1 ปี ที่ยังเข้มข้น ของ รัสเซีย ยูเครน
เพิ่งจะครบรอบ 1 ปีเต็มไปไม่นาน ของสงครามรัสเซีย ยูเครน เรียกว่าอยู่เฉยๆ เขาก็รัก กับอยู่ไม่นิ่งวิ่งไปวิ่งมาพารวย แบบกรุบกริบกับการค้าอาวุธสงคราม ตามความเข้าใจของคนทั่วไปและแหล่งข่าว
การพยายามแต่พังพาบเป็นหน้ากลอง คนตีที่ไม่ใช่ผู้ใหญ่ลี แต่เป็นประธานาธิบดีโจ ที่ฮุบสมบัติชาวรัสเซียเอาไปแบบจงใจ ตามสไตล์เสรีชนเมกา กลับเป็นต้นเหตุของการหมดศรัทธาและเชื่อใจทางด้านการเงิน โดยเฉพาะเงินฝาก ระบบการเงินเริ่มล่มสลาย
ระบบของโลกเริ่มเสื่อมสูญไปตามคำทำนายในพระคัมภีร์ ได้เริ่มมีให้เห็น อำนาจการเป็นตำรวจโลกเริ่มเสื่อมไป ราวกับสอดคล้องของความจำเสื่อมของปู่โจ ที่มีให้เห็นออกสื่ออยู่เรื่อยๆ
ต่อไป ก็คงนำมาเป็นข้ออ้างในเรื่องสุขภาพให้พ้นผิดไปได้ในอนาคต ทุกฝ่ายก็ยังสนับสนุนให้ปู่โจ ทำงานต่อไป
การออกหมายจับของเมกา ประกาศให้ประธานาธิบดีปูตินเป็นอาชญากรสงคราม ตามคำกล่าวอ้างนั้นไม่ได้มีความหมายใดใดอีกต่อไป ซึ่งในขณะเดียวกันที่จีน โดย ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ยังให้การรับรองในการเยือนจีน 2 วันที่ผ่านมา ย่อมเป็นที่ประจักษ์ว่า อำนาจของเมกาใช้นอกบ้านตัวเองไม่ได้อีกต่อไป
จริงอยู่ที่ผ่านมา เมกาได้ช่วยภูมิภาคเอเชียเอาไว้ ไม่ให้ตกภายใต้อิทธิพลของระบอบการปกครองคอมมิวนิสต์ แล้วทำไมผู้ที่ทรงอิทธิพลของโลกอย่างเมกาจึงเริ่มคลอนแคลนมากขนาดนี้
แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โซเวียตรัสเซียก็เป็นผู้ที่ช่วยให้โลกไม่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของจักรวรรดินาซี จากฮิตเลอร์ เช่นกัน เรียกว่าทุ่มสุดตัว ในการรบ ทำให้โซเวียตรัสเซียขณะนั้นได้สูญเสียกำลังพลไปมากที่สุด เป็นหลายล้านคน และเป็นผู้หยุดสงครามโลกเอาไว้ได้ สามารถยึดอำนาจจากจอมเผด็จการฮิตเลอร์เอาไว้ ทำให้โซเวียตรัสเซียเป็นผู้นำในการชนะสงคราม แต่ผู้ประกาศคือฝ่ายพันธมิตรอังกฤษ เรียกว่าโซเวียตรัสเซีย ปิดทองหลังพระ อย่างแท้จริง
และถ้าเมกาไม่ถูกญี่ปุ่นโจมตี เกาะเพิร์ล ฮาเบอร์ ก็คงมีบทบาทที่น้อยลงในบันทึกประวัติศาสตร์โลก
ทุกอย่างที่ผ่านมาดูออกจะสูสี ในการพยายามแผ่อิทธิพลและการมีส่วนช่วยกู้โลกเสรีให้พ้นระบอบการปกครองแบบจัดการเบ็ดเสร็จ และได้สร้างวีรกรรมของทั้งสองฝ่าย เข้าสำนวนไทยที่ว่า ชั่ว 7 ที ดี 7 หน ก็คือหยวนๆ เจ๊าๆกันไปได้
ใครจะรู้ว่า วันหนึ่งคนไทยหลายคน อยู่ๆก็เข้าอกเข้าใจ สถานะการณ์ของประธานาธิบดีปูตินในการโจมตียูเครน ไม่ใช่เรื่องการจะเข้าร่วม NATO ของฝั่งยูเครน เพื่อจะเอาใจออกห่างรัสเซียอย่างเดียว แต่เป็นเพราะ ทหารรัสเซียได้โดนสังหารในยูเครนก่อน ที่ประธานาธิบดีปูตินจะสั่งโจมตียูเครน ตามข่าวของต้นเหตุของการโจมตี
