23 มี.ค. 2023 เวลา 14:06 • ท่องเที่ยว
น่าน

บทสนทนากับชายแปลกหน้า l Nan Ep.5

ณ สะพานไม้ไผ่ เมื่ออยู่คนเดียวและเปิดใจมากพอ การพบมิตรซักคนจึงไม่ใช่เรื่องลำบาก
📌 ⛰ เรื่องเล่าย้อนลอย : การเดินทางเที่ยวน่านคนเดียวของเรา 22-26 พฤศจิกายน 65
ไปเอาขาแช่น้ำ
หลังจากที่ดูวิวเขาจนคิดว่าอิ่มแล้วสำหรับวันนี้ เราก็เอาตัวเองย้ายจากที่สูงมาอยู่จุดล่างสุดของหมู่บ้าน (ในความคิดของเรา) สะปันมีสะพานปูนที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์กของผู้มาเยือน เพราะมองเห็นทั้งวิวเขา สายน้ำโขดหิน รวมถึงมีระยะมองเขาได้ไกลๆ แต่ก็มีสะพานเล็กๆที่อยู่ถัดมาไม่ไกล เป็นสะพานข้ามสำหรับคนเดินที่ทำจากเหล็กแท่งบวกกับไม้ที่ตัดมาทำเป็นราวสะพาน
ในช่วงวันหยุดหรือเวลาไฮท์ซีซันสะพานนี้ก็เนืองแน่นไม่แพ้สะพานปูน เพราะตัวสะพานจะมีทางลงไปเอาเท้าจุ่มน้ำประมาณข้อถึงหน้าแข้งได้ แต่วันนี้เป็นวันธรรมดาในเวลา 4 โมงเย็น อาจเป็นเวลาที่เร็วเกินไปสำหรับการมาถ่ายรูป โชคดีที่วันนี้มีเมฆพอสมควรเลยทำให้ไม่มีแดดรุนแรงมาแยงตา
มุมสะพานก่อนเดินเข้าไป
เก็บมือถือ และถกขาเกงเกง
เราขี่มอไซค์มาจอดในลานกางเตนท์ที่วันนี้ยังไม่ค่อยมีสมาชิกมากางกันเท่าไหร่ มีนักท่องเที่ยวมาเดินทางถ่ายรูปตรงทางลงอยู่แต่เหมือนใกล้จะกลับแล้ว เราเลยจัดแจงถอดรองเท้า ถกขากางเกงขึ้นให้มากที่สุด เก็บมือถือ รอให้นักท่องเที่ยวจากไป จึงค่อยๆก้าวลงจากสะพานมานั่งที่ชานพัก สายน้ำไหลมาจากด้านหลัง เมื่อนั่งลงที่ชานแล้วค่อยๆจุ่มขาลงในน้ำที่ไหลมา
เสียงน้ำไหลผ่านซอกหิน เสาไม้ รวมถึงขาของเรา เป็นเสียงธรรมชาติที่ฟังเพลินเหลือเกิน น้ำที่เย็นในระดับที่ทนได้เล่นเอาสลัดอาการเมื่อยๆของวันไปได้พอสมควร มีวิวสายน้ำที่ไหลเลยไป มองเลยไปอีกนิดจะเป็นวิวภูเขาใหญ่ที่ห่างออกไป เมฆและแสงอาทิตย์ ช่วงนาทีแรกๆของการนั่งเราก็คิดจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายนั่นนี่ แต่ก็มีอีกความคิดที่อยากใช้ช่วงเวลาเงียบๆแบบนี้กับการอยู่เฉยๆ ปล่อยให้ความคิด ความต้องการ เกิดขึ้นแล้วไหลไปเรื่อยๆ ไม่ตัดสิน ไม่คาดหวัง
.
