29 มี.ค. 2023 เวลา 23:58 • กีฬา

- ผีปืนในความทรงจำ -

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ อาร์แซน เวนเกอร์ เพิ่งจะได้รับมอบรางวัล 'ฮอลล์ ออฟ เฟรม' จากพรีเมียร์ลีกไปหมาดๆพอเห็นภาพแล้วความคลั่งฟุตบอลในยุคสมัยนั้นก็ทะลวงเข้ามาแบบไม่หยุด
ด้วยการที่ผมเติบโตขึ้นมาบนยุคสมัยการฟาดฟัน ชิงดีชิงบัลลังก์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล พอเห็นภาพอดีตกุนซือของทั้งสองสโมสรก็เล่นเอาอดยิ้มไม่ได้
มันมีทั้งความสุขและความทุกข์กับช่วงเวลาดังกล่าวแม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆไม่ถึง 10 ปีก็ตามหากเราดูตารางแชมป์ที่สลับเปลี่ยนผลัดเวียนของทั้งสองสโมสร
1998 : อาร์เซน่อล
1999 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
2000 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
2001 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
2002 : อาร์เซน่อล
2003 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
2004 : อาร์เซน่อล
ตลอดระยะเวลา 7 ฤดูกาลมันคือความยิ่งใหญ่ เกรียงไกร เกล่งกล้า ของสองกุนซือมันสมองแบบปฏิเสธไม่ได้จริงๆครับ
ช่วงระยะเวลาดังกล่าวทั้งสองทีมต่างมีตัวหลักที่โดดเด่นและภาพความทรงจำของแฟนบอลแทบจะทุกคนที่แว้บมาในหัวผมเชื่อว่าคือการปะทะกันของ รอย คีน และ ปาทริค วิเอร่า
ทั้งสองทีมขึ้นชื่อว่าเป็นขาโหด เป็นโคตรกัปตัน เป็นจอมทัพ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับทีม
เหตุการณ์ในอุโมงค์ ณ ไฮบิวรี่ ยังติดตาตรึงใจเสมอกับการที่ยังไม่ทันจะเริ่มเกมก็จะซัดกันเสียแล้ว
หากผมจำไม่ผิดมันเกิดขึ้นเพราะ คีน พยายามเข้าไปปกป้อง แกรี่ เนวิลล์ ที่เหมือนจะโดน วิเอร่า พยายามเข้ามาขู่มาบลัฟก่อนเกม
เมื่อกัปตันอีกทีมมาท้าทายมีหรือคนอย่าง คีน จะอยู่นิ่งๆไม่ตอบโต้อะไร
ผมว่าเหตุการณ์นี้มันซึมซับทำให้ แกรี่ มีความเป็นผู้นำสูงและมีความเหมาะสมกับตำแหน่งกัปตันทีมของ ยูไนเต็ด และเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีแบบไม่ขาดตกบกพร่องยามได้โอกาสลงสนาม
หรือจังหวะ 'ตะคอก' อันเป็นตำนานของ มาร์ติน คีโอว์น ใส่ รุด ฟาน นิสเตลรอย ก็เล่นเอาแฟนผีหัวร้อนไม่น้อย
ทุกๆจังหวะ ทุกๆเหตุการณ์มันคือแพสชั่นของเกมลูกหนังที่ผมเชื่อเลยว่าคงไม่ได้เห็นอีกต่อไปแล้วกับยุคทุนนิยมในปัจจุบันนี้
ไม่ใช่ว่านักเตะไม่รักสโมสร ไม่มีแพสชั่นอะไรนะครับ เพียงแต่ทุกคนรับรู้ในหน้าที่ของตัวเอง เล่นฟุตบอลกันไป การกระทบกระทั่งต่างๆที่เราเข้าใจกันว่าคือแพสชั่นให้สโมสรจึงถูกแสดงออกไปอีกแบบ ไม่ดิบ เถื่อน โหด เหมือนแต่ก่อน
ดังนั้นการที่ได้เห็นทั้งสองคนกลับมานั่งให้สัมภาษณ์ หรือพูดถึงกันและกันมันทำให้อดอมยิ้มไม่ได้จริงๆ
"งานของผมคือการส่งแฟนๆกลับบ้านด้วยความสุข" เซอร์ อเล็กซ์ กล่าวหลังได้รับมอบรางวัลอันทรงเกียรติ
"ประวัติศาสตร์ของ ยูไนเต็ด และความมุ่งมั่นของผมเองคือตัวผลักดันชั้นยอด หลังจากนั้นผมจึบค่อยๆพยายามพัฒนานักเตะทุกคนด้วยความมุ่งมั่นแบบเดียวกันเพื่อให้มั่นใจว่าเราจะออกไปและประสบความสำเร็จ"
"ผมรู้สึกว่า อาร์แซน ได้รับรางวัลที่เขาคู่ควรเพราะเขาเข้ามาเปลี่ยนแปลง อาร์เซน่อล โดยสิ้นเชิง"
"พวกเขากลายเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบและยากจะต่อกรด้วยซึ่งเราทั้งคู่ต่างต้องการชัยชนะซึ่งมันเป็นความทะเยอทะยานที่ทำให้เราต่างก้าวต่อไป"
"ตลอดหลายปีนับตั้งแต่เรารีไทร์ เราก็นัดทานข้าวเย็นกันบ่อยครั้งในร้านเล็กๆที่ สวิตเซอร์แลนด์ อาร์แซน รู้จักร้านนี้ดี เขาเป็นคนทีท่น่าสนใจและผมก็สนุกกับการาเจอเขานะ แต่ผมยังคงทำงานประจำของตัวเองนั่นก็คือการเลือกไวน์ !"
ขณะเดียวกัน เวนเกอร์ ก็กล่าวสั้นๆแต่ไได้ใจความว่า "ผมอยากเป็นคนที่ถูกรู้จักในฐานะคนรักอาร์เซน่อลที่เคารพคุณค่าสโมสรและออกจากตำแหน่งตอนที่สโมสรสามารถเติบโตและยิ่งใหญ่ได้"
"การได้แชร์รางวัลนี้ร่วมกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มันคือเกียรติสำหรับผมจริงๆ มันเหมือนกับนักมวยสองคนที่ซัดกันแบบบ้าคลั่งมาอย่างยาวนานแต่ในท้ายที่สุดคุณก็มีแต่ความเคารพและคือโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการเจอกับเขา, แชร์ไวน์ดีๆด้วยกันพร้อมกับความทรงจำการต่อสู้ของเราสองคน"
โฆษณา