แต่ข้อเท็จจริงที่มีน้ำหนักของคนไทยบางคนที่เอาใจช่วยประธานาธิบดีปูติน ก็เพราะความผูกพันที่ประธานาธิบดีปูตินได้ยกย่องและนำพระดำริแนะนำในการปรับปรุงด้านเกษตรกรรมของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ไปพัฒนารัสเซีย พร้อมกับการได้มาเยือนไทย
และสมเด็จพระพันปีหลวงฯ ได้เคยเสด็จเยือนรัสเซีย ในครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ ซึ่งได้สร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับทั้งสองประเทศเป็นอย่างดี
ถ้าจะกล่าวไปในอดีต ครั้งที่พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่2และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ก็ยังมีความสนิทสนมเป็นเสมอพระสหายและการเสด็จประเทศสยาม ในยุคนั้น ในขณะที่พระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่ 2 ขณะนั้นยังดำรงพระยศเป็นมกุฎราชกุมาร และต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จไปเยือนรัสเซีย เช่นกัน
ความผูกพันเหล่านี้ แม้ขณะที่รัสเซียได้เปลี่ยนสถานะจากกษัตริย์มาเป็นระบอบประธานาธิบดี ก็ยังมีการดำเนินการเชื่อมสัมพันธไมตรีอยู่เนืองๆ จึงทำให้ความสนิทสนมอันนี้ยังคงมีสายสัมพันธ์ไม่คลาย
แม้ประเทศไทยเองได้รับอิทธิพลจากประเทศตะวันตกไม่น้อย ความนิยมอังกฤษ อเมริกา ยุโรปตะวันตก มีผลในความเป็นอยู่ การค้าเสรีและเสรีภาพทางการเมืองที่มีแนวนิยมและมีต้นแบบตามประเทศอังกฤษก็ตาม
จากการมีความสัมพันธ์ทางการฑูตที่มีมาช้านานกับประเทศต่างๆ จึงส่งผลให้ไทยไม่สามารถออกเสียงเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย/ยูเครนได้ นับว่าเป็นทางออกที่ดี ของคณะฑูตไทย
และ Hello Thailand มีความประทับใจและหวังว่า ประเทศไทยจะดำรงความเป็นกลางเอาไว้ ในเรื่องข้อพิพาทระหว่างประเทศอื่นๆที่มีต่อกัน เป็นเช่นนี้ตลอดไป นับว่าประเทศไทยเราได้ยกระดับตนเองขึ้นในความเป็นกลางในบทบาทเวทีโลกมาจากเหตุการณ์นี้อีกด้วย
โอกาสต่อไปนี้ที่เกิดจากเศรษฐกิจด้านระบบการเงินและการธนาคารที่เริ่มเสื่อมถอยในเมกาและสวิสฯ รวมถึงประเทศอื่นๆที่มีนโยบายต่อต้านรัสเซีย อาจทำให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็งในระบบการเงิน และอาจเป็นศูนย์กลางการฝากเงินแห่งใหม่ในภูมิภาคเอเซียก็เป็นได้
