21 มี.ค. 2023 เวลา 12:34 • นิยาย เรื่องสั้น

อาจเป็นเพราะฉันกอดแมว ตอนที่ 4 (นิยายยูริ)

เหตุผลของรอยยิ้มคือเธอ
you bring me joy
บ้านพิชชาพรในเช้าวันเสาร์
พิชชาพรนั่งหั่นครัวซองค์อัลมอลด์ จิบมัชฉะหอมกรุ่นอยู่ข้างสนามหญ้าหน้าบ้าน มองคุณพ่อรดน้ำต้นไม้ ดื่มด่ำบรรยากาศแสนสบายยามเช้าเต็มกำลัง ก่อนที่จะโดนแดดอันร้อนแรงขับไล่ มือหนึ่งข้างพิมพ์ข้อความไปทักอรุณสวัสดิ์พี่เลี้ยงหน้าดุ รอยยิ้มบางเบาเกิดขึ้นเมื่อคนอีกฟากส่งตอบกลับมาในทันที แม้จะแถมอิโมจิแสนดุท้ายข้อความมาด้วย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกพองโตลดน้อยลงเลย
“ยิ้มเล็กยิ้มน้อยแบบนี้ แอบมีแฟนไม่บอกพ่อหรือเปล่าคะลูก? ” คุณพชร เก็บฝักบัวลดน้ำต้นไม้เข้าที่ เดินพกใบหน้าแย้มยิ้มมากระเซ้าเย้าแหย่อาการที่ลูกสาวคนเล็กกำลังเป็น
“แงง อาการพายชัดขนาดนั้นเลยหรอคะ? ”
“โห แววตาฟ้องขนาดนี้ คนแก่อย่างพ่อดูไม่ออกก็แย่แล้ว ยังไงคะ? มีแฟนจริงหรือเปล่า? ” คุณพชร หยิบแก้วกาแฟเย็นชืดขึ้นมาจิบ พร้อมสังเกตลูกสาวไปด้วย
“พายไม่ได้มีแฟนสักหน่อย พี่เค้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพายชอบอะ” ลูกสาวคนเล็กมุ่ยปาก น้ำเสียงในการพูดอ่อยลง ใช้นิ้วหัวแม่มือเลื่อนข้อความบนหน้าจอ
“แล้วทำไมไม่บอกพี่เขาไปละคะ? ปล่อยไว้นานโดนคาบไปกินไม่รู้ด้วย”
“ง่ายที่ไหนละคะคุณพ่อ พายอยากรอให้แน่ใจก่อน ทุกวันนี้ก็พยายามแสดงออกทีละนิด พายอยากค่อยๆ แทรกซึมไปในใจเค้ามากกว่าค่ะ ” ฉันลองประเมิณสถานการณ์ด้วยตัวเอง คิดว่าคนอย่างพี่ข้าวหอม น่าจะไม่ชอบอะไรที่ตั้งตัวไม่ทัน จู่ๆ จะไปบอกว่าชอบ แล้วคาดหวังให้เขาตอบรับทันทีนะหรอ ไม่มีทางสำเร็จหรอก
“งั้นพ่อเอาใจช่วยลูกนะคะ สำเร็จเมื่อไรก็ลองพามากินข้าวที่บ้านดู เดี๋ยวพ่อไปอาบน้ำก่อนดีกว่า มีนัดตีกอล์ฟกับลุงสุชาติ” คุณพชรดันเก้าอี้ออกเตรียมลุกเข้าบ้านไปชำระร่างกาย แต่เสียงใสและคำถามน่าสนใจของลูกสาว ชะงักหยุดเอาไว้
