27 มี.ค. 2023 เวลา 01:08 • การศึกษา

4 ระดับการอ่าน ปลดล็อคประสิทธิภาพของคนที่อยากประสบความสำเร็จ

เราได้ทำความเข้าใจ 3 เป้าหมายในการอ่านในบทความที่แล้ว
อีกทั้งยังรู้ว่าการอ่านเพื่อทำความเข้าใจนั้นเป็นการอ่านที่ยากที่สุด
อ่านบทความ "เข้าใจ 3 เป้าหมายในการอ่าน เพื่อเลือกอ่านอย่างมีสติ"
ดังนั้นเราจึงควรฝึกการอ่าน โดยแบ่งการอ่านออกเป็น 4 ระดับ
ระดับที่ 1: การอ่านแบบพื้นฐาน
เป็นการอ่านที่ง่ายที่สุดที่ทุกคนสามารถทำได้ เราอ่านทีละคำและทีละบรรทัด
เป็นการอ่านธรรมดาที่เวลาเราอ่านเพื่อบันเทิงหรืออ่านเพื่อรับรู้ (เป้าหมาย 1-2 ในบทความที่แล้ว)
.
ระดับที่ 2: การอ่านแบบตรวจสอบ (Inspect)
เป็นการอ่านที่ใช้ทักษะมากกว่าการอ่านแบบพื้นฐาน
การอ่านแบบตรวจสอบ เป็นการอ่านเพื่อดูภาพรวมและโครงสร้างของหนังสือ ข้อมูล หรือ บทความนั้น
เราอ่านแบบตรวจสอบเพื่อจะดูว่าเนื้อหานั้น ควรค่าแก่การอ่านรึเปล่า
เราสามารถทำการอ่านแบบเชิงตรวจสอบได้ 2 วิธี
1. การสกิมมิ่ง (Skimming)
การอ่านที่ดูสารบัญ ดูหัวข้อใหญ่และหัวข้อย่อยในเนื้อหานั้นๆ เพื่อที่จะดูว่าน่าสนใจหรือไม่
อีกวิธีหนึ่งของการสกิมมิ่งคือ การอ่านสรุปหนังสือผ่านบทความหรือแอปสรุปหนังสือ (mention book summary page here)
1
2. อ่านแบบผิวเผิน
การอ่านแบบผิวเผินคือการอ่านอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องคิดวิเคราะห์เหตุผลหลักๆ เพื่อดูว่าหนังสือเล่มนี้น่าสนใจหรือไม่และมี keyword อะไรบ้างที่เตะตาเรา
.
ระดับที่ 3: การอ่านแบบวิเคราะห์
เป็นการอ่านเพื่อทำความเข้าใจหนังสือหรือข้อมูลในระดับลึก
เราอ่านเพื่อหาใจความสำคัญ ข้อโต้แย้ง พร้อมกับทำความเข้าใจเนื้อหา
การอ่านแบบวิเคราะห์ใช้สมาธิและความตั้งใจมากกว่าระดับก่อนๆ
ข้อสำคัญในการอ่านแบบวิเคราะห์คือ เราควรตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เราอ่าน
โดยมี 3 คำถาม ที่เราควรถามเสมอ
1. หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไร?
2. หนังสือเล่มนี้อธิบายรายละเอียดอะไรบ้างและอธิบายยังไง?
3. เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ถูกทุกอย่างหรือว่าแค่บางส่วน?
.
ระดับที่ 4: การอ่านแบบ Synoptical
การอ่านระดับสุดท้ายเป็นการอ่านเพื่อเข้าใจหัวข้อนั้นในวงที่กว้างขึ้นและลึกลงไป
ต่างจากการอ่านแบบวิเคราะห์ที่เราจะอ่านและวิเคราะห์เนื้อหาเดียวเท่านั้น
การอ่านแบบ Synoptical เป็นการอ่านที่สะสมและเจาะลึกหัวข้อในด้านใดด้านหนึ่งจากข้อมูลหลายๆแหล่ง หรือ หนังสือหลายๆเล่ม
การอ่านแบบนี้ช่วยให้ผู้อ่านได้ข้อมูลจากมุมมองและผู้เขียนที่ต่างกัน และนำใจความในหัวข้อเหล่านั้นมาเชื่อมโยงกัน
ยกตัวอย่างเช่น หากเราอยากอ่านและศึกษาหัวข้อเกี่ยวกับการสร้างนิสัย (Habit Formation)
เราก็จะเลือกหนังสือ2-3เล่มที่เกี่ยวข้อง เช่น Atomic Habits, Tiny Habit, และ The Power of Habit
จากนั้น เราก็อ่านหนังสือทั้ง3เล่ม แล้วพยายามหาส่วนที่เกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกัน
โดยเราสามารถหา
1. Keywords ที่ได้เจอบ่อยๆ
2. การตั้งโจทย์และวิธีแก้ปัญหา (Problem & Solution) ที่คล้ายๆกันของผู้เขียน
3. หาจุดแข็งและจุดอ่อน จุดที่ชอบและไม่ชอบ ของผู้เขียนแต่ละคน
การอ่านแบบ Synoptical ช่วยให้เราเจอข้อคิดและใจความที่ดีที่สุดในหัวข้อนั้นๆ
เราจะสามารถรับรู้ถึงใจความสำคัญของหัวข้อนั้น อีกทั้งยังสามารถนำมาประยุกต์ในรูปแบบที่เราเข้าใจ
.
เมื่อเราเข้าใจเป้าหมายและระดับของการอ่านแล้ว
เราสามารถกำหนดได้ว่า เราจะเลือกอ่านอะไรและอ่านในระดับไหน
เพื่อที่จะอ่านไปยังเป้าหมายของเรา — อ่านเพื่อประสบความสำเร็จ
.
สรุป: ระดับการอ่านแบ่งออกมาได้เป็น 4 ระดับ
1. การอ่านแบบพื้นฐาน
2. การอ่านแบบตรวจสอบ (Inspect)
3. การอ่านแบบวิเคราะห์
4. การอ่านแบบ Synoptical
1
Some books are to be tasted, others to be swallowed, and some few to be chewed and digested.
Francis Bacon
หากคุณสนใจเกี่ยวกับการอ่าน สามารถอ่านบทความอื่นๆในซีรีส์
"อ่านยังไงให้ประสบความสําเร็จ" ตามลิ้งด้านล่างได้ครับ
#พัฒนาตัวเอง #หนังสือ #การอ่าน #การเรียน
#อ่าน #เรียน #พัฒนาตนเอง #ความสำเร็จ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา