20 มี.ค. 2023 เวลา 10:00 • ธุรกิจ

MG กับการสร้าง EV Ecosystem ที่ต้องการจะสร้างถนนเมืองไทย

เป็นถนนที่หายใจได้เต็มปอด
MG X ลงทุนแมน
1
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อน คนไทยเริ่มรู้จักรถพลังงานไฟฟ้า หรือ EV Car
พร้อมกับรับรู้ว่ามันคือเทรนด์ของโลกยานยนต์อนาคต
แต่กลับมีเพียงไม่กี่คนในประเทศที่ครอบครอง EV Car
เพราะในช่วงเวลานั้น EV Car ถือเป็นรถที่อยู่ในกลุ่มพรีเมียมแบรนด์ มีราคาขายที่สูง
เลยทำให้ EV Car ถูกจำกัดกลุ่มผู้ซื้อไปโดยปริยาย
1
จนมาถึง “จุดเปลี่ยน” ครั้งสำคัญในตลาดรถไฟฟ้าเมืองไทย..
เมื่อ MG ทำลาย Pain Point ด้านราคาของ EV Car ด้วยการเปิดตัว MG ZS EV รุ่นแรก ในเมืองไทยในราคา 1,190,000 บาท
จากนั้นในปีต่อ ๆ มาทาง MG ก็มีการเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
อย่างไลน์อัปรุ่นใหม่ล่าสุดก็มี NEW MG ZS EV, MG EP PLUS, MG4 และ MG ES
ที่จะเปิดตัวในงาน มอเตอร์โชว์ ปีนี้
จะเห็นว่า MG มีรถพลังงานไฟฟ้าครอบคลุมมากที่สุดในตลาด
เพราะเวลานี้ คนไทยนอกจากจะมีความรู้เรื่องรถพลังงานไฟฟ้าว่ามีข้อดีกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปอย่างไร
การที่ภาครัฐออกนโยบายกระตุ้นตลาด ลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจาก 8% เหลือ 2%
และการสนับสนุนด้านอื่น ๆ ทำให้ราคาขายทุกรุ่นจะถูกลงเฉลี่ยกว่า 2 แสนบาท
เป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้คนไทยตัดสินใจซื้อ EV Car ได้ง่ายขึ้น
พอเป็นแบบนี้ ก็เลยทำให้ MG เลือกใช้โมเดลธุรกิจ EV ECOSYSTEM
เพื่อตอกย้ำถึงความพร้อมรอบด้านในตลาดรถ EV Car เมืองไทย
MG EV ECOSYSTEM จะสร้างโครงสร้าง EV Car เมืองไทย ให้สมบูรณ์แบบด้วยวิธีไหน ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
รู้หรือไม่ MG ไม่ใช่แค่มี EV Car ที่มีจำนวนรุ่นมากที่สุดในตลาดอย่างเดียว
แต่ยังครอบคลุมหลาย Segment รถที่นั่งและหลายระดับราคา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแนวกว้าง
เพราะไม่ว่าเราจะอยากได้รถที่นั่งสไตล์ไหน MG ก็มีให้เลือกหมด
NEW MG ZS EV ซึ่งเป็นรถ SUV ที่มีการปรับเปลี่ยนจากรุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่ประสบความสำเร็จ สร้างยอดขายได้อย่างเกินคาด
โดย NEW MG ZS EV มาในคอนเซปต์ Truly Easy หรือ รถยนต์ไฟฟ้าที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น
ทำให้การออกแบบรถนอกจากจะมีดิไซน์โฉบเฉี่ยวแล้ว ก็ยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ
อย่างเช่น V2L (Vehicle to Load) ที่จ่ายกระแสไฟฟ้าจากรถไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ นอกตัวรถได้
และสามารถวิ่งได้ 403 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 949,000 บาท (ราคารวมส่วนลดของภาครัฐ)
หรือจะเป็นรถสไตล์ Hatchback ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มคนรุ่นใหม่
ก็จะมี NEW MG4 ELECTRIC ที่ว่ากันว่า นี่คือมาตรฐานใหม่ของ EV Car ด้วยจุดขาย “ขับสนุก”
ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน ล้อหลัง ทำให้ทุกสัมผัสทั้งในตัวรถ และบนท้องถนนสร้างความรู้สึก
รถมีความพุ่งทะยานแต่ก็ควบคุมรถได้ดี และการขับบนช่วงถนนโค้งก็ขับได้อย่างมั่นใจ
ขณะเดียวกันก็มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยมากมาย เช่น ระบบ ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ให้อุ่นใจในทุกการขับขี่
และสามารถวิ่งได้ 425 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 869,000 บาท (ราคารวมส่วนลดของภาครัฐ)
MG EP PLUS เป็นรถ Station Wagon 5 ที่นั่งรุ่นใหม่ที่มีการอัปเกรดจากรุ่นเดิม
เพิ่มฟังก์ชันใช้งานมากขึ้น เช่น ราวหลังคา แผ่นปิดห้องเครื่องยนต์ด้านหน้า ระบบกรองอากาศ PM2.5 เป็นต้น โดยวิ่งได้สูงสุด 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
