25 มี.ค. 2023 เวลา 04:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

John Wick: Chapter 4 (2023) – บันไดสู่การเปิดเปลือยอีโก้

จากน้องหมาตัวเดียว กลายเป็นแฟรนไชส์เรือธง และช่วยให้ คีอานู รีฟส์ กลับมาเป็นนักแสดงแอ็คชั่นของทศวรรษนี้ ด้วยพื้นหลังโลกอาชญากรรมที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาด ส่งผลให้แฟรนไชส์ถูกเข็นตามมาอย่างต่อเนื่อง และรักษาฐานแฟน ๆ ไว้อย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะการออกแบบฉากแอ็คชั่น จนมาภาคล่าสุดที่ดูจะยกระดับขึ้นไปอีกขั้น และพร้อมจะกดความมันส์ให้จมวิค! ในภาคล่าสุดอย่าง John Wick: Chapter 4
John Wick: Chapter 4 หลังโดนหักหลังและหลบเร้นไปรักษาตัว จอห์น วิค ซึ่งพยายามหาหนทางในการล้างแค้นกับสภาสูง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ “มาร์คีส์” วินเซนต์ เดอ กรามองต์ ตัวแทนของสภาสูง ลงมาจัดการจ้างวานนักฆ่า และกำจัดความช่วยเหลือที่ จอห์น พยายามวิ่งเข้าไปหา กระนั้นเอง ในช่วงเวลาที่เขาต้องหลบจากห่ากระสุน จอห์น ก็ได้ค้นพบหนทางในการ “โค่น” ตัวแทนจากสภาสูง เพื่อที่เขาจะได้ปลดแอกตัวเอง และเป็นไทจากพันธนาการรัดตัวเขาเอาไว้
หนังเปิดเริ่มต้นด้วยเสียงอันหนักแน่นของน้ำหนักหมัด ที่จอห์น วิค พกมาพร้อมความแค้นจากภาคก่อน ก่อนที่หนังจะพาเราไปพบตัวละครเก่าและตัวละครชุดใหม่ที่ประดังกันเข้ามา รวมถึงสถานการณ์ที่พลิกผันจากฝั่งวินสตัน ขณะเดียวกันที่ จอห์นยังมีสถานะอัปเปหิครอบ และพยายามหาหนทางในการปลดแอกจากการตามล่าโดยสภาสูง แทรกด้วยฉากแอ็คชั่นใหญ่ ๆ กระจายตามเรื่อง คั่นด้วยจังหวะมุกเล็ก ๆ ผ่อนคลายบรรยากาศ และงานสร้างที่ยังคงสมมาตรฐานเช่นเดิม
การเข็นภาคต่อมาถึงภาค 4 เป็นอะไรที่ท้าทายไม่น้อย เพราะการจะมาพร้อมความสดใหม่ เฉกเช่นภาคแรกก็ยากพออยู่แล้ว แต่การจะทำให้ตัวหนังยังอยู่ในเกณฑ์สนุก ผ่านจุดขายหลักอย่างการสร้างสรรค์ฉากแอ็คชั่น ก็ถือเป็นโจทย์สุดหิน ที่ทีมงานผู้สร้างและผู้กำกับ ฯ อย่าง แชด สตาเฮลสกี ควรจะต้องตีให้แตก.. และเหลือเชื่อ ที่ภาคนี้เขาก็ยังทำได้สำเร็จ
ค้นพบว่า เรื่องราวในภาคนี้แทบไม่มีอะไรมาก นอกจากที่กล่าวไปขั้นต้น คือการเอาชีวิตรอด ซึ่งก็แทบจะเป็นพล็อตเดียวกับภาคสาม ที่ จอห์น วิค ไร้ซึ่งที่พึ่งและต้องดั้นด้นถ่อไปขอความช่วยเหลือไกลถึงอีกซีกโลก แต่ความแปลกใหม่ที่ภาคนี้มีก็คือ การที่หนังตัดสินใจใช้ช่วงเวลาส่วนหนึ่ง ไปกับการแนะนำตัวละครนักฆ่ารายใหม่ รวมถึงบุคลิก ซึ่งก็ล้วนมีเอกลักษณ์น่าจดจำ และน่าติดตาม จนชวนให้เอาใจช่วยไปเสียเฉย ๆ
อาจเพราะการที่หนังมีตัวเอกที่แทบจะเปิดสูตรโกง ใส่โหมดอมตะ และไร้เทียมทาน (ถึงแม้หลายครั้งหลายคราจะปางตายก็ตาม) ก็เป็นเหตุสำคัญที่ส่งผลให้ตัวหนังเริ่มเข้าสู่สถานะที่ “คาดเดาได้” จนเริ่มจะเฝือ หรืออาจจะหมดมุก ไม่แพ้เรื่องราวในภาคนี้ที่แทบจะเดินตามรอยภาค Parabellum ทั้งในแง่ของการแต่งตั้งตัวแทนเพื่อกำจัดจอห์น หรือกระทั่งการที่จอห์นแบกหน้าเสื่อไปขอความช่วยเหลือ ซึ่งก็ทำให้เรารับรู้ภูมิหลังเกี่ยวกับเขาเพิ่ม
กระนั้นเอง ภาคนี้ ก็เป็นเหมือนดั่งการผลิดอกออกผลโดยสมบูรณ์ ในแง่วิสัยทัศน์ของการสรรค์สร้างฉากบู๊ อันเป็นเอกลักษณ์ กับโลกอาชญากรรมของจอห์น วิค โดยแท้ ทั้งตัวละครมากมายหลายหลาก ที่เจนจัดในแง่ของการวางคาแรคเตอร์ ส่งผลให้แต่ละตัวละครมีสไตล์ในการต่อสู้ที่ต่างกัน และมันก็ผลักดันให้ฉากแอ็คชั่นแต่ละฉาก ที่มีตัวละครเหล่านั้น ออกมาน่าสนใจและแปลกใหม่อยู่ตลอด