“คุณพ่อคะ แล้วถ้าคนที่พายชอบเป็นผู้หญิง คุณพ่อยังจะอนุญาตให้พามาบ้านอยู่ไหมคะ? ” พิชชาพรมองหน้าคุณพ่ออย่างคาดหวังกับคำตอบ สายตาแน่วแน่ ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเอง ไม่มีความหวาดกลัวเจือปนแม้แต่น้อย สายตาที่บ่งบอกว่า ต่อให้ทุกคนในครอบครัวจะคัดค้าน เธอก็พร้อมจะสู้เพื่อให้ทุกคนเห็นว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในใจนั้นเป็นของจริง ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ มันแข็งแรงดั่งภูเขาลูกใหญ่ และไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายลงได้
“แล้วทำไมพ่อต้องไม่อนุญาตด้วยล่ะ? ถ้าเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกมีความสุข คนที่รักลูกสาวสุดชีวิตแบบพ่อนะเหรอจะกล้าขัดขวาง และถึงพ่อขัดขวาง เด็กดื้อไม่ยอมแพ้ใครอย่างลูก ก็ต้องเลือกสู้สุดใจอยู่แล้ว สบายใจได้ค่ะ พ่อไม่อยากเป็นศัตรูในสายตาลูกหรอก” คุณพชรผลิยิ้มอย่างอบอุ่น
“แงงง พูดดีแบบนี้ ต้องกอดกันแล้วมั้ยคะ” คุณพ่อแสนใจดีอ้าแขนรอรับลูกสาวเข้ามากอด ถึงแม้ว่าตอนนี้พิชชาพรจะโตเป็นสาว สูงกว่า 167 เซนติเมตร ในสายตาของพ่อ ก็ยังเห็นเป็นเด็กตัวเล็กตัวน้อยอยู่ดี “พายรักคุณพ่อที่สุดเลยค่าาา ขอบคุณนะคะที่เลี้ยงพายมาอย่างดี ไม่เคยปิดกั้น ตามใจกันตลอด”
“อย่าพึ่งดีใจเกินไป ยังมีแม่อีกด่านนะที่เราต้องผ่านน่ะ เอ่าๆๆๆ ซึมเลยลูก ไว้เดี๋ยวพ่อช่วยคุยให้ละกัน” คุณพชรหัวเราะร่าที่แกล้งเอ่ยชื่อประมุขของบ้านมาทำให้ลูกสาวหวั่นใจเล่น
วันนี้คงเป็นอีกหนึ่งวัน ที่เริ่มต้นด้วยเรื่องดีๆ ทุกคำพูดของคุณพ่อ มันส่งผลให้หัวใจของฉันผลิบาน การยอมรับจากคนภายนอก ไม่ได้มีน้ำหนักเท่ากับคนในครอบครัว ยิ่งคุณพ่อแสดงให้เห็นว่าความรักที่ก่อตัวอยู่ภายในนั้นมีค่า มันก็ยิ่งผลักดันให้ฉันกล้าเดินหน้า ฝ่าฟัน แทรกซึม จนกว่าจะได้หัวใจของพี่ข้าวหอมมาครอง
“คว้ามาให้ได้นะ ความรักของพายน่ะ เรื่องแม่ พ่อจะช่วยเอง”
Sky Villa Penthouse
เสียงของนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์แผดเสียงดังกังวาล ก่อกวนการหลับนอนของสองสาวเปลือยกายใต้ผ้าห่มผืนหนา เจ้าของเครื่อง ที่ไม่ใช่เจ้าของห้อง ดันร่างงัวเงียลุกขึ้นมาปิดเสียงน่ารำคาญและล้มตัวนอนต่อ เพราะพึงระลึกได้ว่านี่เป็นวันหยุด แต่ไม่ได้มีสติมากพอที่จะรู้ว่านี่ไม่ใช่เตียงนอนแสนนุ่มในบ้านตัวเอง ส่วนเจ้าของห้องตัวจริง เมื่อถูกสิ่งเร้าภายนอกรบกวน ก็ไม่อาจข่มตาให้หลับต่อได้ จึงพาร่างเปลือยเปล่าอันสมส่วนเข้าไปชำระคราบศึกเร่าร้อนในห้องน้ำแทน
“เด็กดี~ เช้าแล้วค่ะ ตื่นได้แล้ว”
ซอล หญิงสาววัยสามสิบ ยกมุมปากยิ้มกรุ้มกริ่ม ใช้มือเกลี่ยแก้มเด็กในโอวาทอย่างอารมณ์ดี หน้าใสไร้พิษสงยามหลับ ไม่คิดเลยว่าเมื่อคืนเด็กดีของเธอ จะสามารถทำให้ midnight sex นั้นร้อนเร่า จำต้องบิดกายหลีกหนีปลายลิ้นที่สรรสร้างความเสียวซ่านไปทั่ว เตียงนอนถูกใช้ระบายยับยู่ยี่ไปหมด มันดีเสียจนเผลอหลุดคำว่า fuck~ ออกมาทั้งๆ ที่ปกติไม่คิดจะหยิบยกคำหยาบมาใช้
“อื้อพี่~ ขอนอนต่ออีกนิดนะ ง่วงไม่ไหว” แม้จะถูกเสียงงัวเงียเบรคไว้ แต่คนอายุมากกว่าก็ไม่หยุดปัดป่ายปลายจมูกแถวลำคอ ถ้าจะพูดให้ตรงจุด เธอต้องการลิ้มรสชาติเผ็ดร้อนอีกครั้ง ก่อนที่จะปล่อยเด็กดีกลับบ้านไปหาแม่...
Hideki’s home
เหล่าเพื่อนสาวมารวมตัวกันที่บ้านฮิเดกิ หลังจากที่ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันร่วมเดือน ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปฝึกงานคนละบริษัท ตามความสนใจของแต่ละคน พิชชาพรหอบอาหารทะเลชุดใหญ่มาตามสัญญา แม่บ้านช่วยนำไปจัดเรียงบนโต๊ะอาหารอย่างน่ารับประทาน มีสิ่งผิดปกติอย่างเดียวคือ เจ้าของบ้านหายตัวไป
“เที่ยงกว่าแล้วเนี้ยมันไปไหนของมัน” วินนี่เอนกายกับโซฟา ลูบพุงกลบเสียงท้องร้อง “เยลลี่แกรู้มะ? ”
“น้องเยลไม่รู้ค่ะ แต่เมื่อวานฮิเดกิมีไปกินเลี้ยงกับพี่ซอลไรนั่นอีกแล้วนะ” เยลลี่นั่งเคี้ยวผลไม้ที่แม่บ้านเอามาเสิร์ฟแก้หิว “เอ้อ พาย น้องเยลถามลุงหมอให้แล้วนะเรื่องแพ้ขนแมวอะ”
“จริงดิ ได้ความว่าไงมั่ง”
“เพื่อนพายอย่าพึ่งเศร้านะคะ น้องเยลจะบอกว่ามันไม่มีทางหายขาด แต่แบบมันจะพอบรรเทาได้บ้างถ้าพี่เค้าดูแลเรื่องความสะอาดน้องจิ๋วดีๆ เพราะไอ้ที่เพื่อนพายจามจนจมูกพังเนี้ย มันมาจากรังแคแมว ไรฝุ่น โปรตีนที่อยู่ในน้ำลายแมวเวลาเลียขนไรงี้”
“อาบน้ำบ่อยๆ ก็พอช่วยได้ใช่ปะ? ”
