27 มี.ค. 2023 เวลา 11:50 • ธุรกิจ

รู้จัก Larry Ellison มหาเศรษฐี อันดับ 4 ของโลก ที่หลายคนไม่คุ้นชื่อ

คุณ Bernard Arnault, คุณ Elon Musk, คุณ Jeff Bezos, คุณ Warren Buffett และคุณ Bill Gates
1
หากพูดถึงรายชื่อเหล่านี้ เราน่าจะรู้กันในทันทีว่า
เป็นรายชื่อของ “มหาเศรษฐีระดับโลก”
แต่ความจริงแล้ว หนึ่งในชื่อที่อยู่ท่ามกลางรายชื่อเหล่านี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือคุณ Larry Ellison
2
ซึ่งหลายคนอาจยังไม่คุ้นกับชื่อของเขาสักเท่าไร
2
แต่รู้หรือไม่ว่า จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes ความร่ำรวยของคุณ Larry Ellison ถูกจัดให้เป็นมหาเศรษฐี อันดับ 4 ของโลก รวยกว่าทั้งคุณ Warren Buffett และคุณ Bill Gates
2
แล้วคุณ Larry Ellison คือใคร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คุณ Larry Ellison เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน เกิดเมื่อปี 1944 ปัจจุบันมีอายุ 78 ปี
แม้เขาจะเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย แต่ก็หาโอกาสทำงานในบริษัทเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์หลายแห่งในซิลิคอนแวลลีย์ จึงทำให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และทักษะการเขียนโปรแกรม
2
ต่อมา บริษัทที่เขาทำงานอยู่ ได้รับการว่าจ้างให้สร้างระบบฐานข้อมูลของ CIA ภายใต้โปรเจกต์ชื่อว่า “Oracle”
1
จุดนี้เองที่ทำให้คุณ Ellison เริ่มมองเห็นถึงศักยภาพ ของระบบฐานข้อมูล
ซึ่งเขามองว่าองค์กรเอกชนต่าง ๆ ก็จำเป็นต้องมีระบบนี้ไว้ใช้บริหารจัดการข้อมูลภายใน เพื่อช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เช่นกัน
1
หลังจากนั้น เขาได้ไปศึกษารายงานเรื่อง Relational Database ของบริษัท IBM ซึ่งเป็นแนวคิดระบบจัดเก็บและประมวลผลฐานข้อมูลแบบเชิงสัมพันธ์ หรือที่ในวงการเรียกว่า Structured Query Language (SQL)
1
โดย SQL นับเป็นนวัตกรรมใหม่ในยุคสมัยนั้น ทางคุณ Ellison เลยลองเจรจากับ IBM เพื่อขอพัฒนาซอฟต์แวร์มาใช้บนระบบฐานข้อมูลของ IBM แต่กลับถูกปฏิเสธ
เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ เขาจึงตัดสินใจทำธุรกิจซอฟต์แวร์บริหารจัดการข้อมูลองค์กรเสียเอง
2
โดยในตอนนั้น มีคุณ Ellison, คุณ Bob Miner และคุณ Ed Oates ร่วมกันก่อตั้งบริษัทชื่อว่า Software Development Laboratories ด้วยเงินทุนราว 70,000 บาท
3
ต่อมา บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Oracle Database มาทำตลาดเป็นเจ้าแรก ๆ
1
แม้จะก้าวเข้ามาในตลาดนี้เป็นเจ้าแรก ๆ
แต่ในตลาดตอนนั้น ก็มีคู่แข่งที่น่ากลัว นั่นคือ IBM
1
แล้ว Oracle Database ของคุณ Ellison สามารถเอาชนะยักษ์ใหญ่อย่าง IBM ได้อย่างไร ?
3
คำตอบคือ ซอฟต์แวร์ Oracle Database สามารถใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ต่างจาก IBM ที่จำกัดแค่ระบบของตัวเองเท่านั้น
 
