นั่งรถไฟสายสีม่วงจากสนามบินเถาหยวนไปลงสถานี Taipei Main Station ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ค่าใช้จ่ายคนละ 150TWD ถึงสถานี Taipei Main Station เดินต่ออีกนิดไปที่สถานี Beimen นั่ง MRT ต่อไปสถานี Ximen ออกทางออกที่ 4 ก็ถึงHotel Midtown Richadson ที่พักของเราในครั้งนี้ โรงแรมอยู่ใจกลางเมืองไทเป ตรงข้ามกับตลาดซี่เหมิน ใกล้ MRT หาของกินง่าย เดินทางสะดวก เราเลยเลือกพักที่โรงแรมนี้ค่ะ แพรวเลือกพักห้อง Elegance

เริ่มต้นวันที่ 2 ด้วยการไปวัดหลงซานค่ะ เราเดินทางจากโรงแรม นั่ง MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานี Longshan Temple ออกประตูทางออกที่ 1 เดินไปอีกนิดก็ถึงวัดหลงซานแล้วค่ะ

วัดหลงซาน เป็นวัดที่มีความเก่าแก่และมีชื่อเสียงในประเทศไต้หวันค่ะ มีอายุกว่า 300 ปี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วัดเกิดความเสียหายจากการถูกทิ้งระเบิด แต่เจ้าแม่กวนอิมที่อยู่ด้านในไม่ได้รับความเสียหายเลยซักนิด จึงทำให้เจ้าแม่กวนอินที่วัดแห่งนี้เป็นที่ศรัทธาของคนไต้หวันมากเลยค่ะ

สถาปัตยกรรมของที่วัดหลงซานมีความคล้ายวัดพุทธของจีน แต่มีความเป็นไต้หวันผสมเข้าไปทำให้เกิดความสวยงามมากยิ่งขึ้น ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครมาไทเป จะพลาดไม่ได้เป็นอันขาดค่ะ

มาที่วัดหลงซาน นอกจากจะมาสักการะเจ้าแม่กวนอิมแล้ว ด้านในยังมีเทพเจ้าองค์อื่นๆให้เราได้สักการะด้วยนะ ที่เค้าฮิตๆกันคือการมาขอคู่ค่ะ จะบอกว่าเพื่อนของแพรวก็ได้แฟนเพราะมาขอที่นี่ด้วยนะ

มาวัดหลงซานต้องมาซื้อเครื่องรางค่ะทุกคนนนน ไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึง มีเครื่องรางให้เลือกเยอะมาก หลายแบบ หลายราคา อยากได้เรื่องไหนเลือกได้เลยจ้า และไม่ต้องกลัวว่าจะอ่านไม่ออก เลือกไม่ถูก เพราะเค้ามีเมนูภาษาไทยให้เราอ่านด้วยจ้า เลิศมาก

ลืมบอกทุกคนไปว่าเพื่อเสริมความมงคลและขจัดสิ่งที่ไม่ดีออกไป เวลามาวัดหลงซานให้เข้าประตูมังกร (ขวา) ออกประตูเสือ (ซ้าย) นะ จำง่ายๆคือเข้าขวาออกซ้ายนั่นเอง เวลาเปิด-ปิด 6.00 น.- 22.00 น.

เดินออกจากวัดหลงซาน เลี้ยวซ้าย เดินตรงไปประมาณ 260 เมตร ก็จะถึง Bopiliao Historic Block (ปัวผีเหลียว)

อาคารอิฐแดงเก่าแก่ที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในไทเป มีการรีโนเวทให้เป็นย่านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตามผนังจะมีการสอดแทรกงานศิลปะลงไปด้วย

ย่านประวัติศาสตร์ปัวผีเหลียว มีอาคารอิฐแดงที่สร้างขึ้นในยุคศตวรรษที่ 18-19 ที่ถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี โดยจะมีศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมไทเปอยู่ด้านใน ให้เราเข้าชมฟรี

วันที่แพรวไป อากาศดี เดินสบาย ตัวตึกสีแดง ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า ถ่ายรูปออกมาสวยมากค่ะ

ย่านประวัติศาสตร์ปัวผีเหลียว เปิดเวลา 9.00 – 17.00 น. หยุดทุกวันจันทร์

ไปต่อที่ร้านข้าวต้มหมูกรอบ Zhouji Meat Porridge (โจวจี้โหย่วโจว) ร้านนี้เป็นที่ฮอตฮิตของคนไทยและคนไต้หวันมากเหลือเกิน ดูรีวิวจนแพรวต้องตามมา ร้านนี้อยู่ตรงข้ามกับปัวผีเหลียวเลยค่ะ เดินข้ามถนนมาก็ถึง ร้านขนาดไม่ใหญ่มาก แต่คนแน่นเว่อร์ คนเข้าออกร้านเป็นเล่นเก้าอี้ดนตรีเลย คนนี้ลุก คนนั้นนั่งต่อ ร้านเปิด 6.00 - 16.15 น.