ย่อหน้าคนมนุษย์เมืองคนนึง
10 - 15 นาที ผ่านไปความรู้สึกของคนเมืองที่ติดการจับมือถือ เรารู้สึกว่านานกว่านั้นซัก 2-3 เท่าได้ หรือพอมานั่งคิดอีกที จำนวนความรู้สึกดีๆอาจจะไม่ได้แปลผันตรงตามตัวเลขเวลาซะทีเดียว เช่นเดียวกับความทุกข์
จำนวนความรู้สึกดีๆอาจจะไม่ได้แปลผันตรงตามตัวเลขเวลาซะทีเดียว เช่นเดียวกับความทุกข์
หนึ่งตะกอนที่คิดได้จากเอาเท้าแข่น้ำ
สะพานไม้ธรรมดา ที่ดีต่อใจคนเมืองธรรมดาๆอย่างเรา
ในปี พ.ศ.ที่ผู้คนจำนวนมากถล่มการแชร์เรื่องราวของตัวเอง ไปไหน ทำอะไร ทำกับใคร เราก็เป็นหนึ่งในกระแสมนุษย์เหล่านั้น เคยฟังข้อคิดของน้าเน็กรวมถึงจากหนังสือที่เคยอ่าน “จริงๆแล้ว มีน้อยคนมากที่สนใจสิ่งที่เรากำลังทำ” “และยิ่งแก่ขึ้นเราจะพบว่าแทบไม่มีใครสนใจเราเลย” ยิ่งโซเชียลมีระบบนับจำนวนการดูการถูกใจที่เป็นเหมือนเครื่องมือ ‘สะท้อนคนสนใจเรา’ แต่ถ้าลองตั้งสติมองแบบใจๆ วันนึงเราก็เลื่อนผ่านชีวิตเพื่อนๆเราในโลกเยอะมาก และก็กดไลก์เพื่อเป็นการแสดงมารยาท มากกว่าการชื่นชมจริงๆ อยู่พอสมควร
แล้วเราเป็นใคร ถึงคิดว่าจำนวนยอดดู ยอดไลก์ จะบ่งบอกความมีอยู่ของเราขนาดนั้น สิ่งตรงหน้าแบบจับต้องได้ต่างหากที่เราควรสนใจและให้ความสำคัญ เราก็ไม่รู้ว่า จะจำสภาพแวดล้อม ความรู้สึก ตอนนั้นได้อีกนานแค่ไหน คงมีบันทึกที่พยายามเขียนเอาไว้มั้งที่พอจะช่วยได้
เราก็ไม่รู้ว่า จะจำสภาพแวดล้อม ความรู้สึก ตอนนั้นได้อีกนานแค่ไหน คงมีบันทึกที่พยายามเขียนเอาไว้มั้งที่พอจะช่วยได้
คุณน้าคนแปลกหน้า
แช่จนหนำใจก่อนที่เท้าจะหนาวเกินไป ยกขาให้พ้นน้ำรอให้แห้งก่อนจะใส่ถุงเท้าและรองเท้า มีคุณน้าสูงผอมกางเกงยีนขากระบอกยาวพร้อมหน้ากากอนามัยสองชั้นยืนอยู่ด้านบนสะพานกำลังจะเดินลงมาแช่น้ำเหมือนกับเรา
‘ลงได้เลยครับไม้แข็งแรง น้ำเย็นสบายมากครับ’ บททักทายของเรากับน้าชายที่กำลังค่อยๆก้าวลงพร้อมๆกับจับราวไม้ลงไป ‘มาคนเดียวหรอพ่อหนุ่ม’ น้าตอบกลับมา นั่นเป็นการเริ่มต้นเรื่องราวอีกเกือบชั่วโมงที่ได้คุยกัน
มาคนเดียวหรอพ่อหนุ่ม
จุดเริ่มต้นของบทสนทนากับชายแปลกหน้าที่อยากบันทึกไว้
เรื่องเล่าจาก น้าศักรินทร์ (1)
น้าเล่าว่าแกเป็นอดีตเป็นนายแบงค์แล้วเกษียณตัวเองก่อน 60 เพื่อมามีเวลาให้ภรรยา วันที่เจอแกเป็นช่วงที่แกกับภรรยาพากันขับรถตะลอนเที่ยวพอดี แกเริ่มออกเที่ยวตั้งแต่วันเสาร์ (วันที่เราเจอแกวันพุธ) ค่อยๆขับรถกันสองคนไล่ตั้งแต่ กทม ขึ้นมา จะมีที่หมายคราวๆในแต่ละคืน
แกเล่าต่อว่าถ้ามากับแฟนก็จะเลือกที่พักจากที่แฟนแกโอเครเป็นหลัก อย่างในคืนนี้ที่นอนสะปันก็เป็นที่พักที่แฟนแกอยากได้ ส่วนตัวแกเองค่อนข้างจะอึดอัดอยู่ซักหน่อย เพราะที่พักอยู่ติดๆกัน แม้จะอยู่ใกล้ธรรมชาติก็จริง แต่ก็ยังเห็นบ้านและคนอยู่ด้วย แกเลยถือโอกาสที่แฟนนอนอยู่เดินหนีออกมา แล้วดันมาเจอเราตรงนี้
.
