พิมพ์ยาวมาก ขออ่านให้จบนะครับ
ผีกับพราหมณ์เหมือนกัน คืออำนาจเหนือธรรมชาติ อันเป็นความเชื่อของมนุษย์ ที่ถูกมนุษย์ด้วยการสร้างขึ้นเอง
ตั้งแต่ยุคดั้งเดิมดึกดำบรรพ์ สืบจนปัจจุบัน
คนทุกวันนี้เชื่อว่าไทยเป็นพุทธแท้มาก่อน โดยไม่มีอย่างอื่นปะปน แล้วก็ค่อนข้างจะตำหนิว่าปัจจุบันมีพราหมณ์กับผีเข้ามาปะปน
ความจริงควรจะต้องอธิบายว่า จริงๆแล้วประเทศไทยนับถือศาสนาพุทธมาก่อน
จริงหรือเปล่า ไม่มีใครบอกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เว้นเสียว่าจะถูกกำหนดให้บอกอย่างนั้น
แต่นักวิชาการที่ศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทยเกือบทั้งโลก เขาบอกว่าประเทศไทยนับถือศาสนาไทย
ศาสนาไทยหน้าตาเป็นอย่างไร
ศาสนาไทย มีศาสนาผีเป็นฐานรากอันแข็งแกร่ง แล้วรับเอาสิ่งละอันพันละน้อยของศาสนาพราหมณ์กับศาสนาพุทธ โดยเลือกเอาส่วนที่ไม่ขัดกับหลักผี เข้ามาประดับ เพื่อให้ดูทันสมัยมีสง่าราศีเท่านั้น
อธิบายต่อ ศาสนาผีนั้นรักษากฎเกณฑ์ของสังคม แต่ศาสนาพุทธกับพราหมณ์นั้นรักษากฎเกณฑ์ทางจิตวิญญาณของบุคคล ไม่เกี่ยวกับสังคม หรือจะเกี่ยวก็น้อย และถ้าจะเกี่ยวก็เพราะว่าไปดึงเอาผีเข้ามาเกี่ยว
ขอย้ำนะครับว่า ศาสนาผีรักษากฎเกณฑ์ของสังคม เพราะฉะนั้นใครที่บอกว่าคนไทย หรือไทยเป็นพุทธแท้มาแต่ไหนแต่ไร มันไม่ไปด้วยกันกับหลักฐานร่องรอยทางประวัติศาสตร์
หลักฐานโบราณคดีจำนวนมาก ยืนยันสอดคล้องกันว่า พุทธในไทยไม่เคยเป็นพุทธบริสุทธิ์ที่อยู่โดดๆ เพราะล้วนมีผีกับพราหมณ์ปะปนเป็นเนื้อเดียวกัน ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มประดิษฐานในสุวรรณภูมิ 2,000 ปีมาแล้ว ปัจจุบันก็เห็นอยู่นะครับ
ความจริงแล้ว ผีเนี่ยเป็นระบบความเชื่อดั้งเดิมของมนุษย์ดึกดำบรรพ์ทั้งโลก มันมีมาตั้งแต่หลายหมื่นปีมาแล้ว ตั้งแต่มีมนุษย์ เมื่อมีมนุษย์ก็มีความเชื่อในเรื่องผีอยู่แล้ว สังเกตได้จากหลักฐานที่อยู่ในทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นอียิปต์ สุสานฮ่องเต้จีน มัมมี่ ล้วนเป็นหลักฐานโบราณเก่าแก่ ที่สื่อถึงเรื่องผีทั้งนั้น แสดงให้เห็นถึงศาสนาผีนั้นมีมาก่อนพราหมณ์กับพุทธ
คนที่คิดว่าตัวเองเป็นพุทธจ๋า อาจจะตำหนิในใจว่า ทำไมเอาพุทธตามหลังพราหมณ์ ก็เพราะว่าพุทธน่ะมาทีหลังสุด พราหมณ์มาก่อน และผีก็มาก่อนพราหมณ์อีกที
บางคนอาจจะบอกว่า ผีไม่ใช่ศาสนา แต่ในแง่ของหลักฐานวิชาการแล้ว มันคืออันเดียวกัน คือเป็นศาสนาทั้งนั้น เพราะศาสนาคือระบบความเชื่อ