ราคาเริ่มต้นที่ 771,000 บาท (ราคารวมส่วนลดของภาครัฐ)
ส่วนรุ่นใหม่ที่หลาย ๆ คนเฝ้าจับตามองก็คือ NEW MG ES เพราะเป็นรถ Station Wagon
ที่มีดีไซน์เรียบหรูทันสมัย พร้อมกับมีห้องโดยสารกว้างขวาง
โดยจากข้อมูลเบื้องต้น รถคันนี้จะมีเทคโนโลยีแบบจัดเต็มทั้งการขับขี่, ความปลอดภัย และความสะดวก
โดยวิ่งได้สูงสุด 412 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง พร้อมมีระบบความปลอดภัยครบถ้วน รองรับระบบ V2L (Vehicle to Load) เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าจากรถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ด้วยกำลังไฟ 2,200 วัตต์
ราคาเริ่มต้นที่ 959,000 บาท (ราคารวมส่วนลดของภาครัฐ)
โดยรถไฟฟ้า MG ทุกรุ่น สามารถติดตั้งเชื่อมต่อแอป i-SMART ที่ทำให้รถอัจฉริยะเกินคาด
เช่น สามารถตรวจสอบสถานะของรถก่อนใช้งาน และแจ้งเตือนความผิดปกติของรถ,
ระบบค้นหาตำแหน่งรถ, เป็นกุญแจดิจิทัล, และอีกหลาย ๆ ฟังก์ชัน
จะเห็นว่ารถไฟฟ้า MG ทุกรุ่นมีราคาเข้าถึงง่าย พร้อมกับมีการใส่เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าสู่ตัวรถทุกรุ่น และมีดีไซน์ที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า
เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า และอยากครอบครอง หากนำราคาขายไปเทียบกับรถเครื่องยนต์สันดาปในท้องตลาดในรุ่นที่มีสเป็กใกล้เคียงกัน รถไฟฟ้าของ MG ให้ ฟีเจอร์และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่น่าสนใจกว่าหลายๆรุ่นรถน้ำมันในตลาด
เป็นกลยุทธ์ Game Changer ที่ใช้ดึงดูดลูกค้าให้เปลี่ยนจากการซื้อรถเครื่องยนต์สันดาป
มาเป็นรถไฟฟ้าของ MG ที่มีหลายรุ่นตอบสนองทุกความต้องการ
ขณะเดียวกัน MG ก็ทำลาย Pain Point ต่าง ๆ ในใจลูกค้าที่กำลังรู้สึกลังเล ที่จะเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า
หลายคนอาจไม่รู้ว่าทาง MG ประเทศไทยมีการจัดคอร์สเทรนนิงพนักงานซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าที่ประจำอยู่ในโชว์รูม 160 สาขาทั่วประเทศ อย่างเข้มข้น
เพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญ สามารถแก้ไขได้ทุกปัญหา
พร้อมกับมีราคาซ่อมบำรุงสบายกระเป๋าลูกค้าที่เฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 กิโลเมตร ราคาไม่เกิน 8,000 บาท
จนถึงการทำลายความกังวลใจของลูกค้า เวลาต้องเดินทางข้ามจังหวัดไกล ๆ
ด้วยการลงทุนมหาศาลสร้าง MG SUPER CHARGE STATION ที่ปัจจุบันมีถึง 129 แห่งที่เปิดบริการแล้วทั่วไทย
และปีนี้เอง เอ็มจี ตั้งเป้าให้มีสถานีชาร์จในโชว์รูมทั่วประเทศไทย โดยเป้าหมายหลักคือการทำให้ทุก ๆ 150 กม.ในการเดินทางทั่วประเทศ จะสามารถเข้าถึงจุดชาร์จของเอ็มจีได้
คงพอจะเห็นภาพโมเดล MG EV Ecosystem ที่นอกจากมีรถไฟฟ้าหลายรุ่นมาพร้อมราคาเข้าถึงง่าย
พร้อมกับการสร้างบริการหลังการขายมารองรับทั้ง การซ่อมบำรุง และ สถานีชาร์จ
1
แน่นอนว่าการลงทุนไปมหาศาล และเอาจริงเอาจังขนาดนี้
ก็เพื่อให้ MG เป็นแบรนด์แรกในใจของคนไทยที่คิดจะซื้อรถไฟฟ้า
แต่ที่มากกว่ายอดขายก็คือ การยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์เมืองไทย ให้เทียบเท่าระดับโลก
ที่ตอนนี้ในหลาย ๆ ประเทศกำลังจะเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่โหมดรถพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว
ที่จะทำให้ทุก ๆ ถนนการเดินทางทั่วโลกในอนาคตจะเป็นถนนที่ ไม่เห็นแม้แต่ควันดำ ไม่เหม็นควันพิษ, ไม่หนวกหูจากเสียงเครื่องยนต์
พอมองเห็นอนาคตแบบนี้ ทำให้ MG ทุ่มทุกสรรพสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ในมือ
เพื่อสร้าง EV Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในเมืองไทย…
โฆษณา