8 สิ่งสำคัญที่ต้องรู้เลือกหุ้นลงทุน
❣️ ก่อนลงทุนหุ้นตัวใด นักลงทุนควรสแกนหุ้นจากการอ่านงบการเงิน เพื่อหาหุ้นที่เติบโต
งบการเงินจะทำให้เรามั่นใจว่ากิจการที่เราสนใจดีจริงหรือไม่ มีพัฒนาการการเติบโตเป็นอย่างไร ผ่านตัวเลข
ในงบการเงินจะมีสัญญาณเล็กๆ ซ่อนอยู่มากมาย ที่จะบอกเราว่าหุ้นตัวนี้มีคุณภาพหรือไม่ เราจะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าจะมีโอกาสเติบโตต่อไปอีกหรือไม่
เป็นการทำความรู้จักหุ้นแบบง่ายๆ ที่ได้ผลจริง ยิ่งคนที่มองหา "หุ้นเติบโต" ที่จะให้ผลตอบแทนสูงจากการลงทุน จะยิ่งได้ประโยชน์จากการอ่านงบ
เป็นการดู "ปัจจัยเชิงปริมาณ" ที่ยืนยันด้วย "ตัวเลข" ❣️
เอาล่ะ น้องยูโรเกริ่นมาเยอะแล้ว... ไปเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะทุกคน
1️⃣ อ่านงบการเงินไม่ยาก **จำเป็นมาก**
เปรียบกับพ่อแม่ เห็นลูกอ่านหนังสือ นั่งทำการบ้าน จะมโนว่าลูกเรียนเก่งกว่าเด็กคนอื่นๆ คงไม่ได้
การลงทุนทางการศึกษาจะเห็นผลการเรียนที่จับต้องได้ ผ่าน 'เกรด' ที่จะออกมาใน 'สมุดพก'
กิจการที่เราลงทุนก็เช่นกัน "งบการเงิน" คือ สมุดพก "ที่เราต้องคอยติดตามผล" ปีละ 4 ครั้ง คือ ไตรมาส 1, 2, 3 และงบปี
2️⃣ หัวใจสำคัญในการอ่านงบ
ต้องรู้ว่าต้องดูตรงไหน? ข้อมูลใดสำคัญอย่างไร?
เพื่อให้เข้าใจ เพื่อใช้สแกนหุ้นเบื้องต้น เพื่อหาโอกาสในการลงทุน และเพื่อตัดสินใจลงทุน
และยังใช้งบการเงินเพื่อหลีกเลี่ยงหุ้นที่ไม่น่าลงทุนได้ เช่น งบแย่ หนี้บาน ส่วนของผู้ถือหุ้นบาง เสี่ยงเพิ่มทุน หรือผู้ตรวจสอบบัญชีไม่เซ็นรับรองงบ
3️⃣ นักลงทุนระยะสั้น หรือ Technical ก็ต้องอ่าน
ควรอ่าน แม้จะลงทุนรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน เพราะเวลาซื้อหุ้นแบบเก็งกำไรแล้วไม่กล้า Cut Loss จะทำให้บาดเจ็บสาหัส
แม้เล่นหุ้นแบบเก็งกำไร ก็ "ไม่ควรเล่นหุ้นที่พื้นฐานแย่มากๆ" ควรอ่านงบการเงินแบบสรุปมาบ้าง แค่ผ่านๆ ให้เข้าใจว่ามีรายได้ กำไร มีต้นทุนค่าใช้จ่ายสมเหตุสมผล
อย่าซื้อหุ้นขาดทุนซ้ำซาก หนี้หนา ทุนบาง ขาดทุนสะสมชวนสยอง และไม่มีธุรกิจที่เป็นไปได้อยู่จริง
4️⃣ นักลงทุน VI ไม่อ่านไม่ได้เลย ต้องติดตามสม่ำเสมอ
สิ่งสำคัญมากที่ต้องคอยติดตามดู คือ งบกำไรขาดทุน งบแสดงฐานะการเงิน (งบดุล) งบกระแสเงินสด และหมายเหตุประกอบงบการเงิน
นี่คือหลักฐานชัดเจนเป็นตัวเลข ที่ยืนยันพัฒนาการของกิจการ ไม่ว่าทางบวกหรือทางลบ
5️⃣ การเติบโตที่คาดหวัง
- หุ้นส่วนใหญ่ ดูที่ "กำไรโต" หรือ Earnings Growth
หุ้นเทคโนโลยี ดูที่ "รายได้โต" อันเป็นสัญญาณดีว่ากิจการกำลังเติบโต หรือสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดได้
- สิ่งแรกที่เราควรตรวจสอบ คือ "งบกำไรขาดทุน (Income Statement)" เพื่อหาหุ้นที่ "รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม"
โดยดูทั้ง "รายได้" (Topline บรรทัดแรก) และ "กำไรสุทธิ" (Bottom Line บรรทัดสุดท้าย)
ทั้งคู่ควรเป็นบวกและเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และไตรมาสที่แล้ว
- กำไรสุทธิเพิ่ม ควรมาจาก "รายได้เพิ่ม" ด้วย ไม่ควรมาจากการลดต้นทุนเพียงอย่างเดียว เพราะจะเป็นการเพิ่มของกำไรแบบไม่ยั่งยืน
- ถ้าบริษัท "รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม" ผู้ถือหุ้นก็จะได้ผลตอบแทนเพิ่มเป็น "เงินปันผลดี และราคาหุ้นขึ้น"
6️⃣ ดูฐานะและโครงสร้างทางการเงิน ผ่านทางงบแสดงฐานะการเงิน
(หรือ งบดุล, Balance Sheet)
- คุณภาพสินทรัพย์ : พร้อมใช้สร้างรายได้ และมีโอกาสสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต ได้แก่ เงินสด ลูกหนี้ สินค้าคงคลัง ที่ดิน อาคาร อุปกรณ์
- สภาพคล่องของกิจการ : ธุรกิจที่น่าลงทุนควรมี สินทรัพย์หมุนเวียน (เงินสด, ลูกหนี้) มากกว่าหนี้สินระยะสั้น ที่ต้องชำระคืนใน 1 ปี
- ความมั่นคงของกิจการ : ดูจาก D/E ไม่เกิน 2 เท่า หนี้ต้องน้อย ทุนต้องหนา
- กำไรสะสม : กำไรสุทธิที่เกิดจากการทำมาหากินของบริษัทตั้งแต่ก่อตั้งจนปัจจุบัน ยิ่งมีกำไรสะสมมาก ยิ่งแสดงถึงฝีมือ ประสิทธิภาพ และโอกาสได้ปันผลเพิ่มขึ้น
7️⃣ ดูกระแสเงินสดกิจการ ผ่านงบกระแสเงินสด
ส่วนที่ 1 กระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน : บรรทัดสุดท้ายต้องเป็นบวก แปลว่า ทำธุรกิจแล้วมีเงินสด
เงินสดที่เป็นบวกเป็นสิ่งยืนยันว่ากำไรสุทธิจากงบกำไรขาดทุน มีเงินสดอยู่จริง
ส่วนที่ 2 กระแสเงินสดสุทธิจากการลงทุน : แสดงการใช้เงินสดเพื่อลงทุน เป็นลบแปลว่าดี มีการลงทุนสร้างผลตอบแทนเพิ่ม ยังไม่หยุดขยายงาน
ส่วนที่ 3 กระแสเงินสดสุทธิจากการจัดหาเงิน : เป็นลบแปลว่าดี แสดงว่าใช้เงินสดจ่ายปันผลหรือชำระหนี้
แต่ถ้าเป็นบวกแปลว่ารับเงินสดเข้า มีการกู้เงินหรือเพิ่มทุน ซึ่งไม่ดีต่อนักลงทุน
8️⃣ หมายเหตุประกอบงบการเงิน ส่วนท้ายที่แสนสำคัญ
ดูขยายความงบการเงินทั้ง 3 แบบ อย่างละเอียด
ติดตามเหตุการณ์พิเศษ หรือสังเกตสิ่งไม่ชอบมาพากล เช่น คดีความฟ้องร้อง รายจ่ายที่ผิดปกติ และข้อมูลอื่นๆ
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
