29 มี.ค. 2023 เวลา 13:16 • ประวัติศาสตร์

ฉายาของประเทศต่าง ๆ : EP.2 Southeast Asia

หลังจากที่พาไปรู้จักกับฉายาของประเทศในเอเชียตะวันออกกันมาแล้ว คราวนี้ขอย้ายมาที่ประเทศในเอเชียอาคเนย์กันบ้าง มาลองดูกันนะครับว่าชาวต่างชาติ เค้าตั้งฉายาอะไรให้กับประเทศเพื่อนบ้านของเรากันบ้าง
1. ฟิลิปปินส์ : The Philippines, Pearl of the Orient Seas
 
ฟิลิปปินส์ อีกหนึ่งประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียอาคเนย์ มีลักษณะเป็นหมู่เกาะที่ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 7,600 เกาะ ภาพน้ำทะเลสีฟ้า โอบล้อมหมู่เกาะที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี หรือภาพชายหาดสีขาว กับโลกใต้ทะเลแสนสวย หรือแม้กระทั่งน้ำตกใจกลางป่าดงดิบ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนแล้วแต่เป็นภาพที่หลายคนจดจำได้เกี่ยวกับประเทศแห่งนี้ ความสวยงามเกินบรรยายเหล่านี้นี่แหละที่ทำให้ฟิลิปปินส์ได้ฉายาว่า “The Pearl of the Orient Seas : ไข่มุกแห่งทะเลตะวันออก”
The Philippines, Pearl of the Orient Seas (Source: Pinterest)
แต่ฉายานี้ใครเป็นคนตั้งให้กันแน่ ว่ากันว่าคนที่ตั้งฉายานี้ให้กับฟิลิปปินส์เป็นมิชชั่นนารีชาวสเปนที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ชื่อว่าบาทหลวง Juan J. Delgado โดยท่านได้กล่าวถึงฟิลิปปินส์ว่าเป็น Perla del Mar de Oriente หรือ Pearl of the Orient Seas หลังจากนั้นชื่อนี้ก็มีความผูกพันธ์กับประเทศฟิลิปปินส์มาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนถ้าถามว่าทำไมต้องเป็นไข่มุก นั่นเป็นเพราะว่าฟิลิปปินส์เป็นแหล่งผลิตไข่มุกที่สำคัญของโลกโดยเฉพาะในช่วงที่สเปนเข้ายึดครองฟิลิปปินส์ โดยไข่มุกของฟิลิปปินส์จะเป็นไข่มุก South Sea ซึ่งเป็นไข่มุกที่มีราคาแพงมาก เพราะจะต้องใช้เวลาในการผลิตมากกว่าไข่มุกชนิดอื่น
The Philippines, Pearl of the Orient Seas (Source: https://twomonkeystravelgroup.com)
และเรื่องที่น่าสนใจคือไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ถูกค้นพบที่ฟิลิปปินส์เช่นกัน ไข่มุกเม็ดนี้มีชื่อว่า The Pearl of Puerto ซึ่งมีขนาดยาว 26 นิ้ว (2 ไม้บรรทัด) กว้าง 12 นิ้ว และหนัก 31.75 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 100 ล้านดอลล่าร์ (ไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดก่อนหน้ามีน้ำหนักเพียง 6.3 กิโลกรัมเท่านั้น) และเชื่อหรือไม่ว่าชาวประมงเจ้าของไข่มุกอันนี้เก็บไข่มุกชิ้นนี้ไว้ใต้เตียงของเขาเป็นเวลานานถึง 10 ปี เพื่อเป็นเครื่องราง และเพิ่งมีการค้นพบเมื่อบ้านของเขาไฟไหม้ลงเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา
The Pearl of Puerto ไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Source: The Jakarta Post)
2. สิงคโปร์ : Singapore, The Lion City
 
หลายคนอาจจะคิดว่าฉายา The Lion City ได้มาจากสัญลักษณ์ของสิงคโปร์อย่าง Merlion แต่จริง ๆ แล้วในทางกลับกัน การสร้าง Merlion หรือรูปปั้นสิงโตพ่นน้ำที่โด่งดังไปทั่วโลก มาจากฉายาของประเทศอย่าง “The Lion City : เมืองแห่งสิงห์” มากกว่า
2
Singapore, The Lion City (Source: Pinterest)
คำว่าสิงคโปร์ที่เราเรียกประเทศเพื่อนบ้านเรานั้นมาจากคำว่า Singha Pura ซึ่ง Singha ก็คือสิงห์ ส่วน Pura ภาษาไทยก็คือ บุรี หรือเมือง ดังนั้นสิงคโปร์ก็คือ เมืองแห่งสิงห์ นั่นเอง
แล้วคำว่าสิงค์โปร์มาจากไหน ตามตำนานเล่าว่าตอนที่เจ้าชายจากเมืองปาเลมบังที่ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซีย ขึ้นมาสำรวจเกาะสิงคโปร์เป็นครั้งแรก เขาสังเกตเห็นสัตว์ชนิดหนึ่งรูปร่างคล้ายสิงโต ก็เลยตั้งชื่อเกาะแห่งนี้ว่า Singha Pura ซึ่งแน่นอนว่าในเอเชียอาคเนย์ไม่มีสิงโตอาศัยอยู่ ดังนั้นสัตว์ที่เจ้าชายเห็นน่าจะเป็นเสือสุมาตรามากกว่า
เสือสุมาตรา ที่เจ้าชายจากปาเลมบังน่าจะเห็น (Source: Wikipedia)
ส่วน Merlion ที่มีหัวเป็นสิงโต หางเป็นปลา ที่เราคุ้นเคยกันนั้น ถูกสร้างขึ้นในปี 1964 เพื่อเป็นการโปรโมทการท่องเที่ยวของประเทศ โดยหางที่เป็นปลาแสดงถึงรากเหง้าของประเทศ เพราะสิงคโปร์เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงมาก่อนนั่นเอง
และจากหมู่บ้านชาวประมงในวันนั้น ปัจจุบันสิงคโปร์ได้ผงาดกลายมาเป็นผู้นำในเอเชียอาคเนย์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ประเทศที่มีระบบระเบียบ และคุณภาพชีวิตเทียบเท่ากับชาติตะวันตก สมกับฉายาเมืองแห่งสิงห์ ที่เป็นเจ้าป่าของบรรดาสัตว์ทั้งปวง
1
Merlion สัญลักษณ์ของสิงคโปร์ ที่แสดงถึงฉายาและรากเหง้าของประเทศได้เป็นอย่างดี (Source: Wikipedia)
3. เมียนมาร์ : Myanmar, The Land of the Golden Pagodas
เมียนมาร์ เพื่อนบ้านด้านทิศตะวันตกของประเทศไทย แม้ปัญหาทางด้านการเมืองจะถาโถมประเทศแห่งนี้มาหลายยุคหลายสมัย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือศรัทธาอันแรงกล้าของชาวเมียนมาร์ที่มีต่อพุทธศาสนา
และฉายา “The Land of the Golden Pagodas : ดินแดนแห่งสุวรรณเจดีย์” ก็แสดงถึงความเลื่อมใสนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเมียนมาร์เป็นประเทศที่มีจำนวนเจดีย์มากที่สุดในโลก ไม่มีใครทราบว่าจำนวนที่แท้จริงมีอยู่เท่าไร เอาเป็นว่าแค่เมืองพุกาม ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างทะเลเจดีย์ก็มีเจดีย์กว่า 2000 องค์แล้ว และนี่คือหลังจากที่เจดีย์หลายพันองค์หักโค่น หรือโดนทำลายลงไปแล้วด้วยซ้ำ
1
ทะเลเจดีย์ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองพุกาม (Source: BBC)
จากบันทึกของชาวตะวันตกที่เข้ามาเจริญสัมพนธไมตรีกับเมียนมาร์ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็จะต้องพบกับวัดวาอารามเสมอ คนเมียนมาร์ทุกคน เมื่อมีเงินก็มักจะเสียสละเงินตนเองมาทำนุบำรุงศาสนสถาน จนหลายแห่งกลายเป็นสถานที่ที่ยิ่งใหญ่ และมีสีทองอร่าม จากบรรดาทองที่บริจาคมาจากศรัทธาของประชาชน สมกับชื่อดินแดนแห่งสุวรรณเจดีย์
เจดีย์ชเวงดากองที่กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ (Source: Pinterest)
4. อินโดนีเซีย : Indonesia, Emerald of the Equator
 
มาถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียกันบ้าง สำหรับคนไทยเราอาจจะให้ฉายาประเทศอินโดนีเซียว่าแดนอิเหนา ซึ่งมาจากวรรณกรรมชื่อดัง แต่สำหรับชาวต่างชาติ ฉายาของประเทศที่ประกอบไปด้วยหมู่เกาะแห่งนี้คือ “Emerald of the Equator : ดินแดนมรกตแห่งศูนย์สูตร”