“เยส มันก็พอช่วยได้ค่ะ เวลาเล่นกับน้องจิ๋ว เพื่อนพายพยายามอย่าหอมนะ เล่นเสร็จก็ล้างมือด้วยสบู่ดีๆ ” เยลลี่จิ้มฝรั่งกิมจูเคี้ยวตุ้ยๆ
“ถามจริงนะพาย แกว่ามันไม่ลำบากไปหรอวะ? ” วินนี่ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ไม่เห็นมีความจำเป็นตรงไหนที่เพื่อนจะต้องยอมเสี่ยงตัวเองเพื่อเข้าใกล้พี่คนนั้น
“ก็ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้พี่เค้า เราคงห่อเหี่ยว แบบนั้นมันลำบากกว่าอีกนะ” สายตาพิชชาพรจับจ้องบนโปรแกรมแชท คนที่กำลังถูกพูดถึง ส่งรูปเจ้าจิ๋วยืนสองขาเลียซองขนมมาอวด ใบหน้าสวยเผยยิ้มออกมาทั้งปากและดวงตา
“แง๊ ไอ้เจ้าคนมีความรัก น้องเยลชอบจัง เห็นเพื่อนพายโหมดนี้แล้วมันแปลกตาดี เมื่อไรจะพามาเปิดตัวละค้าาา” เยลลี่กระแซะหัวไหล่หยอกล้อ
“ยุ่งน่าา! ”
ทันใดนั้นบุคคลที่รอคอยก็ปรากฏ ฮิเดกิเดินแบกหน้าง่วงๆ เข้ามาตรงที่เพื่อนกำลังนั่งรอ เยลลี่วางส้อมจิ้มผลไม้ลงด้วยความดีใจ เพราะว่าจะได้กินอาหารทะเลที่เพื่อนพายซื้อมาเลี้ยงสักที “ฮิเดกิ๊~ มาสักทีนะคะ”
“หายไปไหนมานังตัวดี! แล้วทำไมสภาพเป็นงั้นวะ”
“หนักอะเมื่อคืน โดนลูกค้ามอมเหล้า” ฮิเดกิเกาหัวอย่างงงๆ
“เอิ่ม ดูจากรอยลิปสติกบนเสื้อเชิ๊ต เราว่าก็น่าหนักอยู่นะ แล้วกิไปนอนไหนมาอะ? ”
“บ้านพี่ซอลอะ”
“อูยยยยย บ้านพี่คนสวย อย่าบอกนะว่าที่มึงสภาพนี้คือ … แล้วอะ?! ”
ฮิเดกิพยักหน้า “เชี่ย! เชี่ย! เชี่ย! เกินคาด ได้ไงวะนะ อันนี้คือรู้ตัวทั้งคู่ชะ? ” คำตอบที่ผ่านหน้ามึน เล่นเอาเพื่อนแทบช็อค ทั้งวินนี่และพาย รีบขยับตัวเข้าไปเกาะแกะเพื่อสาวเอาความจริงจากเรื่องเมื่อคืน ดูเหมือนว่าจะลืมกุ้ง หอย ปู ปลา พร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดบนโต๊ะจนหมดสิ้น
“อือ ก็ไม่ได้อะไรนะ แบบ just sex อะ” ฮิเดกิยักไหล่
พรึบ! สามสาวทำหน้างงกับการที่เยลลี่ลุกพรวดพราดออกไปจากวงสนทนา “ฮัลโหลค่ะ โอเค มีไฟล์อยู่ค่ะ เดี๋ยวเยลลี่ส่งให้เย็น.. ฮะ ตอนนี้หรอคะ อ่า สะดวกค่ะ ได้ค่ะ ส่งให้เลย ” แต่ก็พอจับความได้ว่า คงมีพี่ที่บริษัทโทรมาของานบางอย่าง