น้าให้ข้อคิดเรื่อง “การยอม” ในการใช้ชีวิตไม่ใช่แค่ชีวิตคู่ แต่ยังหมายถึงเรื่องอื่นๆอีก เมื่อต้องเดินทางไปค้างแรมที่อื่นร่วมกับคน เราไม่สามารถเป็นตัวเองได้ 100% ต้องมีการแชร์กับคนหรือกลุ่มคนที่เราไปด้วย เช่น มากับแฟนก็อาจจะต้องเป็นที่พักที่ค่อนข้างปลอดภัยเข้าถึงการช่วยเหลือได้ง่าย
เพราะสองคนก็อายุมากประมาณนึงแล้ว จะเอาเตนท์มากางเองทุกที่ก็ไม่สะดวก หรือถ้าไปกับเพื่อนก็ต้องดูว่าเป็นกลุ่มไหน กลุ่มชอบกินก็แบบนึง กลุ่มสายลุยก็แบบนึง ฯลฯ
.
เรื่องเล่าจาก น้าศักรินทร์ (2)
“สองปีก่อนน้าก็ออกทริปมอไซค์เที่ยวเหนือกับเพื่อน 10 วัน” อีกเรื่องเล่าที่น้าเล่าด้วยแววตาตื่นเต้นและดูมีความสุข แกเล่าว่าช่วง 2-3 ปีก่อน แกขอแฟนจะมาเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อนอีก 2 คน ก่อนออกเดินทางแกบอกแฟนว่าจะไปเพียง 4-5 วัน แต่ในใจแกแล้วกะไว้ซัก 10-15 วัน แต่ไม่สามารถบอกตัวเลขที่ตั้งใจไว้ได้ เพราะน่าจะวีซ่าไม่ผ่านอย่างแน่นอน พอแกเริ่มเที่ยวได้ซัก 3-4 วันก็ค่อยต่อวีซ่าต่อไปอีกเรื่อยๆ จนได้มาเกือบครึ่งเดือน
พี่รินทร์ฯ เช่ามอเตอร์ไซค์จากตัวเชียงใหม่ แล้วก็ขี่วนออกแม่ฮ่องสอน เข้าเชียงราย แล้วกลับมาจบที่เชียงใหม่ แกเน้นย้ำ “บ้านรักไทย” ที่น่าจะได้ไปเยือนซักครั้ง ไปเจอวัฒนธรรมจีนในเมืองที่ต้องตั้งใจแน่วแน่ไปเท่านั้น น้าเล่าว่าเข้าใจว่าทางที่ไปค่อนข้างโค้งและเขามากอยู่ซักหน่อย แกก็หวั่นใจเล็กๆตอนไปแต่แกบอกว่ายังดีมีเพื่อนร่วมทางไปด้วย เลยทำให้คลายกังวลตรงนี้ลง ระหว่างทางที่ไปมีจังหวะรถเสียต้องขอให้ชาวบ้านช่วยเข็นรถและซ่อมอีก ทริปนั้นจบก่อนกำหนดเพราะเพื่อนน้าเป็นไข้เอาซะก่อนเลยต้องรีบกลับมายังตัวเมือง
.