ภูเขาไฟโบรโม หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของอินโดนีเซีย (Source: BBC)
ส่วนที่มาของฉายานั้นมาจากนักประพันธ์ชาวดัชต์นามว่า Multatuli ซึ่งเคยเป็นเจ้าอาณานิคมของอินโดนีเซียมาก่อน ซึ่งเขาได้บรรยายอินโดนีเซียว่า Gordel van Smaragd ซึ่งแปลว่า Emerald of the Tropic
ส่วนสาเหตุนั้นคงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก เพราะอินโดนีเซียประกอบไปด้วยเกาะที่มีสภาพเป็นป่าดิบชื้นกว่า 18,000 เกาะ ดังนั้นในแผนที่เราจะเห็นอินโดนีเซียเป็นสีเขียวอยู่เสมอเพื่อสื่อถึงป่าอันอุดมสมบูรณ์ และถ้ามองจากแผนที่เราก็จะเห็นอีกว่าลักษณะของประเทศอินโดนีเซีย มีรูปร่างทอดยาวโค้งจากมหาสมุทรอินเดีย ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิค แลดูคล้ายกับสร้อยคอ และสิ่งที่อยู่บนสร้อยคอก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากอัญมณี ซึ่งอัญมณีที่มีสีเขียวก็คงจะหนีไม่พ้นมรกตนั่นเอง
หมู่เกาะราชาอัมปัต หนึ่งในสถานที่ดำน้ำที่สวยที่สุดในโลก (Source: https://rawmalroams.com)why br
เมื่อนำเหตุผลข้างต้นมารวมกับการที่ประเทศนี้ตั้งอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตรพอดี ฉายา “Emerald of the Equator : ดินแดนมรกตแห่งศูนย์สูตร” จึงเป็นฉายาของประเทศแห่งนี้มาอย่างยาวนาน
แผนที่ประเทศอินโดนีเซีย (Source: Shutterstock)
5. ลาว : Laos, Battery of ASEAN หรือ The Land of a Million Elephant
ฉายานี้อาจจะฟังดูแปลกซักหน่อย เพราะเป็นฉายาที่รู้จักกันเฉพาะประเทศในเอเชียอาคเนย์เท่านั้น และคงเดากันได้ไม่ยากใช่มั้ยครับว่าลาว ได้ฉายานี้มาได้ยังไง
ประเทศลาวเป็นประเทศที่ส่งออกพลังงานไฟฟ้าให้กับประเทศในอาเซียนทั้งไทย เวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ รวมไปถึงจีน โดยลาวมีข้อได้เปรียบคือเป็นประเทศที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติมาก โดยเฉพาะพลังงานน้ำ ในปัจจุบันลาวมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำประมาณ 65 แห่ง และอยู่ระหว่างการก่อสร้างหรือศึกษาอีกกว่า 200 แห่ง รวมไปถึงพลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์
เขื่อนน้ำงึม 2 หนึ่งในโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำของลาว (Source: Thairath)
ด้วยการที่ลาวมีประชากรน้อย แต่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมหาศาล รายได้จากการส่งออกพลังงานเหล่านี้จึงนำเงินเข้าสู่ประเทศอย่างเป็นกอบเป็นกำ และการเป็นแบตเตอรี่แห่งอาเซียน คือหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลของลาวใช้ เพื่อนำพาประเทศออกจากการถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีรายได้น้อยในอนาคต
อย่างไรก็ดี มีความกังวลว่าการสร้างเขื่อนจำนวนมาก จะมีผลทำให้สิ่งแวดล้อมถูกทำลายลง โดยเฉพาะพื้นที่ป่า รวมไปถึงการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำสายหลักอย่างแม่น้ำโขง จะส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อประเทศที่อยู่ปลายน้ำอย่างเวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งนี่คือสิ่งที่รัฐบาลของลาวจะต้องจัดการให้ได้
