28 มี.ค. 2023 เวลา 06:41 • ท่องเที่ยว
เกาะคีวชู

ตะลุยภาคใต้ญี่ปุ่น (คิวชู)

🌸 “ ทริปนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวเกาะทางตอนใต้ของญี่ปุ่นกันนะคะ นั่นก็คือ คิวชู ค่ะ”
คิวชู (Kyushu) เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น และตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่เกาะญี่ปุ่น
ชื่อคิวชู หมายถึง เก้าแคว้น ซึ่งก็คือ เก้าจังหวัดดั้งเดิมในภูมิภาคไซไกโด แต่ปัจจุบันนี้ ภูมิภาคคิวชู มีเพียง 8 จังหวัด (prefectures) เท่านั้น ได้แก่
• จังหวัดฟูกูโอกะ
• จังหวัดคาโงชิมะ
• จังหวัดคูมาโมโตะ
• จังหวัดมิยาซากิ
• จังหวัดนางาซากิ
• จังหวัดโออิตะ
• จังหวัดโอกินาวะ
• จังหวัดซากะ
1
และในทริปนี้ เราจะพาทุกคนไปตะลุย 3 จังหวัดในคิวชูกัน นั่นก็คือ ฟุกุโอกะ นางาซากิ และคุมาโมโตะค่ะ
🚂 ฟุกุโอกะ เป็นเมืองหลักในภูมิภาคคิวชู เป็นเมืองเก่าแก่ ซึงเคยเป็นเมืองท่าสำหรับเดินทางไปเมืองดาไซฟุ
ในย่านตัวเมืองฟุกุโอกะนั้น มีความสะดวกสบายในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น รถบัส รถไฟ JR หรือ Subway
สำหรับทริปนี้เราบินตรงจากกรุงเทพ ลงที่สนามบินฟุกุโอกะ ใช้เวลาเดินทางเพียง 5 ชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงสนามบินฟุกุโอกะแล้ว
หลังจากสถานการณ์โควิดนั้น สิ่งที่ต้องเตรียมตัวเพิ่มขึ้นสำหรับเดินทางมาที่ญี่ปุ่น ก็คือ Passport vaccine และการลงทะเบียนในเว็บไซต์ Visit Japan เพื่อทำเอกสารออนไลน์ก่อนเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นค่ะ
เราเดินทางมาถึงฟุกุโอกะในตอนเช้า ซึ่งยังไม่สามารถ check in เข้าโรงแรมได้ เพราะส่วนใหญ่โรงแรมของญี่ปุ่นจะให้ check in หลัง 15 น. หรือบางที่ก็อาจจะถึง 16 น. เลยค่ะ
เราเลยต้องทำการซักแห้งตัวเอง และเปลี่ยนเสื้อผ้า กันที่สนามบิน
สถานที่สำหรับซักแห้งตัวเองในสนามบินนั้น หากเดินออกมาหลังผ่านทุกด่านแล้วให้เลี้ยวขวาตรงไปข้างในสุด เราจะเจอกับห้องแต่งตัว และเพื่อนร่วมชะตากรรมซักแห้งที่นั่งคุ้ยกระเป๋าและแต่งหน้าตรงทางเดิน ไม่ต้องอายนะคะ คนเยอะแยะ
หลังจากซักแห้งเสร็จเราก็เดินออกมาตรงประตูทางออกที่ 4 จะเจอรถบัสเพื่อเข้าตัวเมืองฟุกุโอกะ ราคาคนละ 260 เยน ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีค่ะ
เมื่อมาถึงตัวเมืองฟุกุโอกะ เราก็ทำการฝากกระเป๋าไว้ในตู้ล็อกเกอร์
อยากจะบอกว่า ล็อกเกอร์ของญี่ปุ่นจะมี 2 แบบนะคะ วิธีสังเกตว่าถูกว่างรึเปล่า ก็คือ ดูว่ามีกุญแจเสียบอยู่หน้าตู้รึเปล่า หรือไฟหน้าตู้เป็นสีเขียวรึเปล่าค่ะ
📸 วัดพระนอน หรือ วัดนันโซอิน
วิธีเดินทาง ก็คือขึ้น JR sasaguri line ลงที่สถานี Kido nanzoin-mae แล้วเดินอีกไปอีกหน่อยก็ถึงวัดค่ะ
Kido Nanzoin-Mae station
วัดนันโซอิน เป็นวัดพุทธนิกายวัชรยาน เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางนอนทองสัมฤทธิ์ ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