การกำหนดขั้วแห่งอำนาจใหม่ขึ้นในโลกนี้ได้จัดตั้งขึ้นใหม่แล้ว แม้จะมีเสียงคัดค้านจากหลายๆประเทศในเรื่องรัสเซีย แต่กระแสในประเทศต่างๆ ระหว่างประชาชนกับรัฐบาลในประเทศที่สนับสนุนนโยบายเมกา กลับสวนทางกัน เช่น การประท้วงในประเทศสหรัฐอเมริกาเอง ที่ ประชาชนต่อต้านการสมัครไปเป็นทหารร่วมรบกับยูเครน ส่วนประเทศฝรั่งเศส มีผู้ประท้วงรัฐบาลของตนให้เลิกทำตามนโยบายของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีนักการเมืองที่มีชื่อเสียงออกมาคัดค้านรัฐบาลตนเองเช่นกัน เป็นต้น
หลายประเทศต่างรับรู้ว่าการสนับสนุนนโยบายการต่อต้านรัสเซียตามแนวเมกานั้นทำให้เกิดสภาวะน้ำมันแพงขึ้นหลายเท่าตัว จึงมีการเริ่มผ่อนปรนนโยบายต่างๆมากขึ้น เพราะรับรู้แล้วว่า
สิ่งที่เมกาทำไปนั้น เรียกได้ว่า “หยิกเล็บ เจ็บเนื้อ” และประชาชนของตนเองได้รับผลกระทบมาก ในค่าครองชีพและความเป็นอยู่ รวมถึงบทบาทของนโยบายจากรัฐบาลตนเอง เพื่อดิ้นรนให้ประเทศตนเองอยู่รอดในสถานการณ์ขณะนี้
การเทขายพันธบัตรดอลลาร์สหรัฐอเมริกาจากหลายๆประเทศ หรือจากนักลงทุน ขณะนี้จนเกิดเงินเฟ้อ หรือนโยบายการพิมพ์เงินที่กำลังทำให้สหรัฐอเมริกาเข้าสู่ยุค แฮมเบอร์เกอร์ล่มสลาย ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น้อย เพราะการดำเนินนโยบายด้านการต่างประเทศที่พลาดพลั้ง
การประเมินสถานการณ์และการคาดการณ์ที่ผิดพลาด ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตามสายตาชาวโลก อาจเป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจ ถามว่าใครได้ใครเสีย ประชาชนคือผู้ที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในสงคราม สงครามไม่เคยปรานีประชาชน
ในขณะที่ ผู้นำที่อยู่ในสภาวะสงครามจะขนเงินออกนอกประเทศตนเองเท่าไหร่ก็ย่อมได้ ก็คงพอๆกับผู้นำคณะปฏิวัติ ปฏิรูป หรือผู้ทำรัฐประหาร ที่สามารถนำเงินจากคลังได้ตามต้องการ
นับจากโควิดเป็นต้นมา สถานการณ์ในด้านเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการเล่นเกมส์สงครามโดยมีชีวิตที่ต้องหายไป เกมส์การล่าสมบัติมาเติมคลังทรัพย์ของตนเอง ก็กลายเป็นเรื่องเสียทรัพย์เอง และการพิมพ์เงิน เพื่อความมั่งคั่ง จนกลายเป็นเงินเฟ้อ จนแทบจะกลายเป็นเทพพระเจ้ากรีก ที่เรียกได้ว่า ทรุด แต่เทพไม่เป็นใจ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นนับจากนี้ไป ก็ต้องจับตาดูกันไปว่า จีนจะเป็นกาวใจให้ยูเครน/รัสเซีย ได้แค่ไหน หรือยูเครนต้องถามโจ ไบเดน
ช่างอลวน วกวน มากสำหรับ สงครามครั้งนี้ พร้อมกับการเมืองที่เกมส์กันแบบ มันหยดติ๋ง แล้วประธานาธิบดียูเครน จะนำสันติสุขมาสู่ประเทศของตนได้อีกอย่างไร
สงครามจะใกล้อวสานหรือมันเพิ่งจะเริ่มต้น
Cr: ภาพจาก Google, The Standard
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