สถานที่สร้างเขื่อนหลวงพระบางที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2027 และจะต้องมีการอพยพคนกว่า 10,000 คน เพื่อการสร้างเขื่อนแห่งนี้ (Source: CNA)
ในปัจจุบันปริมาณไฟฟ้าที่ไทยนำเข้าจากลาวคิดเป็น 10% ของพลังงานไฟฟ้าที่ต้องการทั้งหมดในประเทศไทย และคาดว่าความต้องการนี้น่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน และถ้าลาวยังดำเนินนโยบายนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉายาแบตเตอรี่แห่งอาเซียน ก็คงไม่ไกลเกินความเป็นจริง
เขื่อนไซยะบุรีที่สร้างบนแม่น้ำโขง หนึ่งในโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับประเทศไทย (Source: Bangkok Post)
แต่ก่อนหน้าฉายา Battery of ASEAN ลาวเคยมีฉายาว่า "The Land of a Million Elephants" และถ้าแปลตรง ๆ Million Elephants ก็คือ ล้านช้าง ซึ่งเป็นชื่อเก่าของอาณาจักรลาวนั่นเอง ในสมัยก่อนลาว มีประชากรไม่มาก และมีพื้นที่ป่าเยอะ ทำให้ประชากรช้างมากกว่าจำนวนประชากรคนในบางพื้นที่ด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ช้างก็ยังมีความสำคัญกับชาวลาว เหมือนกับชาวไทย และเป็นสัตว์ประจำชาติลาว ดังนั้นชื่อ The Land of a Million Elephants : ดินแดนล้านช้าง" จึงเหมาะกับประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง
ช้าง สัตว์ประจำชาติของลาว (Source: Outdoor Journal)
6. บรูไน : Brunei, The Land of Unexpected Treasure
บรูไน ดารุสซาลาม กับเมืองหลวงที่ชื่อยาวแสนยาวอย่างบันดาร์ เสรี เบกาวัน ที่ทุกคนต้องเคยท่องตอนเรียนวิชาสังคมศึกษา ประเทศแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตน้ำมัน องค์กษัตริย์ที่เป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และล่าสุดคือเจ้าชายองค์รัชทายาทสุดหล่อ ขวัญใจของสาว ๆ ทั่วโลก
เจ้าชายอับดุล มาทีน รัชทายาทลำดับที่ 4 แห่งบัลลังก์บรูไน (Source: The Standard)
แต่ฉายา “The Land of the Unexpected Treasure: ดินแดนแห่งขุมทรัพย์” อาจจะฟังดูไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไร จากการค้นคว้า คาดว่าฉายานี้ได้มาจากการที่บรูไน เป็นเพียงประเทศเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีบทบาทอะไรในเวทีโลกมากนัก แต่กลับเต็มไปด้วยรายได้มหาศาลจากการค้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ที่ทำให้ประชาชนในประเทศอยู่เย็นเป็นสุขมาเป็นเวลานานนั่นเอง
เราอาจจะเคยได้ยินถึงความร่ำรวยของสุลต่านบรูไน ว่าพระองค์เป็นเจ้าของพระราชวังใหญ่โต สะสมรถหรูหลายคัน มีภรรยาหลายคน แต่คนมักจะไม่ทราบว่าบรูไนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสวัสดิการรัฐที่ดีที่สุดในโลก
1
พระราชวังของสลลุต่านบรูไน (Source: Indiatimes)
ตั้งแต่เกิดชาวบรูไนจะได้รับการศึกษาฟรีจนจบปริญญา และถ้าใครเลือกที่จะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา จะได้ค่าขนมเดือนละ 25000 บาท ไปเลยจากรัฐบาล และถ้าใครมีความสามารถมากพอ ยังมีทุนการศึกษามากมาย ที่จะส่งนักเรียนไปศึกษาต่อในยุโรปและอเมริกา นอกจากนี้ชาวบรูไนยังไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลใดใดตั้งแต่เกิดจนตาย เพราะรัฐบาลจัดการให้หมด รวมไปถึงช่วยออกเงินในกรณีที่ต้องเดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศอีกด้วย