ตั้งอยู่บนไหล่เขา บริเวณรอบวัดร่มรื่น เขียวชะอุ่มไปด้วยต้นไม้ เป็นวัดที่เงียบสงบแบบให้ฟีลวัดจริงๆ เลยค่ะ
ใครสายมู วัดนี้ขึ้นชื่อเรื่องโชคลาภ ใครรอโชคลาภทุกวันที่ 1 กับ 16 ของทุกเดือน แนะนำให้มาที่นี่นะคะ
วัดนันโซอิน (ฟุกุโอกะ)
🚂 นางาซากิ จังหวัดต่อมาที่เราจะพาทุกคนไปเที่ยวกับนั้นก็คือ นางาซากิ
นางาซากิ เป็นจังหวัดที่ มีลักษณะเป็นเกาะแก่งน้อยใหญ่ พื้นที่รอบๆเป็นทะเล
หลังจากเหตุการณ์ทิ้งปรมาณู Fat man ก็ได้รับการฟื้นฟู และกลายเป็นเมืองที่น่าเที่ยวอีกเมืองนึงในภูมิภาคคิวชู
วิธีการเดินทางนั้น ขึ้น JR จากสถานี Hakata โดยรถด่วนขบวนสุดท้ายยยยยย ไม่ใช่ๆ เป็นรถด่วนขบวนพิเศษที่ชื่อว่า Ltd. Exp. Relay Kamome ไปลงที่สถานี Takeo-onsen
แล้วเปลี่ยนขบวนไปขึ้น Shinkansen Kamome exp. ซึ่งส่วนใหญ่รถขบวนนี้จะจอดรอรับไม้ต่ออยู่แล้ว เดินลงมาพุ่งตัวไปขึ้นรถที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามได้เลย
จาก Hakata ไป Nagasaki ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
หากใครซื้อ JR pass north Kyushu ไว้ก็สามารถใช้ได้เลยนะคะ
หลังจากถึงสถานีนางาซากิ เราก็พุ่งตรงไปยังร้านอาหารเพื่อกินข้าวก่อนออกเที่ยว แต่ๆร้านอาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะเปิดตอน 11 โมงนะคะ มีแค่ร้านเบอร์เกอร์ที่ขึ้นต้นด้วยตัว M ที่เปิด 24 ชั่วโมง
1
หลายๆคนที่เคยไปญี่ปุ่นอาจจะยังไม่เคยขึ้นรถราง วิธีขึ้นก็เหมือนรถบัส ขึ้นประตูหลัง ลงประตูหน้า ใครมีบัตร IC card ก็ติ๊ดตอนขึ้น ใครไม่มีบัตรก็จ่ายตอนลงโดยจะจ่ายเป็นเหรียญ
ใครไม่มีเหรียญก็จะมีตู้แลกเหรีญอยู่บนรถราง ตรงข้างๆคนขับและตรงท้ายรถรางก็มีนะคะ
Tram Station
📸 ที่แรกที่เราจะไปนั่นก็คือ สะพาน Meganebashi หรือสะพานแว่น
วิธีเดินทาง เราขึ้นรถรางสายสีแดงจากสถานีนาวงซากิ (27) ไปยังสถานี City Hall (45)
แล้วเดินไปข้ามถนนมาอีกนิดก็จะเจอกับสถานีรถรางสายสีเขียวใครอยากเดินจาก City Hall ไปก็ได้เพราะใกล้นิดเดียว แต่ถ้าใครไม่อยากเดินก็ขึ้นรถรางสายสีเขียวจาก City Hall (38) ไปยังสถานี Meganebashi Bridge (37) ได้เหมือนกัน เพียง 1 สถานีเท่านั้น
สะพาน Meganebashi เป็นสะพานหินที่มีทรงโค้ง 2 โค้ง เมื่อสะท้อนกับผิวน้ำก็จะมีลักษณะคล้ายแว่นตา
สะพาน Meganebashi
หลังจากถ่ายรูปกันเป็นที่น่าพอใจแล้วนั้น เราก็ออกเดินทางไปยังภูเขานาเบะคันโมริ เพื่อชมวิวเมืองนางาซากิกัน
📸 ภูเขานาเบะคันโมริ
วิธีเดินทางก็ไม่อยาก ขึ้นรถรางสายสีเขียว ไปยังสถานี Ishibashi (ซึ่งเป็นสุดสาย) ได้เลยค่ะ
ใครอยากแวะไชน่าทาวน์ก็สามารถแวะได้นะคะ เพราะผ่านสถานี Shinchi Chinatonw ด้วย
ลงจากรถรางก็เดินไปขึ้นลิฟท์ต่อค่ะ ขึ้นลิฟท์มาแล้วก็เดินต่อชมวิวไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