กล่าวถึงศาสนาผี
ผีบรรพชนเป็นผีใหญ่สุดของตระกูลไทยลาว ซึ่งความจริงมันอาจจะมีตระกูลอื่นด้วย ผีบรรพชนของตระกูลไทยลาว เป็นเพศหญิง สิงสถิตอยู่กับดินอยู่กับฟ้า ที่เราเรียกว่าผีฟ้า คำว่าผีฟ้าเป็นชื่อสัญลักษณ์ในความหมายของผีบรรพชน ผีฟ้าเป็นผีใหญ่สุดหรือเป็นใหญ่ของฟ้าดิน ตรงกับคำว่าเจ้าฟ้า ก็คือฟ้า ผีพวกนี้คุ้มครองชีวิตมนุษย์ ให้น้ำฝนตกลงมาหล่อเลี้ยงพืชพันธุ์ธัญญาหาร พิชิตคนพาลอภิบาลคนดี
คำว่าผีกับคำว่าเจ้า มีความหมายเดียวกัน คือผู้เป็นใหญ่ จนใช้ในภาษาพูดในชีวิตประจำวัน ทุกคนก็พูด แต่ลืมคิดไป คนโบราณจึงมักพูดบ่อยๆว่าไหว้ผีไหว้เจ้า ผีฟ้าใช้แทนคำว่าพระราชาก็ได้ พระราชาหรือกษัตริย์ก็อันเดียวกันนะครับ
เช่น เมื่อกล่าวถึงกษัตริย์กรุงศรียโสธรที่กัมพูชา ในศิลาจารึกสมัยสุโขทัย จะมีคำว่าเจ้าฟ้าหรือผีฟ้าอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นผีฟ้าหมายถึงกษัตริย์หรือพระราชาได้ แล้วก็มีร่องรอยอยู่แล้วในศิลาจารึก
ย้อนกลับไปสมัยก่อน พราหมณ์คือความเชื่อเกี่ยวกับอำนาจเหนือธรรมชาติอย่างเดียวกับผี แต่มีขึ้นหลังจากศาสนาผี แล้วอยู่คู่กัน เมื่อเข้ามาถึงสุวรรณภูมิก็ริบอำนาจของผีพื้นเมือง แล้วผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกัน
มีประวัติศาสตร์ไทยอธิบายว่า เมื่อพุทธมาถึงสุวรรณภูมิก็เผยแผ่พุทธศาสนาด้วยความราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆ จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะในนิทานตำนานทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องตำนานอุรังคธาตุ ตำนานพระธาตุพนมพระพุทธเจ้าทรงทรมานปราบนาค แสดงธรรมให้กับผีและพราหมณ์ ที่ยึดติดกับศาสนาดึกดำบรรพ์เป็นพันปีเป็นหมื่นปี นี่เป็นนิทานเปรียบเทียบ ถึงเหตุผลธรรมะสัจจะที่ไม่มีอะไรโต้แย้งได้
คนพื้นเมืองจำนวนมาก ยอมบางอย่าง แต่ไม่ยอมบางอย่าง ทั้งฝ่ายพราหมณ์กับพุทธก็ประนีประนอมด้วย
ตัวอย่างนะครับ
ยอมให้มีพิธีกรรมเกี่ยวกับขวัญ เช่นวิธีเรียกขวัญเป็นต้น บางอย่างก็มีวิธีที่สอดคล้องกับผี แต่ในศาสนาพุทธเดิมแท้นั้นจะไม่มีพิธีกรรม หรือพิธีโล้ชิงช้าในอินเดียก็ไม่มี แต่มีในไทย พิธีการสวดศพในอินเดียก็ไม่มี แต่ไทยมี นี่แสดงออกถึงการผสมผสานกลมกลืน ระหว่างพุทธพราหมณ์ผี