เรื่องราวมากมาย
จริงๆเรารู้สึกว่าคุยกับน้าหลายเรื่องและยาวนานกว่านี้ ขนาดพยายามจดหัวข้อที่นึกได้เอาไว้แล้วก็ยังรู้สึกว่าต้องมีเรื่องที่ขาดไปแน่ๆ แต่ก็ไม่เป็นอะไรหรอก เรารู้สึกเอนจอยกับโมเมนต์ที่ได้คุยก็น่าจะพอแล้ว เราคุยกับน้าอยู่ชั่วโมงนึงได้ไม่รู้จักชื่อกันจนจะจากกันนั่นแหละถึงกระทำการรู้จักอย่างเป็นทางการ
น้าบอกว่า ‘น้าก็จะมีความทรงจำการเดินทางรอบนี้ที่สะปันว่า เจอหนุ่มคนนึงนั่งแช่น้ำที่แม่น้ำแล้วได้คุยกันชั่วโมงกว่า’ เออดูเป็นความทรงจำร่วมกันที่ค่อนข้างเฉพาะตัวดีเหมือนกัน
น้าก็จะมีความทรงจำการเดินทางรอบนี้ที่สะปันว่า เจอหนุ่มคนนึงนั่งแช่น้ำที่แม่น้ำแล้วได้คุยกันชั่วโมงกว่า
น้าศักรินทร์
เราคิดว่าที่น้าและเราคุยกันได้ไหลลื่นน่าจะมีปัจจัย 2-3 ข้อ
เราเดินทางคนเดียว เราอายุใกล้ๆกับลูกชายของแก กับ น้านักเดินทางคงอยากเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอให้ใครซักคนฟัง ที่ไม่ต้องรู้จักสนิทกันเพื่อไม่มีอคติส่วนตัว ซึ่งเราว่าก็จริงนะ เรารู้สึกสนุกไปกับเรื่องที่น้าเล่าให้ฟัง น้าอาจจะมีความเห็นทางการเมืองอยู่ตรงข้ามกับเราก็ได้ หรือน้าอาจจะรักศาสนามากๆก็ได้ แต่เรื่องพวกนั้นเราไม่รู้ เรากับน้าสนทนากันได้เรื่องที่เราสองคนเห็นตรงกัน
.
น้าฝากข้อคิดอีกอย่าง เหมือนเป็นการตอบคำถามของนักเดินทางรุ่นพี่ “วัยนี้รักษาสุขภาพ พอให้แก่ไปยังเที่ยวได้ อย่าทำงานหักโหมเกินไป” น้าพูดในเชิงเข้าใจว่าวัยเริ่มทำงานเราจะใส่พลังและทุกอย่างที่มีไปกับความฝันตรงหน้า จนบางคนอาจจะมากไปแล้วกินบางส่วนในชีวิตส่วนตัว จนพออายุเริ่มเยอะพลังและแรงไม่มีเหมือนเก่า อยากจะชดเชยเวลาความสุขคืนก็ช้าไปเสียแล้ว
วัยนี้รักษาสุขภาพ พอให้แก่ไปยังเที่ยวได้ อย่าทำงานหักโหมเกินไป
เรื่องฝากจากน้าศักรินทร์
เราเชื่อสิ่งที่น้าเล่านะ แม้จะยังไม่มีอาการที่เห็นชัดๆก็ตาม แต่เรารู้ตัวดีว่าถ้าคิดจะทำสิ่งใดเราใส่สุดเท่าที่พลังและความรู้จะมี จนบางทีก็เผลเอาตัวเองไปยืนอยู่ตรงปากเหวอยู่เหมือนกัน
ขอบคุณครับที่ได้รู้คุยกันครับน้าศักรินทร์
...
#น่าน #สะปัน
#เป็นตัวของฉัน #เที่ยวคนเดียว
อ่านเรื่องราวก่อนหน้าได้ที่
- เหตุผลที่เราเลือกน่าน : https://www.blockdit.com/posts/6413eeadb1d82fa5d8cdb821
โฆษณา