3
นอกจากนี้ชาวบรูไนยังไม่ต้องจ่ายภาษีรายได้ ไม่มีการเก็บ VAT ค่าน้ำมัน ก๊าซ บ้าน และอาหารก็ถูกแสนถูก เพราะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เรียกได้ว่าขุมทรัพย์ทั้งหมดที่ประเทศมี เปลี่ยนมาเป็นความสุขให้กับประชาชนแบบคาดไม่ถึงอย่างแท้จริง
2
ชาวบรูไน มีสวัสดิการจากรัฐที่ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก (Source: BBC)
7. เวียดนาม : Vietnam, The Land of the Blue Dragon
มาถึงประเทศเวียดนามกันบ้างนะครับ ฉายานี้ก็ดูเหมือนจะเป็นฉายาที่คนอาจจะไม่คุ้นหูมากนัก เพราะเป็นฉายาที่ค่อนข้างใหม่ แต่ก็มีความหมายที่เหมาะสมกับประเทศนี้ทีเดียว
1
อ่าวฮาลอง สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเวียดนาม (Source: Pinterest)
มังกรคือสัตว์ที่เป็นตัวแทนของพละกำลัง และความโชคดีสำหรับชาวเวียดนาม และตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา เวียดนามคือหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงที่สุดในโลก จนสามารถแข่งขันกับประเทศไทยได้โดยเฉพาะในเรื่องของตลาดแรงงาน และสินค้าเกษตร
กาแฟเวียดนาม หนึ่งในเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียง แลละเวียดนามยังเป็นผู้ส่งออกกาแฟเป้นอันดับที่ 2 ของโลก (Source: ELB)
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้เองที่ทำให้เวียดนามเปรียบเสมือนกับมังกร ที่กำลังจะทะยานขึ้นไปบนฟ้า พลังและความสามารถที่เวียดนามเคยเก็บไว้ กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาให้ชาวโลกได้รับรู้ นอกจากนี้รูปร่างของเวียดนามก็มีความคล้ายคลึงกับมังกรอีกด้วย
1
ส่วนสีฟ้านั้นมากจากการที่เวียดนามเป็นประเทศที่ด้านตะวันออกทั้งหมดเป็นชายฝั่งทะเล ทำให้วิถีชีวิตของชาวเวียดนามมีความเกี่ยวข้องกับทะเลมาอย่างช้านาน
นครโฮจิมินท์ ซิตี้ หนึ่งในมหานครที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก (Source: Flickr)
ดังนั้นเมื่อรวมสองสิ่งเข้าด้วยกัน ทำให้เวียดนามได้รับฉายา "The Land of the Blue Dragon : ดินแดนแห่งมังกรฟ้า" ไปอย่างง่ายดาย
8. ไทย : Thailand, Land of Smiles หรือ The Land of White Elephants
ฉายาสยามเมืองยิ้มคงเป็นฉายาที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่เรื่องราวของ Land of Smiles ไม่ได้มาจากการตั้งให้ของนักประวัติศาสตร์หรือนักเดินทางแต่อย่างใด แต่มาจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. นี่แหละ ที่เป็นคนคิดคำนี้ขึ้นมาในช่วงปลายปี 1950 ในยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
1
โฆษณา Thailand : Land of Smiles (Source: NIU Today)
ในตอนนั้นทางรัฐบาลต้องการที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างลาว เวียดนาม และกัมพูชากำลังมีการสู้รบซึ่งเป็นผลพวงมาจากสงครามเย็น ในขณะที่อินโดนีเซีย และมาเลเซียก็เพิ่งได้รับเอกราช และยังไม่มีความมั่นคงทางการเมือง ทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
1
นอกจากนี้ไทยยังถูกใช้เป็นฐานทัพของอเมริกาในการทำสงครามเวียดนาม ดังนั้นการโปรโมทการท่องเที่ยวก็จะสามารถดึงชาวอเมริกันและยุโรปเข้ามาสู่ไทยอย่างแน่นอน รวมไปถึงเพื่อเป็นการทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลของจอมพลสฤษดิ์ที่เป็นเผด็จการดูดีขึ้นด้วย