“เพื่อนๆ คะ เยลลี่โดนตามงาน คงต้องขอบายปาร์ตี้วันนี้นะ เจอกันรอบหน้าน้าาา รักนะทุกคน บายเกิร์ลล~” แล้วเยลลี่ก็รีบเดินออกจากบ้านไป
“มันรีบอะไรขนาดนั้นวะนะ” วินนี่มองตามอย่างงงๆ
“พวกแก กินข้าวเสร็จแล้วแยกย้ายได้มะ ง่วงว่ะ กูอยากนอนยาวๆ เลยอะ”
สรุป นัดรวมตัวสี่หน่อเป็นอันล่ม เพราะเพื่อนคนหนึ่งติดงานด่วน และเพื่อนอีกคนสภาพไม่พร้อม เนื่องจากศึกหนักมาพรากเรี่ยวแรงไปเมื่อคืน บรรยากาศการทานอาหารกลางวันจึงเป็นไปอย่างเรียบง่าย กินไปคุยไป ถามไถ่ บอกเล่าเหตุการณ์ปะหลาดที่เจอในบริษัท นั่งหัวเราะขำกันพอหอมปากหอมคอ เพราะทันทีที่เจ้าของบ้านอิ่ม ก็รีบไล่เพื่อนให้กลับบ้านใครบ้านมันทันที
พิชชาพรนั่งถอนหายใจอยู่ในรถ ว่างทั้งวันไม่รู้จะไปไหนดี ให้กลับบ้านไปอยู่เฉยๆ เบื่อแย่เลย เธอจึงหยิบมือถือขึ้นมาลองชวนพี่คนหน้าดุออกไปข้างนอกดู เสนอไอเดียแจ่มๆ เช่น พาจิ๋วไปเดินเล่นที่สวน นั่งดูนก อะไรเทือกนี้ เธอมั่นใจว่าไอ้ความขี้ตื๊อเอาแต่ใจแสนอ้อน มันต้องทำให้ข้าวหอมปฏิเสธไม่ได้อีกตามเคย
พิชชาพรมองที่นั่งว่างเปล่าข้างคนขับแล้วยิ้ม หวังอยากจะให้พี่เขาเป็นตุ๊กตาหน้ารถประจำตำแหน่งตรงนั้น เพื่อที่จะได้พาไปแสวงหาสิ่งใหม่ๆ เติมเต็มชีวิต อยากเปลี่ยนท้องฟ้าสีจืดชืด ให้กลายเป็นมีสีสันน่ามอง เหมาะแก่การเรียกรอยยิ้มแสนสบายใจออกมาจากใบหน้าเรียบเฉยนั่น ถ้าทำได้ หัวใจคงฟูไม่น้อยเลย พิชชาพรจะไม่ยอมปล่อยให้มันเป็นเพียงแค่ความคิดอย่างแน่นอน…
สวนสาธารณะ
แดดจ้าเมฆเยอะในบ่ายวันเสาร์ ช่าง...ร้อนชิบห**ย นึกขันตัวเองที่ใจอ่อนยวบยาบ ยอมเอ่ยปากชวนเด็กขี้เหงาออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะกลางกรุง ฮัดชิ่ว~ นั่นปะไร จามอีกแล้ว เด็กตัวสูงที่เดินนำหน้าฉันอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดื้อด้าน วุ่นวาย ขนาดไหน ตัวเองไม่ถูกกับขนแมว แต่ก็ยังจะรั้นเอาตะกร้าเจ้าจิ๋วไปถือให้ได้ ไม่ถือธรรมดาด้วยนะ เอาหน้าเข้าไปใกล้ชวนจิ๋วคุยจ้อไม่หยุด แล้วเจ้าแมวตัวเล็กก็เป็นไปกับเขาด้วย ร้องเหมียวตอบทุกครั้งเลย
“จามอีกแล้วนะ เอาตะกร้ามาให้พี่ถือเลยค่ะ”