จากสถานีวัดหลงซาน เรานั่ง MRT สายสีเขียวไปลงสถานี Gonggoun ประตูทางออกที่ 4 และเดินต่อไปที่ Gongguan Night Market (ตลาดกงกวน) ตลาดเปิดเวลา 15.00 น. – 23.45 น. ค่ะ

มาตลาดกงกวนต้องทานโรตีต้นหอมค่ะ ร้านนี้แพรวเห็นคนต่อแถวยาว เลยไปต่อกับเค้าบ้าง จะบอกว่าร้านนี้ได้มิชลินด้วยน๊า เราสามารถเลือกไส้ได้ว่าอยากจะใส่อะไรบ้าง คุณป้าเจ้าของร้านพูดภาษาอักกฤษได้ คุยกันเข้าใจ

ไปต่อที่ Meng Xia Night Market (ตลาดเมิ่งเซียะ) ตลาดนี้อยู่ใกล้วัดหลงซานค่ะ เราก็เลยนั่ง MRT สายสีเขียวจากสถานีกงกวนกลับมาที่สถานีวัดหลงซานออกประตูทางออกที่ 1 เดินต่ออีกนิดก็ถึงตัวตลาดเลยค่ะ

ติดกับตลาดเมิ่งเซียะ เราะก็จะเจอกับ Huaxi Street Night Market (ตลาดหัวซี) ที่นี่เป็นตลาดกลางคืนแห่งแรกของไต้หวัน ชื่อเล่นของตลาดแห่งนี้คือ ตรอกงู (Snake Alley) เนื่องจากในสมัยก่อนจะมีร้านอาหารหลายร้านที่ขายเมนูงู ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีบางร้านที่ยังขายอยู่ ร้านไหนขายก็จะมีงูเป็นๆตั้งอยู่หน้าร้านเลย เรียกว่าเดินผ่านก็ขนคอตั้งเลยค่ะทุกคน

วันที่ 3 เราเริ่มต้นด้วยการไปถ่ายรูปที่ทางม้าลายสีรุ้ง ทางม้าลายนี้อยู่หน้าXimenting Night Market (ตลาดซี่เหมินติง) เลยค่ะ จะบอกทุกคนว่าถนนตรงนี้เป็นถนนที่เค้าใช้จริงๆ มีรถผ่านไปมา จะถ่ายรูปก็ระมัดระวังกันด้วยนะคะ

จากสถานี Ximen เรานั่ง MRT สายสีเขียว ลงสถานี Chiang Kai Chek Memorial Hall ทางออกที่ 5 เพื่อเข้าไปในอนุสรณ์สถานเจียงไคเชค

เราเข้ามาเพื่อสิ่งนี้ ชานมไข่มุกเจ้าแรกของโลก Chun Shui Tang (ชุนสุ่ยถัง) นอกจากชานมไข่มุกแก้วโตที่มีไข่มุกเกือบครึ่งแก้ว ที่นี่ก็ยังมีเมนูอาหารให้สั่งด้วยน๊า เมนูเซ็ตข้าวก็อร่อย เมนูของหวานก็ดีมาก ตัวโมจิหนึบๆคลุกถั่วคลุกน้ำตาล จิ้มกับนมและงาคั่วบด มันอร่อยสุดๆ กินอิ่มมีแรงเดินต่อแล้ว

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ คือการมาดูการเปลี่ยนเวรทหาร ที่จะมีทุกชั่วโมง ตั้งแต่ 9.00 น. – 17.00 น. ซึ่งทหารจาก 3 เหล่าทัพจะมาทำหน้าที่นี้ครั้งละ 4 เดือน

มาอนุสรณ์สถานเจียงไคเชค เราอยากให้ทุกคนมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะด้านข้างด้วยนะ บรรยากาศดี ร่มรื่นมากๆ

ไปต่อกันที่ ร้านเสี่ยวหลงเปา Huang Long Zhuang (หวงหลงจวง) ร้านนี้อยู่ห่างจากอนุสรณ์สถานเจียงไคเชคประมาณ 650 เมตร เราก็เดินกันมาประมาณ 10 นาทีค่ะ อากาศเย็นสบาย ทางเท้ากว้าง ไม่มีอะไรกีขวาง เข็นรถเข็นลูกมาเพลินๆแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ตัวร้านจะอยู่ตรงสี่แยกไฟแดงเลยค่ะ ร้านเปิด 10.00 น. – 20.30 น.