แล้วก็จะเจอกับจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นวิวของเมืองนางาซากิ และเกาะ Hashima หรือเกาะผีสิงได้ค่ะ
หลังจากเดินขึ้นเขากันจนเหนื่อย เราก็คิดได้ว่า ไม่ไหวแล้ว ไม่ควรไปต่อ จึงมองตากันแล้วพยักหน้า กลับกันเถอะ ใครอยากเที่ยวเยอะๆ พร้อมเหนื่อย เราก็ขอแนะนำ ภูเขาอินาสะ ค่ะ ได้ยินมาว่าจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกของที่นั่นสวยติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นเชียวแหละ
🚂 คุมาโมโตะ จังหวัดที่ 3 ที่เราจะพาทุกคนมาเที่ยวนั่นก็คือ คุมาโมโตะนั่นเองค่ะ
คุมาโมโตะ เป็นจังหวัดใหญ่ของคิวชู เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ นอกจากคุมะมงที่เป็นมาสคอตของจังหวัดแล้วนั้น
สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ปราสาทคุมาโมโตะ ปราสาทที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น
วิธีเดินทางไปคุมาโมโตะ นั้น หากเริ่มต้นจาก Hakata ก็ขึ้น Shinkansen Sakura Exp. จากสถานี JR Hakata มาลงที่สถานี Kumamoto ได้เลย
หรือหากใครเริ่มต้นจากนางาซากิ ก็ขึ้น Shinkansen Kamome exp. จากสถานีนางาซากิ ลงที่สถานี Shin Tosu แล้วเปลี่ยนไปขึ้น Shinkansen Sakura Exp. เพื่อไปลงที่สถานี Kumamoto ก็ได้ค่ะ
2
มาถึงคุมาโมโตะ เราไม่รอช้า เดินหาร้านอาหารกินเพราะหิวมากแม่
มาคุมาโมโตะ ต้องได้กินเนื้อม้า แต่พอถึงหน้าร้านจริงๆ ไม่มีใครกล้ากิน ได้แต่ส่งยิ้มบางๆให้กัน แล้วสั่งเนื้อเฉยๆมากินแทน
หลังจากท้องอิ่มก็ออกเดินทางได้…
1
🏯 ปราสาทคุมาโมโตะ
วิธีเดินทาง ขึ้นรถราง Kumamoto City Tram > จากสถานี JR Kumamoto นั่งรถรางมาลงที่ Kumamoto Castle แล้วเดินต่ออีกหน่อย ก็จะถึงค่ะ
ปราสาทคุมาโมโตะนั้น เป็นปราสาทที่สวยงานและเก่าแก่มากที่สุกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
ใช้เวลาในการก่อสร้างเจ็ดปี ปราสาทแห่งนี้ เป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “กินนันโจ” (ปราสาทกิงโกะ)หรือปราสาทแปะก๊วย
1
ในปี 2016 ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว ต้องปิดเพื่อบูรณะซ่อมแซมหลายจุด แต่ปัจจุบันก็สามารถเปิดให้เข้าชมได้แล้ว โดยมีค่าเข้า 800 เยนค่ะ
Kumamoto Castle
หลังจากเดินชมปราสาท ถ่ายรูป และซื้อของที่ระลึกเรียบร้อย เราก็เดินมาขึ้นรถรางย้อนกลับมา 1 สถานี เพื่อมาเดินช็อปปิ้งย่านช็อปปิ้งที่ครึกครื้น คึกคักของจังหวัดคุมาโมโตะ นั่นก็คือ Kamitori and Shinmotori street มีร้านค้าเยอะแยะมากกมายหลายแบบ ทั้งร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านปาจิงโกะ เดินเข้าร้านโน้นที ร้านนี้ที จนหมดวัน
🌸สุดท้ายนี้ใครอยาก เห็นบรรยากาศมากกว่านี้ สามารถกดลิ้งค์ช่อง YouTube ได้เลยนะคะ และเราหวังว่าทุกคนจะชอบกันนะ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า บ้ายบานค่ะ
โฆษณา