พระเจ้าแผ่นดินในสมัยก่อนยอมรับพราหมณ์กับผี มากกว่าศาสนาพุทธ บางคนอ่านแล้วจะรู้สึกตกใจ แต่นี่คือความจริงครับสังเกตดูพระราชพิธีในสมัยกรุงศรีอยุธยาจะเป็นพระราชพิธีที่เกี่ยวข้องกับพราหมณ์กับผีทั้งหมด ในตัวของศาสนาพุทธเองนั้นไม่มีความแข็งแรงและไม่ได้ส่งเสริมการปกครองแบบระบอบกษัตริย์ แต่เนื่องจากศาสนาพุทธนั้นแทรกซึมจนกลมกลืน ชนชั้นสูงจึงปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องยอมรับศาสนาพุทธเข้ามาด้วย และอีกประการหนึ่งพราหมณ์กับผี ไม่สามารถเอาชนะการโต้วาทีกับพุทธได้ เพราะพุทธนั้นมีความลึกซึ้งคมคายยากที่จะปฏิเสธ
ศาสนาพุทธขึ้นมาเป็นใหญ่เทียบเท่ากับพราหมณ์ เพราะเนื่องจากศาสนาผีนั้นมีหลายพวกเกินไป คล้ายกับที่รัชกาลที่ 4 ทรงสร้างพระสยามเทวาธิราชขึ้นมาเพื่อคุมความเชื่อของคนที่มีหลายพวกที่เกี่ยวกับผี เลยหันมาใช้คำว่าเทวดาแทนคำว่าผี คำว่าผีก็เลยตกต่ำลง
ผีพราหมณ์พุทธ ก็อยู่ปนกัน มันมีหลักฐานมากมายเขียนยังไงก็คงไม่หมด พุทธพราหมณ์ผี พิธีกรรมปนกันจนแยกกันไม่ออก บางอย่างนานจนเราลืมไปแล้ว ว่ามันมาจากไหน อย่างเช่น พืธีแช่งน้ำ ดื่มน้ำสาบานร่วมกับพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ให้คิดทรยศ นี่ไม่ใช่พิธีกรรมของพุทธ มันรวมพิธีผสมกับพราหมณ์ผี ในขณะเดียวกันก็มีสวดมนต์ในแบบของศาสนาพุทธพร้อมกันไปด้วย ไม่สามารถทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้ จะทำพิธีแบบพุทธอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะความเป็นพุทธไม่ได้ส่งเสริมระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
เพราะฉะนั้นพระราชพิธีในโบราณจะเน้นไปทางพราหมณ์ผีมากที่สุด
ทำไมความเป็นพุทธถึงไม่ส่งเสริมความเป็นกษัตริย์ หากเราเรียนพระพุทธศาสนา เราจะรู้ว่าพุทธนั้น ทำลายวรรณะ ความเป็นพุทธไม่มีวรรณะ ต้องเห็นคนทุกคนด้วยความเสมอภาค ความเป็นพุทธจึงอยู่โดดๆในประเทศไทยไม่ได้ เพราะไม่ได้ส่งเสริมระบบการปกครองในสมัยนั้น
สรุป พุทธพราหมณ์ผี จึงสืบทอดกันมาอย่างนี้ หลอมรวมเป็นหีบห่อ จนไม่สามารถแกะสิ่งใดสิ่งหนึ่งออกไปได้ มีการแต่งตั้งสมณศักดิ์ให้กับพระสงฆ์ ทั้งที่ในศาสนาพุทธที่แท้จริงนั้นไม่มียศ มีพระสังฆราช มีตำแหน่ง เพื่อผูกมัดให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ ก็เลยไม่มีใครที่สามารถปฏิบัติตามพุทธพจน์ที่แท้จริงได้ ผู้ที่ปฏิบัติได้ต้องปลีกวิเวกสงัดสันโดษเดินธุดงค์ ถ้าอย่างนั้นทำได้
นี่แหละคือศาสนาแบบไทยๆ
- 6
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
