวียดนามกันต่อไป..
..
สัปดาห์หน้าสภาธุรกิจสหรัฐฯ - อาเซียน ในเวียดนาม จะจัดการประชุมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
โดยมีผู้แทนธุรกิจจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อาทิ Boeing,Netflix และ SpaceX ร่วมกับบริษัทด้านกลาโหม เภสัชกรรมและเทคโนโลยี รวมทั้งหมดราว 50 บริษัท เข้าร่วมหารือในครั้งนี้
ซึ่งจากรายงานของสื่อสหรัฐฯ อย่างสำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่านี่คือการหารือการลงทุนระหว่างภาคธุรกิจของสหรัฐฯ กับเวียดนาม ครั้งใหญ่และคาดว่าจะมีมูลค่ารวมการลงทุนสูงที่สุด เท่าที่เคยมีมา
เวียดนามซึ่งเป็นประเทศในอาเซียนที่มีประชากร 100 ล้านคน กลายเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของบริษัทสหรัฐฯ ที่จะย้ายฐานการผลิตออกมาจากประเทศจีน
เพื่อลดความเสี่ยงด้านต้นทุนและความไม่แน่นอนทางการเมืองของจีน
ที่ผ่านมา บริษัทผู้ให้บริการสตรีมมิ่งระดับโลกอย่าง Netflix ก็เพิ่งประกาศเตรียมเปิดสำนักงานในเวียดนาม
บริษัทผลิตเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ อย่าง Boeing ,Lockheed Martin และ Bell ก็มีการพูดคุยกับหน่วยงานด้านกลาโหมของเวียดนามอย่างต่อเนื่องถึงการเพิ่มศักยภาพด้านยุทโธปกรณ์ของเวียดนาม เช่นกัน
เพราะกองทัพเวียดนาม ได้ให้ความสนใจอากาศยานและโดรนของบริษัทเหล่านี้
เพื่อต้องการลดการพึ่งพาการนำเข้ายุทโธปกรณ์จากรัสเซีย เหมือนอย่างที่เป็นมาในอดีตหลายทศวรรษ
สำหรับบริษัทอื่น ๆ ที่เข้าร่วมการหารือด้านการลงทุนในครั้งนี้ ที่เป็นบริษัทที่ได้เข้ามาลงทุนในเวียดนามอยู่แล้ว และต้องการขยายการลงทุนเพิ่ม ก็อย่างเช่น Coca Cola , PepsiCo และ Apple เป็นต้น
การประชุมครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ทางการเวียดนามจะทำความเข้าใจกับนักลงทุนสหรัฐฯ เกี่ยวกับปัญหาความตึงเครียดทางการเมืองภายในประเทศของเวียดนามเอง จากความวุ่นวายภายในพรรคคอมมิวนิสต์ จนทำให้อดีตประธานาธิบดีถึงกับต้องประกาศลาออก
พร้อมกับการส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศ ตั้งแต่ผู้ประสานงานด้านกฎหมายไปจนถึงตัวนายกรัฐมนตรี เข้าพูดคุยเพื่อขจัดข้อกังวลด้านกฎระเบียบให้เข้าใจตรงกัน ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนได้เร็วมากยิ่งขึ้น
นอกจากบริษัทที่กล่าวมาข้างต้น SpaceX เป็นอีกหนึ่งบริษัทหนึ่ง ที่สนใจเข้ามาลงทุนให้บริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียมในเวียดนาม รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนด้วย
ส่วนรายชื่อบริษัทอื่น ๆ ที่น่าสนใจในการประชุมครั้งนี้ ก็อย่างเช่น..
บริษัทยาอย่าง Pfizer และ Johnson & Johnson
บริษัทผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ อย่าง Abbott
บริษัทผู้ให้บริการทางการเงินอย่าง Visa และ Citibank
ผู้ให้บริการคลาวน์อินเทอร์เน็ตอย่าง Meta และ Amazon Web Services
เรียกได้ว่าเวียดนาม ประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในอาเซียนถึง 8% ในปีที่แล้ว
ยังคงเนื้อหอมในหมู่บริษัทจากสหรัฐฯ ที่กำลังเล็งหาลู่ทางการลงทุนนอกประเทศจีนอยู่
นี่ขนาดมีทั้งข่าวปัญหาทางการเมือง บวกกับเสียงสะท้อนเรื่องตัวเลขการเติบโตที่ถูกมองว่าเป็นฟองสบู่รุมเร้า
แต่เสน่ห์ความน่าลงทุนของเวียดนาม ก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปเลย แม้แต่น้อย
เมื่อหันกลับมาดูที่เมืองไทยบ้านเรา
ก็คงได้แต่แอบอิจฉาเวียดนามเขาแบบสงบเสงี่ยมเจียมตัวกันต่อไป เพียงเท่านั้นเอง
References;
ติดตามอ่านบทความได้ที่
- 28
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