ยิ่งไปกว่านั้น การที่หนังภาคนี้ ยังถือจุดแข็งของตัวเองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะ การออกแบบและจัดวางฉากแอ็คชั่นให้มากมายหลายสไตล์ ที่อุดมไปด้วยการสตันท์เสี่ยงตายชวนเสียวไส้ แต่ก็ยังออกแบบให้แปลกใหม่และโดดเด่น อีกทั้งยังไล่ระดับทางอารมณ์ได้อีกต่างหาก
ทั้งการที่ภาคนี้ เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นต่อสู้ระยะประชิด ด้วยอาวุธอย่างกระบองสองท่อน ที่ทำให้นึกถึงหนังบู๊ฮ่องกง การดีไซน์ฉากขับรถไล่ล่าราวกับหนังอเมริกันพิมพ์นิยมสมัยใหม่ แต่ก็ไม่วายผสมผสานการยิงปืนเข้าไปให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือกระทั่ง การอุทิศหนังคาวบอยตะวันตกด้วยการดวลปืน ก็เป็นการออกแบบฉากแอ็คชั่นที่ส่งผลต่ออารมณ์ที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิผลมาก
โดยเฉพาะในช่วงองก์สามของหนัง ที่เป็นการไล่ระดับทางอารมณ์และอัดแน่นไปด้วยฉากบู๊มากมาย ถูกลำดับจัดวางออกมาได้อย่างน่าติดตาม และเป็นช่วงเวลาองก์สามที่น่าจดจำสำหรับประวัติศาสตร์หนังแอ็คชั่นเลยทีเดียว โดยเฉพาะ ฉากลองเทคกับฉากบันได ที่น่าจะถูกโจษจันหรือกล่าวขวัญไปอีกนานแสนนาน
หากย้อนกันไปตั้งแต่ภาคแรก เป้าหมายของจอห์น วิค มีเพียงแค่การล้างแค้น ให้กับสิ่งเดียว ที่มอบความหวังในโลกใบเดิมที่ปราศจากภรรยา นั่นคือน้องหมาเดซี่ ซึ่งจากเป้าเล็กในวันนั้น นำมาสู่การเอาชีวิตรอดจากสภาสูง และจอห์นก็ดูจะหลงทิศหลงทาง จำยอมรับงานเพื่อเปิดประตูบานใหม่ให้ได้ไปต่อ เพื่อให้ได้กลับมาใช้ชีวิตตามครรลองปุถุชนทั่วไป หากแต่เมื่อเข้ามาในวงการนี้แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะได้กลับออกไปแบบสบาย..
กระนั้นเอง หลังฝ่าฟันมาหลายร้อยศพ และลั่นกระสุนไปหลายพันนัด เขาก็มาไกลเกินกว่าที่จะกลับไปอีกแล้ว ผลลัพธ์จากการกระทำที่เขาก่อ ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้คนรายล้อม นับตั้งแต่ที่เขายอมก้าวกลับมาเดินทางเก่า สภาสูงก็ถึงกลับสั่นเทิ้ม นั่นทำให้หนทางที่เขาจะ “หลีกเร้น” ได้ดังหวัง ก็แทบจะริบหรี่
สิ่งที่ John Wick: Chapter 4 ทำ ก็คือการนำคนดูฝ่ากระสุนและฉากบู๊มากมายไปพร้อม ๆ กับจอห์น ไปสู่ปลายทางที่ตะวันทอแสง เป็นหนทางสงบ เป็น “ทางออก” ที่เขาเฝ้าฝันมาตลอด ที่ถึงแม้ระหว่างทาง จะกระทำชำเราเขาจนสะบักสะบอม และเขาก็ยอมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ไปสู่จุดหมายนั้น แต่ท้ายที่สุด ในช่วงเวลาเข้าตาจน
วิธีสุดท้ายที่เขาตัดสินใจ ก็คือการยอมลด “อีโก้” ตัวเองลง เพื่อให้ไปถึงขั้นบันไดสุดท้าย สู่จุดสูงสุดของการปลดแอก ทั้งภายนอกและภายในจิตใจ จากความคลั่งแค้นแสนบ้าเลือดที่ครอบงำเขามานาน..
สรุปแล้ว John Wick: Chapter 4 คือภาคต่อของแฟรนไชส์หนังจอห์น วิค ที่ยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และเป็นการผลิดอกออกผลของวิสัยทัศน์โดยสมบูรณ์ ถึงแม้เรื่องราวและพล็อตจะเดินย้ำรอยภาคที่แล้ว แต่มันก็ทดแทนได้ด้วยการนำมาซึ่งตัวละครใหม่ ที่โดดเด่นด้วยการดีไซน์และบุคลิกแสนเท่
กับฉากแอ็คชั่นมากมาย ที่ผสมผสานกันหลากหลายสไตล์จนสดใหม่และไปสุด นับตั้งแต่ฉากต่อสู้ระยะประชิดด้วยกระบองสองท่อน จนไปถึงฉากสู้บนบันไดหลายร้อยขั้นที่ชวนหวาดเสียว และทั้งหลายเหล่านั้น ในองก์ที่สาม จะกลายเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมากที่สุด ในประวัติศาสตร์วงการหนังแอ็คชั่น
แล้วเจอกัน.. มิสเตอร์วิค
4 / 5
John Wick: Chapter 4 (2023)
Directed by Chad Stahelski
Written by Shay Hatten & Michael Finch
Based on Characters by Derek Kolstad

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา