10 เม.ย. 2023 เวลา 05:30 • ธุรกิจ

5 ประโยชน์ของการนำ e-KYC มาใช้งานกับธุรกิจ

บริการ e-KYC หรือการทำความรู้จักลูกค้า และยืนยันตัวตนผ่านทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์นั่นได้เข้ามามีบทบาทในการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น และมีประโยชน์ต่อธุรกิจหลากหลายด้านทั้งในมุมของการยกระดับการทำธุรกิจในยุค Digitization และยกระดับการให้บริการลูกค้า และการทำ Customer onboarding ในยุคดิจิทัล
e-KYC คืออะไร
KYC หรือ Know Your Customer คือการที่ธุรกิจต้องรู้จักตัวตนของลูกค้าที่มาทำธุรกรรมด้วย ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครทำธุรกรรมครั้งแรก และการยืนยันตัวตนเพื่อทำธุรกรรมในครั้งต่อๆไป ซึ่งทุกวันนี้มีข้อกฎหมายมากมายจากการป้องกันการฟอกเงิน
การป้องกันการสนับสนุนการก่อการร้าย หรือเป็นกฎที่ไว้คุ้มครองผู้บริโภคจากการทุจริต ที่บังคับให้ธุรกิจต้องมีการทำ KYC
ส่วนการทำ e-KYC หรือ electronic KYC นั้นก็คือการทำความรู้จักลูกค้า และลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนผ่านทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้นั่นเอง
การทำ KYC โดยทั่วไปต้องครอบคลุมถึง
  • การเก็บ และตรวจสอบความแท้จริงของหลักฐานเอกสารประกอบการยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน หรือ เอกสารที่ได้รับการรับรองสำหรับการยืนยันอัตลักษณ์
  • การตรวจสอบว่าลูกค้าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับในเอกสารนั้นหรือไม่
  • การเก็บข้อมูลการยืนยันตัวตนไว้อย่างปลอดภัย และสามารถนำมาใช้ได้เมื่อลูกค้ากลับมาทำธุรกรรมใหม่
การทำ e-KYC นั้น สามารถทำได้โดยใช้คนในลักษณะ Face-to-face ผ่านระบบ VDO conference แต่ในทุกวันนี้ การพิสูจน์ตัวตนทางไกลผ่านสมาร์ทโฟนโดยอัตโนมัติจากการใช้เทคโนโลยี AI สามารถทำได้ง่ายมากขึ้น เช่น การเทียบใบหน้าที่ถ่ายจากการเซลฟี่กับรูปถ่ายบนบัตรประชาชนว่าเป็นคนคนเดียวกันหรือไม่ แต่ในบางกรณีที่ธุรกรรมมีความเสี่ยงต่อความเสียหายมาก
อาจมีความจำเป็นต้องใช้วิธีที่รัดกุมมากกว่านั้น เช่น การต้องใช้ข้อมูลจาก dip chip ที่ฝังอยู่ในบัตรประชาชนเพื่อยืนยันว่าเป็นตัวบัตรประชาชนของจริง ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องอ่านพิเศษตามสาขาหรือตู้ให้บริการตามจุดต่างๆ
ทุกวันนี้ ประเทศไทยมีแพลตฟอร์มบริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (National Digital ID or NDID) ไว้ให้บริการโดยส่วนใหญ่เป็นธนาคารที่ได้รับอนุญาตการให้บริการการยืนยันตัวตนผ่านแพลตฟอร์มกลางของ NDID ซึ่งเริ่มจากการไปยืนยันตัวตนที่สาขาของธนาคารกับพนักงาน และใช้เครื่องอ่านบัตรประชาชนแบบเอนกประสงค์เพื่อทำการเก็บข้อมูลชีวมิติ ได้แก่ ใบหน้า และหลังจากนั้นสามารถทำการยืนยันตัวตนทางไกลผ่านการใช้ Smart device
เช่น สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตได้เลยโดยไม่ต้องไปที่สาขา ส่วนธุรกรรมบางอย่างที่ไม่ได้มีความเสี่ยงสูง การทำ e-KYC โดยอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI ที่ได้มาตรฐานสากลหรือมาตรฐานที่ยอมรับโดยทั่วไปอย่างเดียวก็อาจเพียงพอ
ขั้นตอนการทำ e-KYC
กระบวนการ e-KYC นั้นเป็นการเปลี่ยนกระบวนการของการยืนยันตัวตนให้มาอยู่ในรูปแบบดิจิทัล และสามารถยืนยันตัวตนแบบทางไกลได้ จากเดิมที่ต้องใช้ระยะเวลาเป็นสัปดาห์ในการตรวจสอบหลักฐานต่างๆในการยืนยันตัวตนเหลือเพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถยืนยันตัวตนได้สำเร็จ ทำให้ลดค่าใช้จ่าย และค่าเสียเวลาของพนักงาน รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย
ประโยชน์ของการนำ e-KYC มาใช้กับธุรกิจ
e-KYC มีประโยชน์หลากหลายด้านกับธุรกิจดังต่อไปนี้
1. ใช้งานง่าย และรวดเร็ว
ความง่ายในการใช้งานถือเป็นประโยชน์ข้อแรกของการนำ e-KYC มาใช้งานในธุรกิจ เนื่องจากเป็นกระบวนการในรูปแบบดิจิทัลที่ลูกค้าสามารถทำได้ด้วยตนเองผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ของบริษัท หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้แบบเรียลไทม์ เช่นการซื้อประกัน เป็นต้น
นอกจากนั้นอีกหนึ่งประโยชน์ของ e-KYC ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือความรวดเร็ว เนื่องจากข้อมูลพื้นฐานของลูกค้า เช่น ชื่อ-นามสกุล วันเกิด เพศ ที่อยู่ สามารถดึงข้อมูลได้จากฐานข้อมูล จึงช่วยลดเวลาการที่ลูกค้าจะต้องกรอกฟอร์ม รวมถึงลดเวลาที่พนักงานต้องกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มเข้าไปในระบบได้อีกด้วย
2. ลดระยะเวลาการ Onboarding และยกระดับประสบการณ์ลูกค้า
ธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆสามารถลดระยะเวลาในการที่ต้องขอข้อมูล และเอกสารต่างๆจากลูกค้าได้เป็นอย่างมากด้วยการสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง รวมถึงทำให้ลูกค้าสามารถเข้ามาใช้บริการต่างๆของสถาบันการเงินได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และยังสามารถสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการนำข้อมูลที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์
นอกจากนั้นสถาบันการเงินยังสามารถมอบประสบการณ์ในการให้บริการลูกค้าได้แบบคงเส้นคงวามากขึ้น และทำให้ลูกค้าพร้อมที่จะใช้บริการธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงิน หรือการซื้อขายหลักทรัพย์ ในขณะเดียวกันยังสามารถนำเสนอบริการในส่วนอื่นๆเพิ่มเติมได้อีกด้วย โดยมีรายงานจากการนำ e-KYC มาใช้งานสามารถลดต้นทุนในการเก็บข้อมูลไปได้ถึงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับแต่ก่อน
3. เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน และประหยัดค่าใช้จ่าย
การนำ e-KYC มาใช้งานช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับธุรกิจโดยทำให้ธนาคาร และสถาบันทางการเงินสามารถสร้างมาตรฐานและทำให้เทคโนโลยี กระบวนการการทำงาน ข้อมูล และรูปแบบองค์กรทำงานได้แบบอัตโนมัติ อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลมาใช้เป็นเหตุผลในการตัดสินใจทางด้านต่างๆ ทำให้แต่ละหน่วยงานทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น และลดการทำงานแบบซ้ำซ้อน รวมถึงลดขั้นตอนกระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพได้อีกด้วย
4. ลดความเสี่ยงในการปฏิบัติงาน
ลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการคีย์ข้อมูลเข้าไประบบแบบแมนนวล รวมถึงลดความซ้ำซ้อนในการคีย์ข้อมูลชุดเดิมเข้าไปในระบบต่างๆภายในองค์กร
5. เพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ
ด้วยการเปลี่ยนรูปแบบการยืนยันตัวตนมาเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-KYC รวมถึงข้อกำหนดในการปฏิบัติตามกฎระเบียบอื่นๆ และการปรับเปลี่ยนขั้นตอนการทำงานให้เป็นรูปแบบอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น ทำให้ธนาคารและสถาบันทางการเงินมีกระบวนการทำงานที่ไหลลื่นส่งผลทำให้ต้นทุนในการทำงานลดลง และเปลี่ยนรูปแบบในการ Onboarding ของลูกค้าให้มีความสะดวก และรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริง
Think AI Think AIGEN
อ่านบทความฉบับเต็มคลิก : https://bit.ly/3xm6rE7
ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการนำโซลูชัน AI-Powered e-KYC ไปใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจ
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AIGEN ได้ที่
· Facebook : AI GEN : ไอเจ็น
· Line : @aigen
โฆษณา