“นิดเดียวเองค่ะ แหนะ ถอนหายใจ เหนื่อยจะเถียงกับพายใช่มั้ยล่า งั้นพี่ข้าวไม่ต้องเถียงเนอะ เดินชมนกชมไม้ให้ใจสบายกันดีกว่า ...ใช่มั้ยจิ๋ว” เมี๊ยว~ อืม ดีค่ะ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย อ้อลืมไป ก็แมวเหมือนกันนี่เนอะ
ลานหญ้าสีเขียวชะอุ่มผืนกว้างสุดลูกตา ถูกเด็กตัวสูงสะบัดผ้าสีตุ่นปูนั่งใต้ร่มไม้ใหญ่ เบื้องหน้าเป็นวิวบึงน้ำ มีแบ็คกราวน์ต้นไม้สูงต่ำสลับกันตัดกับท้องฟ้าสีสดใส เก่งนี่ เลือกโลเคชั่นได้ดีมาก สมกับเป็นเด็กฝึกงานในสังกัดฉันจริงๆ พอได้ปักหลักนั่งตรงนี้ ความร้อนระอุระหว่างทางก็ถูกบรรเทาด้วยสายลมเอื่อย
“น้ำค่ะ” ยัยเด็กฝึกงานตัวจุ้น ฉีกยิ้มแป้น ยื่นขวดน้ำมาให้
“ขอบใจ” เราสองคนกระดกดื่ม และเปร่งเสียงชื่นใจออกมาพร้อมกัน อ๊า~
“จิ๋ว! ไม่ขึ้นตักพี่พายสิคะ มานี่เลย” พอปล่อยแมวเด็กออกมาจากตะกร้าได้ ก็รีบพาพุงป่องของตัวเองปีนขึ้นตักของพายทันที เกือบคว้าไว้ไม่ทันเสียแล้ว ฉันน่ะไม่อยากให้ขนจากเจ้าจิ๋วติดเสื้อผ้าพายหรอกนะ เกิดจามไม่หยุดแล้วป่วยจริงขึ้นมาจะทำไง
“อย่าหวงนักสิคะ จิ๋วก็แค่อยากเล่นกับพายเอง”
“ไม่ได้หวง แต่ไม่อยากให้ขนติดเสื้อผ้า พี่ไม่อยากฟังเราจามหรอกนะ”
“อ่อ ห่วงนี่เอง”
“อะไร! ”
“5555 พายล้อเล่นค่ะ ไม่เห็นต้องทำตาเขียวใส่เลย” ไม่รู้ว่าไอ้อาการนี้มันตลกอะไรกันนักกันหนา พายถึงระเบิดหัวเราะออกมาได้ ฉันรู้แต่ว่าอยู่ตรงนี้แล้วไม่ปลอดภัย เลยอุ้มเจ้าจิ๋วออกจากเสื่อ พาไปเดินต้วมเตี้ยมบนผืนหญ้าแทน
ดูเหมือนว่าการพาจิ๋วออกมาข้างนอกวันนี้ จะทำให้เจ้าแมวเด็กร่าเริงมากขึ้น มะ ม แม๊ว~ สายตาวับวาว กระดิกหางส่ายหัวมองตามนกพิราบฝูงใหญ่ที่บินขึ้นบินลงอย่างสนใจ ดูเป็นแมวไม่ขี้เหงาชั่วคราว ต่างจากเวลาที่อยู่ในห้อง แล้วเด็กที่นอนมองท้องฟ้าใต้ร่มไม้คนเดียวนั้น หายเหงาหรือยังนะ…
“นอนนับก้อนเมฆอยู่หรือไง? ”
“อื้อ ได้ 143 พอดีเลยค่ะ” พิชชาพรอมยิ้ม
“มั่วปะเนี้ย เห็นมีแต่เมฆก้อนใหญ่กระจุกอยู่” คนอายุมากกว่าพูดไปอย่างไม่เชื่อ แต่ก็หย่อนตัวลงนอนราบข้างๆ พิชชาพร ข้าวหอมประคองเจ้าจิ๋วให้นั่งเล่นอยู่บริเวณหน้าท้อง เพื่อไม่ให้วิ่งหนีหายตามนกพิราบไป หนึ่งคน สองแมว บนเสื่อสีตุ่นขนาดพอดี เมื่อข้าวหอมขยับตัวจัดท่าทางจนลงตัว ก็ได้เปิดโอกาสให้ตัวเองปล่อยใจลอยตามเมฆสีขาวบนท้องฟ้าบ้าง