จากจุดนี้เอง ที่ทำให้ชื่อของ Oracle Database เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง จากการที่บริษัทได้ทำสัญญากับลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีทั้งจากภาครัฐและเอกชน
4
จนในเวลาต่อมา ทำให้พวกเขาตัดสินใจเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Oracle Corp. ตามชื่อซอฟต์แวร์ที่ติดตลาดแล้ว
พอเข้าสู่ทศวรรษ 1990s นับเป็นช่วงเวลาที่ Oracle เติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะธุรกิจอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี กำลังเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก
1
ทำให้มีบริษัทเกิดขึ้นใหม่มากมาย และมีความต้องการใช้ระบบบริหารจัดการข้อมูลองค์กร
อย่างไรก็ตาม ความร้อนแรงของบริษัทอินเทอร์เน็ตในตอนนั้น ก็นำไปสู่วิกฤติฟองสบู่ดอตคอมที่เกิดขึ้นในปี 2000
1
อย่างที่ทราบกันดีว่า หลังจากฟองสบู่ดอตคอมแตกในครั้งนั้น หลายบริษัทมีมูลค่าลดหายไปกว่าครึ่งหนึ่ง และบางบริษัทถึงขั้นล้มละลาย มีเพียงไม่กี่บริษัทที่อยู่รอดมาจนถึงปัจจุบัน
แม้หลายคนมองว่าเป็นวิกฤติ แต่ในมุมมองของคุณ Ellison ในฐานะ CEO ของ Oracle กลับมองเป็นโอกาส
ในตอนนั้นคุณ Ellison ได้ทำการซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของบริษัท
เพื่อให้บริษัท มีซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุมการบริหารจัดการองค์กรอย่างครบวงจรมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ยกตัวอย่างเช่น
- ปี 2004 ซื้อบริษัท PeopleSoft ผู้เชี่ยวชาญซอฟต์แวร์ด้าน Enterprise Resource Planning (ERP) และการบริหารทรัพยากรบุคคล ด้วยเงินมูลค่า 355,000 ล้านบาท
- ปี 2006 ซื้อบริษัท Siebel Systems ผู้เชี่ยวชาญซอฟต์แวร์ด้าน Customer Relationship Management (CRM) ด้วยเงินมูลค่า 200,000 ล้านบาท
- ปี 2010 ซื้อบริษัท Sun Microsystems ผู้พัฒนาภาษา Java และเจ้าของเทคโนโลยี MySQL ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลประสิทธิภาพสูง ด้วยเงินมูลค่า 255,000 ล้านบาท
- ปี 2021 ซื้อบริษัท Cerner ผู้พัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านสุขภาพ ด้วยเงินมูลค่า 980,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อกิจการครั้งใหญ่สุดของบริษัท
รวมทั้งยังมีความร่วมมือกับ Microsoft เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์คลาวด์ด้วยกัน มาแข่งขันกับเจ้าตลาดเดิมอย่าง Amazon Web Services อีกด้วย
1
ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าว ทำให้ปัจจุบัน Oracle ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรในแทบทุกด้าน และมีผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่ง
1
เราลองมาดูผลประกอบการของ Oracle
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมากัน
- ปี 2020 รายได้ 1,350,000 ล้านบาท
กำไร 350,000 ล้านบาท
1
- ปี 2021 รายได้ 1,400,000 ล้านบาท
กำไร 474,000 ล้านบาท
1
- ปี 2022 รายได้ 1,460,000 ล้านบาท
กำไร 231,000 ล้านบาท
โดย Oracle จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ล่าสุด บริษัทมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 7,800,000 ล้านบาท นับเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 36 ของโลก
5
ในปี 2014 คุณ Ellison ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO อย่างไรก็ตามเขายังคงดำรงตำแหน่ง CTO หรือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคโนโลยี รวมถึงยังคงนั่งอยู่บนบอร์ดบริหารของบริษัท
แม้คุณ Ellison จะลงจากตำแหน่ง CEO เมื่อปี 2014 แต่เขายังคงถือหุ้น Oracle อยู่ในสัดส่วนราว 40% ซึ่งสร้างความมั่งคั่งให้กับเขาเป็นอย่างมาก
1
โดยล่าสุด นิตยสาร Forbes ประเมินว่าคุณ Larry Ellison มีทรัพย์สินอยู่ที่ประมาณ 3,800,000 ล้านบาท นับเป็นบุคคลร่ำรวย อันดับ 4 ของโลก
แล้วเราได้อะไรจากเรื่องนี้ ?
1
เราจะเห็นได้ว่า แรกเริ่มเดิมที คุณ Ellison อาจไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีมากนัก
แต่พอเห็นโอกาส เห็นช่องทางธุรกิจที่น่าสนใจ ก็พยายามศึกษาเรียนรู้ เพื่อเริ่มต้นทำสิ่งนั้นให้ได้
ซึ่งการที่ซอฟต์แวร์ Oracle Database ในตอนแรก สามารถตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้
1
ก็น่าจะเป็นการพิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งว่า การพยายามศึกษา และเรียนรู้ของคุณ Ellison นั้น ประสบผลสำเร็จจริง
หรือแม้กระทั่งตอนขยายธุรกิจไปในตลาดที่อาจจะยังไม่มีประสบการณ์
คุณ Ellison ก็ไม่กลัวที่จะเข้าไปซื้อกิจการใหม่ ๆ เพื่อนำมาต่อยอดให้บริษัทเติบโต
ด้วยเหตุนี้ Oracle จึงก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำของวงการซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร และทำให้คุณ Larry Ellison กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลกได้นั่นเอง..
"พิเศษ คนที่เปิดบัญชี Dime! ผ่านลิงก์ของลงทุนแมน ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 มีนาคม 2566 จะได้รับ “ฟรี” ค่าคอมมิชชัน การซื้อขายหุ้นต่างประเทศ ตลอดเดือนเมษายน 2566 พิเศษสำหรับแฟนเพจลงทุนแมนเท่านั้น สมัครเลยที่ https://link.dime.co.th/Longtunman
ผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียด และ เงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ https://dime.co.th/en/articles/dime-x-ltman
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน"
โฆษณา