1
โฆษณาสายการบินไทยในยุค 1960 (Source: Pinterest)
ต่อมาในยุคของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัน ก็มีการใช้แคมเปญนี้ในการโปรโมทการท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยเน้นว่าคนไทยเป็นคนยิ้มง่าย มีมิตรไมตรีจิต อัธยาศัยดี ถ้ามาเที่ยวเมืองไทยคุณจะไม่ได้เพียงแค่สัมผัสกับสถานที่สวยงาม แต่ยังได้มิตรภาพดีดีกลับไปด้วยอย่างแน่นอน
2
ภาพนางรำยิ้ม กลายเป็นภาพจำของประเทศไทยในสายตาของใครหลาย ๆ คน (Source: Pinterest)
ที่น่าสนใจคือถ้าไปดูในเวบไซต์ของต่างชาติ หลายที่จะเขียนไว้ว่าการที่ Thailand เป็น Land of Smiles นั้นเป็นเพราะคนไทยสามารถยิ้มได้ในทุกสถานการณ์ ถ้าคนไทยมีความสุขก็จะยิ้มร่าเริง หรือยิ้มหวาน ถ้าเจอหน้ากันก็จะยิ้มทักทาย ถ้าฟังมุกแล้วไม่ตลก แต่อยากรักษาน้ำใจก็จะยิ้มแห้ง ๆ หรือยิ้มแหย ๆ ขนาดเวลาเศร้าคนไทยก็ยังยิ้มเศร้า ๆ หรือยิ้มทั้งน้ำตา รวมไปถึงอีกสารพัดยิ้มเช่น ยิ้มอ่อน ยิ้มแบบมีเลศนัย ยิ้มแบบผํู้ชนะ ยิ้มเยาะ สมแล้วกับฉายาสยามเมืองยิ้มจริง ๆ
4
ส่วนในอนาคต เมืองไทยจะยังเป็นสยามเมืองยิ้มต่อไปหรือไม่ ก็คงจะต้องปล่อยให้เด็ก Gen Z มาเป็นผู้ตัดสินกันเองละกันนะครับ
อนาคตของสยามเมืองยิ้ม (Source: Pinterest)
ก่อนที่จะจากกัน จริง ๆ แล้วประเทศไทยมีอีกฉายานึงนั่นคือ "The Land of White Elephants : ดินแดนแห่งช้างเผือก" ซึ่งอันนี้เป็นฉายาเก่าแก่ที่เรียกดินแดนในสมัยที่ไทยใช้ชื่อว่า สยาม เพราะในสมัยนั้นกษัตริย์ของไทยมักจะส่งช้างเผือก เพื่อเป็นเครื่องเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างชาติ นอกจากนี้ราชวงศ์ก็มักจะเลี้ยงช้างเผือกไว้ เพราะเชื่อว่าเป็นสัตว์มงคล คู่บ้านคู่เมือง และเป็นหนึ่งใน 7 รัตนะคู่บารมีกษัตริย์อีกด้วย
ความสำคัญของช้างเผือกนั้นมีมากขนาดที่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ถึงรัชกาลที่ 6 ธงชาติของประเทศไทยคือธงช้างเผือก ที่มีรูปช้างสีขาวอยู่ตรงกลาง โดยมีรูปแบบแตกต่างกันไปตามยุคตามสมัย
ธงชาติไทยสมัยรัชกาลที่ 6 (Source: trueplookpanya)
เรื่องที่น่าสนใจคือธงช้างเผือกถูกยกเลิกใช้ในสมัยรัชกาลที่ 6 เพราะการผลิตที่มีราคาสูง เพราะต้องสั่งพิมพ์จากต่างประเทศ (ตอนนั้นไทยยังไม่มีแท่นพิมพ์ผ้า) รวมไปถึงวันหนึ่ง ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ทรงเสด็จประพาสเห็นชาวบ้านติดธงช้างเผือกกลับหัว โดยเอาขาช้างชี้ขึ้นฟ้า ทำให้พระองค์มีดำริในการใช้ธงแถบสีที่ง่ายต่อการผลิต และง่ายต่อการติดแบบในปัจจุบันแทนนั่นเอง
ช้างเผือก สัตว์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย (Source: https://elephantsinperil.org)
จบไปแล้วกับอีกตอนของฉายาของประเทศต่าง ๆ นะครับ หวังว่าทุกคนคงชอบกัน ตอนหน้าจะพารู้จักกับฉายาของประเทศอื่น ๆ ในทวีปเอเชียที่เหลือกันบ้าง รับรองว่าสนุกไม่แพ้สองตอนแรกแน่นอน ฝากติดตามกันด้วยนะครับ
1
สามารถติดตามอ่านฉายาของประเทศต่าง ๆ EP.1 : East Asia ได้ที่นี่
สามารถติดตามอ่านฉายาของประเทศต่าง ๆ EP.3 : The Rest of Asia ได้ที่นี่
Source:

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา