15 ส.ค. 2023 เวลา 09:31 • ไลฟ์สไตล์

เยือนเกาะหมาก 2566

เด็กๆยุคเบบี้บูมจะได้ยินชื่อ ปีนัง ว่าเป็นสถานที่ที่ครอบครัวมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนภาษาอังกฤษที่นั่น ดูว่าเป็นบ้านเมืองที่มีความเจริญศิวิไลซ์กว่าสยามเมืองยิ้มเยอะอยู่ นางงามจักรวาลคนแรกของไทยก็ได้รับการศึกษาที่ปีนัง ถึงพูดตอบคำถามภาษาอังกฤษได้อย่างไม่เคอะเขิน
ปีนัง หรือ คนไทยสมัยก่อนจะรู้จักในชื่อ เกาะหมาก ตั้งอยู่ใต้สุดของด้ามขวานของไทย นัยว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนนึงของแหลมมลายูที่สยามประเทศครอบครองอยู่ แล้วต่อมามีการแลกดินแดนกันกับอีก ส่วนหนึ่งของแผ่นดิน จะส่วนไหนอะไรยังไงก็ปล่อยผ่านไปเถอะ ไม่ค่อยชำนาญเรื่องประวัติศาสตร์ รู้แต่ว่าเพื่อนที่อยู่จังหวัดตรังเค้าบอกว่า ตอนเด็กๆพ่อจะพาไปเที่ยวปีนังเป็นประจำ ไปบ่อยจนพอบอกจะพาไปปีนังนี่เบ้ปากเลย ไปซื้อของเล่น ของกิน ซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่เมืองไทยไม่มีขาย ถือเป็นดินแดนแห่งความ luxury ของยุคกระโน้น
จากวันนู้นถึงวันนี้เมืองไทยเจริญเติบโตรับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามากๆ ทั้งด้าน infrastructure การวางผังเมือง สิ่งปลูกสร้าง อาคารสูง ศูนย์การค้าต่างๆ คือ เจริญมากๆทางด้านวัตถุ แม้แต่วัดวาอารามของไทย ก็ดูทันสมัยมีสิ่งอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะห้องน้ำ ไม่น่าเชื่อว่าวัดต่างๆจะแข่งกันด้วยความทันสมัยของห้องน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยว คนใต้ไม่ไป shopping ที่ปีนังแล้ว แต่มากรุงเทพแทน .. แต่ปีนังยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนมาก โดนเฉพาะเรื่องวัฒนธรรมความเป็นอยู่ ยังมีกลิ่นไอแบบฝรั่งติดอยู่
แลนด์มาร์คของเมืองปีนังคืออะไร ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ที่ดิฉันและคณะคิดว่ามันแตกต่างจากบ้านเราก็คือ วัดจีนบนเนินเขา ที่ชื่อ Kek Loc Si นี่แหละค่ะ ดูจากรูปทรงก็บอกได้ทันทีว่าคือวัดจีน ขับรถขึ้นไปได้ระดับหนึ่ง จากนั้นต้องเดินวนๆให้ดูบริเวณโดยรอบของวัดแล้วไปขึ้นลิฟต์แบบเบียดกันแน่นเพื่อขึ้นไปชั้นบนสุดที่มี รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม องค์ใหญ่มาก บริเวณโดยรอบยังมีรูปปั้นครอบครัวของพระพิฆเนศ Ganesh Family รูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ เป็นการเล่าเรื่องโดยภาพ
รูปปั้นสวยๆแปลกตา บนเขาวัด Kek Lok Si