“พี่ข้าวเคยนอนมองท้องฟ้าแบบนี้ไหมคะ? ”
“เคยนะ ตอนเด็กอะ”
“นานจัง~”
“อื้อ ใช้ชีวิตในเมืองมันวุ่นวายจะตาย วันๆ เอาแต่เรียน เอาแต่ทำงานอยู่ในตึก ไม่ค่อยมีเวลาแหงนมองฟ้าเท่าไรหรอก”
“พายอะชอบมองท้องฟ้ามากๆ เวลาคิดมาก ไม่สบายใจ มองท้องสักพักก็หายเลยอะ”
“เด็กร่าเริงอย่างเราเนี้ยนะ มีเรื่องไม่สบายใจด้วย”
“โห่ มันก็มีกันทุกคนปะคะไอ้อาการนี้น่ะ พายรู้พี่ก็เป็นแต่ปากแข็ง ขี้เกรงใจอะไรก็ไม่รู้ ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจก็รู้จักหาที่ระบายบ้างนะรู้เปล่า เนี้ย ลองบ่นกับเจ้าจิ๋วดูก็ได้ค่ะ ใช้งานให้คุ้มค่าปลาทูหน่อย จิ๋วไม่โกรธหรอกเนาะ”
เมี๊ยว~ ข้าวหอมมองตามนิ้วเรียวที่กำลังวอแวเจ้าจิ๋วด้วยการเกาคาง ประเด็นคือแมวเด็กนอนอยู่บนหน้าท้อง โดนท้องแขนพิชชาพรสัมผัสบ่อยๆ ข้าวหอมว่ามันค่อนข้างจะเป็นตำแหน่งที่ไม่ค่อยปกติเท่าไร แต่ก็ไม่ถึงขั้นละลาบละล้วง เพราะไม่นานพิชชาพรก็ละมือออกไป
“วุ่นวายจริงๆ เลยนะเราอะ” คนพี่บ่นอย่างไม่จริงจัง หากสังเกตดีๆ ใบหน้าตึงเรียบเฉยเสมือนมีเส้นด้ายนับพันผูกขึงไว้ กำลังถูกปลดแก้มัดทีละเล็กละน้อย รอยยิ้มที่เห็นได้นานๆ ที ผุดขึ้นมาประดับใบหน้าบ่อยครั้งมากขึ้น ...
TBC
เราว่านะไอ้ที่ลูกพี่แมวคิดว่าการออกมานั่งเล่นในสวน ช่วยบรรเทาความเหงาให้เจ้าจิ๋ว กับ น้องพาย ที่จริงไม่ใช่หรอก คนที่รู้สึกหายเหงาคือตัวเองนั่นแหละ ตัวเองเลยค่ะพิคนหน้าดุ
ทุกคนเห็นแล้วใช่มั้ยคะ เราแอบใส่ฉากจุ๊กกรู๊ววู้วฮูวของฮิเดกิกับพี่เลี้ยงมาจิ้ดนึง เอาไว้ให้เดาเหตุการณ์ต่อไปเล่นๆระหว่างรอตอนต่อไปน้า
**ปล. ความหมายของก้อนเมฆ 143 ก้อนที่พายบอกไป มันคือโค้ด 143 ซึ่งมีความหมายว่า I love you เพราะเป็นตัวเลขจำนวนตามตัวอักษรของข้อความ (I = 1 Love = 4 You = 3) แต่ในกรณีของพาย เราขอเปลี่ยนเป็น i like you ก็พอค่ะ เพราะเราคิดว่าความสัมพันธ์กรุ้มกริ่มแบบนี้ ยังไม่น่าจะพูดคำว่า “รัก” ออกมาได้เต็มปาก
:)
โฆษณา