1. ฟิลิปปินส์ : The Philippines, Pearl of the Orient Seas
ฟิลิปปินส์ อีกหนึ่งประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียอาคเนย์ มีลักษณะเป็นหมู่เกาะที่ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 7,600 เกาะ ภาพน้ำทะเลสีฟ้า โอบล้อมหมู่เกาะที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี หรือภาพชายหาดสีขาว กับโลกใต้ทะเลแสนสวย หรือแม้กระทั่งน้ำตกใจกลางป่าดงดิบ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนแล้วแต่เป็นภาพที่หลายคนจดจำได้เกี่ยวกับประเทศแห่งนี้ ความสวยงามเกินบรรยายเหล่านี้นี่แหละที่ทำให้ฟิลิปปินส์ได้ฉายาว่า “The Pearl of the Orient Seas : ไข่มุกแห่งทะเลตะวันออก”
The Philippines, Pearl of the Orient Seas (Source: Pinterest)
แต่ฉายานี้ใครเป็นคนตั้งให้กันแน่ ว่ากันว่าคนที่ตั้งฉายานี้ให้กับฟิลิปปินส์เป็นมิชชั่นนารีชาวสเปนที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ชื่อว่าบาทหลวง Juan J. Delgado โดยท่านได้กล่าวถึงฟิลิปปินส์ว่าเป็น Perla del Mar de Oriente หรือ Pearl of the Orient Seas หลังจากนั้นชื่อนี้ก็มีความผูกพันธ์กับประเทศฟิลิปปินส์มาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนถ้าถามว่าทำไมต้องเป็นไข่มุก นั่นเป็นเพราะว่าฟิลิปปินส์เป็นแหล่งผลิตไข่มุกที่สำคัญของโลกโดยเฉพาะในช่วงที่สเปนเข้ายึดครองฟิลิปปินส์ โดยไข่มุกของฟิลิปปินส์จะเป็นไข่มุก South Sea ซึ่งเป็นไข่มุกที่มีราคาแพงมาก เพราะจะต้องใช้เวลาในการผลิตมากกว่าไข่มุกชนิดอื่น
The Philippines, Pearl of the Orient Seas (Source: https://twomonkeystravelgroup.com)
และเรื่องที่น่าสนใจคือไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ถูกค้นพบที่ฟิลิปปินส์เช่นกัน ไข่มุกเม็ดนี้มีชื่อว่า The Pearl of Puerto ซึ่งมีขนาดยาว 26 นิ้ว (2 ไม้บรรทัด) กว้าง 12 นิ้ว และหนัก 31.75 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 100 ล้านดอลล่าร์ (ไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดก่อนหน้ามีน้ำหนักเพียง 6.3 กิโลกรัมเท่านั้น) และเชื่อหรือไม่ว่าชาวประมงเจ้าของไข่มุกอันนี้เก็บไข่มุกชิ้นนี้ไว้ใต้เตียงของเขาเป็นเวลานานถึง 10 ปี เพื่อเป็นเครื่องราง และเพิ่งมีการค้นพบเมื่อบ้านของเขาไฟไหม้ลงเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา
The Pearl of Puerto ไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Source: The Jakarta Post)
2. สิงคโปร์ : Singapore, The Lion City
หลายคนอาจจะคิดว่าฉายา The Lion City ได้มาจากสัญลักษณ์ของสิงคโปร์อย่าง Merlion แต่จริง ๆ แล้วในทางกลับกัน การสร้าง Merlion หรือรูปปั้นสิงโตพ่นน้ำที่โด่งดังไปทั่วโลก มาจากฉายาของประเทศอย่าง “The Lion City : เมืองแห่งสิงห์” มากกว่า
และฉายา “The Land of the Golden Pagodas : ดินแดนแห่งสุวรรณเจดีย์” ก็แสดงถึงความเลื่อมใสนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเมียนมาร์เป็นประเทศที่มีจำนวนเจดีย์มากที่สุดในโลก ไม่มีใครทราบว่าจำนวนที่แท้จริงมีอยู่เท่าไร เอาเป็นว่าแค่เมืองพุกาม ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างทะเลเจดีย์ก็มีเจดีย์กว่า 2000 องค์แล้ว และนี่คือหลังจากที่เจดีย์หลายพันองค์หักโค่น หรือโดนทำลายลงไปแล้วด้วยซ้ำ
ส่วนที่มาของฉายานั้นมาจากนักประพันธ์ชาวดัชต์นามว่า Multatuli ซึ่งเคยเป็นเจ้าอาณานิคมของอินโดนีเซียมาก่อน ซึ่งเขาได้บรรยายอินโดนีเซียว่า Gordel van Smaragd ซึ่งแปลว่า Emerald of the Tropic
เมื่อนำเหตุผลข้างต้นมารวมกับการที่ประเทศนี้ตั้งอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตรพอดี ฉายา “Emerald of the Equator : ดินแดนมรกตแห่งศูนย์สูตร” จึงเป็นฉายาของประเทศแห่งนี้มาอย่างยาวนาน
แผนที่ประเทศอินโดนีเซีย (Source: Shutterstock)
5. ลาว : Laos, Battery of ASEAN หรือ The Land of a Million Elephant
แต่ก่อนหน้าฉายา Battery of ASEAN ลาวเคยมีฉายาว่า "The Land of a Million Elephants" และถ้าแปลตรง ๆ Million Elephants ก็คือ ล้านช้าง ซึ่งเป็นชื่อเก่าของอาณาจักรลาวนั่นเอง ในสมัยก่อนลาว มีประชากรไม่มาก และมีพื้นที่ป่าเยอะ ทำให้ประชากรช้างมากกว่าจำนวนประชากรคนในบางพื้นที่ด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ช้างก็ยังมีความสำคัญกับชาวลาว เหมือนกับชาวไทย และเป็นสัตว์ประจำชาติลาว ดังนั้นชื่อ The Land of a Million Elephants : ดินแดนล้านช้าง" จึงเหมาะกับประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง
เจ้าชายอับดุล มาทีน รัชทายาทลำดับที่ 4 แห่งบัลลังก์บรูไน (Source: The Standard)
แต่ฉายา “The Land of the Unexpected Treasure: ดินแดนแห่งขุมทรัพย์” อาจจะฟังดูไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไร จากการค้นคว้า คาดว่าฉายานี้ได้มาจากการที่บรูไน เป็นเพียงประเทศเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีบทบาทอะไรในเวทีโลกมากนัก แต่กลับเต็มไปด้วยรายได้มหาศาลจากการค้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ที่ทำให้ประชาชนในประเทศอยู่เย็นเป็นสุขมาเป็นเวลานานนั่นเอง