กลับเข้ามาในเมืองบ้าง คณะของเราเป็นสี่สาว สาย Good Look Good Life อันนี้นิยามเอง คือ ลำบากไม่เอา ขอสบาย ประเภท 6-7-8 แบบทัวร์ทั่วไป ไม่นิยมค่ะ คณะนี้เน้นตื่นสายเที่ยววันละ 2 ที่ เช้าแห่งบ่ายแห่ง พอแระ แต่ขอกินหรูอยู่สบาย
ดังนั้น พอลงจากเรือบิน ต่อแท๊กซี่ไปที่พักที่อยู่กลางเมือง เราเลือกโรงแรมสไตล์บูติก ที่เอาตึกเก่ามารีโนเวทภายใน ด้านนอกยังคงความเป็น ชิโน-โปรตุกีส แบบเดิมๆ ชื่อ Coffee Atellier นัยว่าดั้งเดิมเป็นโรงคั่วกาแฟ ยังมี่เตาและกะทะใบใหญ่อยู่ด้านในให้พอนึกภาพออก โรงแรมแบบนี้มีอยู่หลายแห่งในเมืองปีนัง ซึ่งผู้บริหารจัดการจะเป็นต่างชาติชาวยุโรปซะส่วนใหญ่ ที่เราไปอยู่นี่เป็นของชาติอะไรก็ลืมซะแล้ว แต่พูดฝรั่งเศสและทำอาหารอร่อย
ที่พักของเรา คือ ตึกสีขาวที่มีหน้าต่างสีเขียวอมฟ้า มี porch ด้านหน้าให้นั่งรอ แบบเก๋ไก๋
เป้าหมายแรกของเราตามโปรแกรมที่เตรียมมา คือ ไปกิน Afternoon Tea ที่ Eastern & Oriental Hotel อยู่ริมทะเล ห่างจากที่พักของเราแค่เดิน 6 นาทีถึง พอไปถึงยังเข้าไปไม่ได้ เพราะเราไม่ได้จองไว้ก่อน ต้องรอเช็คดูว่าจะมีชุดอาหาร tea set ให้เหมาะกับคณะของเราไหม ซึ่งต้องสั่งอย่างน้อย 2 ชุด สำหรับ 4 คน เรื่องมาก (เยอะ) ตามประสาอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งขอบอกว่า เดี๋ยวนี้กรุงเทพบ้านเรามี อาฟเตอร์นูนที เก๋ไก๋กว่าที่ปีนังเยอะ
จากนั้นเราก็ขึ้นรถเมล์ชมเมืองโดยรอบ ซึ่งใช้เวลาแค่แป๊บเดียว รถเมล์นี้เราลงได้ตามจุดน่าแวะชมต่างๆ เช่น Blue Mansion และ Peranakan House มีรูปให้ชมโดยสังเขปค่ะ
บ้านคหบดีสไตล์ เปอรานากัน คือ วัฒนธรรมจีนมลายู ซึ่งมีให้เห็นทั่วไปที่ภูเก็ตของเรา
อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ street art อันลือลั่นของปีนัง เลือกมาให้ดู 2-3 ภาพนะคะ เพราะถ่ายรูปมาได้ไม่สวยเท่าที่ลงในกูเกิล
ภาพผู้ชายพายเรือนี้ อยู่กห่างจากที่พักจองเราไปแค่บล๊อกเดียว ดังนั้นก็เดินผ่านไปผ่านมาหลายรอบ
จบทริปปีนัง 4 วัน 3 คืน แบบ cover ทุกรายการที่ตั้งใจ ที่แถมมาคือได้ผ้าพื้นเมืองกลับมาคนละหลายชิ้น เอามาทำเป็นกระโปรงแบบพันรอบตัว ทำผ้าคลุมไหล่ ทำเสื้อกรุยกราย ได้ตามความชอบของแต่ละท่าน สนุกดีค่ะ
ที่จริงก็ขึ้นไปปีนังฮิลล์ด้วยค่ะ ที่มองลงมาจะเห็นทะเลและตัวเมืองปีนังทั้งหมด แต่วันนั้นที่ไปฝนตกพรำทั้งวัน ถ่ายรูปมาไม่เห็นอะไรนอกจากฟ้ามัวๆสลัวๆ ขอยืนยันว่าทะเลพังงา ภูเก็ต สวยสู้ได้กับทุกทะเลในโลกนี้ ไม่เฉพาะทะเลที่เกาะหมาก ไม่เชื่อลองไปเที่ยวทั้งสองแห่งแล้วเอารูปมาเทียบกันดูซิคะ ขอ challenge ค่ะ
#เกาะหมาก
#peranakan
#georgetown_penang
#onlylovelydays
โฆษณา