จากสถานี Chiang Kai Chek Memorial Hall เราก็นั่ง MRT สายสีเขียว ลงสถานี Songshan ออกทางออกที่ 5 เพื่อมา Raohe Night Market (ตลาดเหราเหอ) ตลาดกลาคืนที่เก่าแก่ที่สุดในไทเป มาพร้อมกับบรรยากาศดั้งเดิม ตั้งอยู่บนถนนเหราเหอที่ทอดยาวไปกับแม่น้ำจีหลง มาที่นี่ต้องทานซาลาเปาอบโอ่งหน้าตลาด ที่ได้รับรางวัลมิชลิน บอกเลยว่าคนต่อแถวซื้อยาวมากๆ แพรวเองก็อยากกิน แต่ๆ ลูกร้องไห้งอแง หอบลูกกลับโรงแรมด่วน อดกินเลย

สุดท้ายเราก็มาจบกันที่ ร้านชาบูหม่าล่า Mala Yuanyang Hotpot สาขา Ximen ร้านสุดฮิตของคนไทย ตัวซุปมีให้เลือกเยอะ ตัวเนื้อต่างๆ อาหารทะเลก็มีให้เลือกแบบจุกๆ ฝักมากมายหลายชนิด น้ำจิ้มหลากหลาย (มีน้ำจิ้มสุกี้พันท้ายด้วยนะ) ไอติมหลายรสชาติ ขนมก็เยอะเช่นกัน เรียกว่ามาถึงไทเปแล้วต้องลอง แต่จะบอกว่ามาทานตอนกลางวันถูกกว่านะ และที่นี่รับเฉพาะเงินสด ไม่รับบัตรนะจ๊ะ

เช้าวันที่ 4 เราก็นั่งรถเมล์สาย 49 จากหน้าโรงแรมไปตลาดปลาไทเปกันค่ะ ค่ารถแค่คนละ 15 TWD ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที รถเมล์มาตรงเวลา เดินทางไปสะดวกมากๆ มาถึงที่นี่ถ่ายรูปได้แต่ข้างนอก เข้าไปด้านในเค้าไม่ให้ถ่ายรูปซะงั้น แต่จะบอกว่าด้านในมีอาหารทะเลแบบสดๆเยอะเลย มีทั้งโซนของสด อาหาร และโซนยืนทานอาหาร จะบอกว่าที่นี่จัดการเรื่องกลิ่นได้ดีมากเลย ตลาดไม่มีกลิ่นเหม็นเลยค่ะ

จาก Ximen เราก็นั่ง MRT สายสีแดง ลงสถานี Taipei 101 World Trade Center ประตูทางออก 2 เดินต่อมาที่ Sisinan Village Museum (หมู่บ้านซื่อซื่อหนันซุน) เป็นหมู่บ้านแห่งแรกในประเทศไต้หวัน เป็นหมู่บ้านแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ ด้วยมนต์เสน่ห์ของชีวิตที่เรียบง่ายจากผู้คนในชุมชนเล็กๆ รายล้อมด้วยความเจริญของเมืองใหญ่

เดินจากหมู่บ้านซื่อซื่อหนันซุนมาประมาณ 1.5 กม. เราจะเจอกับมุมลับๆที่ไม่ลับ ถ่ายรูปกับตึก Taipei 101 ตรงจุดนี้เป็นซอยข้างร้าน Takemura Izakaya เราแนะนำให้มาช่วงฟ้ามืดหน่อยนะคะ

มาต่อกันที่ Shilin Night Market (ตลาดซื่อหลิน) เรานั่ง MRT สายสีแดง ลงสถานี Jiantan ประตูทางออกที่ 1 ร้านแรกที่เรามากินคือ “เห็ดนางรมย่าง” นี่คือสิ่งที่แพรวอยากกินมากกกกกก ตั้งแต่ดูรีวิวที่ไทยเลยค่ะ ร้านเห็ดนางรมย่างในตลาดซื่อหลิน จุดสังเกตุง่ายๆคือจะมีคนต่อแถวค่อนข้างยาวค่ะ จ่ายเงินแล้วจะได้เหรียญวงกลมสีสดใส รอแป๊บเดียวก็ถึงคิวเราแล้ว เราสามารถเลือกได้ 2 รสชาติค่ะ(ร้านนี้มีทั้งหมด 9 รสชาติ)

ไก่ทอด Hot Star ไก่ทอดอะไรชิ้นใหญ่กว่าหน้าแพรวซะอีก นี่คือไก่ทอดชิ้นโต๊โต ที่ใครมาตลาดซื่อหลินจะต้องซื้อค่ะ เค้าจะมีรสออริจินอลและแบบเผ็ดค่ะ แพรวสั่งแบบออริจินอลมา เนื้อไก่ทอดฉ่ำๆ มีความเค็มหน่อยๆ อร่อยเลยค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะกินหมด แต่กินได้แค่ครึ่งเดียวก็อิ่มแล้วค่ะ

ชานมไข่มุก Xing Fu Tang (ซิงฝู่ถัง) ชานมไข่มุกร้านดัง ที่ใครมาไต้หวันต้องลอง สาขาที่แพรวไปคือสาขา Ximen ค่ะ ตัวชานมจะมีรสชาติหวานน้อย ไข่มุกปั้นสดๆ ต้มเสร็จใหม่ๆ หอมๆ อร๊อยอร่อยค่ะ แพรวไปเดินตลาด Ximen กี่ครั้งก็ต้องซื้อมาทานทุกครั้งเลยค่ะ

ก่อนกลับ เราแวะกันที่ The Red House อีกหนึ่งจุดถ่ายรูปสุดฮิต ที่ใครมาย่าน Ximen จะต้องมาถ่ายรูปกันค่ะ