31 มี.ค. 2023 เวลา 07:19 • ความคิดเห็น
1) ผมขอนำเสนอ “คำสอน” ที่ผมชื่นชอบมากที่สุดเกี่ยวกับ
“การมีชีวิตอยู่”
ดังนี้ครับ
“ชีวิตนี้แม้น้อยนัก แต่ก็เป็นความสำคัญนัก สำคัญยิ่งกว่าชีวิตในอดีตและชีวิตในอนาคต ที่ว่าชีวิตนี้คือชีวิตนี้ คือชีวิตในชาติปัจจุบันนี้สำคัญ ก็เพราะในชีวิตนี้เราสามารถหนีกรรมไม่ดีที่ทำไว้ในอดีตได้
1
และสามารถเตรียมสร้างชีวิตในอนาคตให้ดีเลิศเพียงใดก็ได้ หรือตกต่ำเพียงใดก็ได้ ชีวิตในอดีตล่วงเลยไปแล้ว ทำอะไรอีกไม่ได้ต่อไปแล้ว ชีวิตในอนาคตก็ยังไม่ถึง ยังทำอะไรไม่ได้ เช่นนี้จึงกล่าวได้ว่าชีวิตนี้สำคัญนัก พึงใช้ชีวิตนี้ให้เป็นประโยชน์ ให้สมกับความสำคัญของชีวิตนี้
ชีวิตนี้น้อยนัก แต่มีความสำคัญนักด้วยเหมือนกัน ถ้าชีวิตนี้ไม่วิ่งหนีกรรมไม่ดีในอดีต ชีวิตนี้ก็จะรับผลกรรมไม่ดี ถ้าวิ่งหนีก็จะพ้นได้
กรรมไม่ดีจะตามทันหรือไม่ขึ้นอยู่กับชีวิตนี้ ยิ่งกว่านั้นถ้ากรรมตามทันในชีวิตนี้ ก็จะตามต่อไปได้อีกในชีวิตอนาคต กรรมไม่ดีที่ทำไว้ในอดีตมากมาย อาจจะตามไม่ทันตลอดไปก็ได้ ถ้าทำชาตินี้ให้ดีที่สุด
เมื่อชีวิตนี้น้อยนัก ผู้มีปัญญาสัมมาทิฐิก็คิดไปทางหนึ่ง ผู้เบาปัญญามีมิจฉาทิฐิก็คิดไปทางหนึ่ง
พวกผู้มีปัญญาคือความเห็นชอบก็จะคิดได้ว่าชีวิตนี้สั้นนัก อีกไม่เท่าไหร่ก็จะต้องตาย ตายแล้วก็เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ เอาไปได้ก็แต่บุญบาป หรือความดีความชั่วเท่านั้น พวกผู้มีปัญญาคิดเช่นนี้ จึงเร่งทำความดี”
ส่วนพวกผู้เบาปัญญามีมิจฉาทิฐิคือความเห็นผิดก็จะคิดว่าชีวิตนี้สั้น อีกไม่เท่าไหร่ก็จะต้องตาย มีวิธีใดจะให้ได้มา ซึ่งทรัพย์สินเงินทอง ก็ต้องรีบหา ไม่มัวคำนึงว่าจะผิดหรือถูก ถูกผิดก็ช่าง ให้ได้ก็พอใจ พวกผู้เบาปัญญาคิดเช่นนี้ จึงทำบาปทำความไม่ดีได้เสมอ
ชีวิตนี้สำหรับบุคคลสองประเภทดังกล่าวมีคุณมีโทษแก่สองฝ่ายแตกต่างกัน เป็นไปตามทิฐิคือความเห็นดังกล่าว
อย่าเป็นผู้มีมิจฉาทิฐิที่โฉดเขลาเบาปัญญาเลย เพราะจะทำชีวิตนี้ให้สูญเปล่า ไม่อาจหนีพ้นมือที่น่าสะพรึงกลัวแห่งกรรมไม่ดี ไม่อาจได้เข้าไปอยู่ในความโอบอุ้มทะนุถนอมของมือที่อบอุ่นแห่งบุญคือกรรมดี
โอกาสอันดีที่มีอยู่น้อยนักเพียงชั่วชีวิตอันน้อยนักนี้ก็จะผ่านไปอย่างไม่อาจเรียกกลับคืนได้ กรรมไม่ดีที่ทำไว้แน่ก็จะแห่ห้อมเข้าประชิด แล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในชีวิตนี้ ชีวิตของผู้ไม่รู้จักวิ่งหนีกรรม
ชีวิตนี้จึงน้อยนัก จะห่วงใยแสวงหาอะไรอีกมาในชีวิตนี้ ที่จะสำคัญกว่าการห่วงหาทางหนีมือแห่งกรรมที่ทำไว้มากมายในอดีตชาติ
1
มือแห่งกรรมร้ายใด ๆ ก็จะเอื้อมมาถึงไม่ได้ ถ้าชีวิตนี้วิ่งหนีได้เร็วกว่า และการจะวิ่งหนีให้เร็วกว่ามือแห่งกรรมนั้น จะต้องอาศัยกำลังบุญกุศลคุณงามความดีเป็นอันมากและสม่ำเสมอ กำลังความสามารถในการวิ่งหนีมือแห่งกรรมชั่วกรรมร้าย คือ การทำดีพร้อมกาย วาจา ใจ ทุกเวลา”
หนังสือ “ชีวิตนี้น้อยนัก”
พระธรรมเทศนา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
จาก นิทรรศการ พระชันษา ๑๐๐ ปี สดุดีพระสังฆบิดร
ณ อาคารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วัดบวรนิเวศ
2) ผมเพิ่งได้ชมภาพยนตร์ที่สร้างจากชีวิตจริงที่มีชื่อเรื่องว่า
“First Man”
ซึ่งเป็นเรื่องราวชีวิตจริงของนักบินอวกาศที่เป็นมนุษย์คนแรกที่ได้ประทับรอยเท้าบนพื้นผิวดวงจันทร์ และชื่อของท่านคือ
“Neil Armstrong”
ชีวิตของ Neil เป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ เขาสูญเสียลูกสาววัยกำลังน่ารักไปในขณะที่เขาทำงานร่วมกับ NASA
การเป็นนักบินอวกาศในยุคสมัยนั้น เป็นงานที่มีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องด้วยเทคโนโลยีในสมัยนั้นยังไม่เทียบเท่าความสามารถของเทคโนโลยีในสมัยนี้
ลองคิดดูสิครับว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดของ NASA ในยุคนั้น ยังมีความสามารถในการคำนวณ เทียบไม่ได้กับ iPhone เครื่องที่ผมถืออยู่ในมือเพื่อเขียนคำตอบให้กับคำถามนี้เลย!
1
Neil และเพื่อนร่วมทีม ต้องผ่านบททดสอบทั้งร่างกาย, จิตใจ และ สติปัญญามากมาย เพราะการปฎิบัติภารกิจในอวกาศนั้น มีสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้มากมาย
และความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจหมายถึง “ชีวิต”
อย่าว่าแต่ไปดวงจันทร์เลยครับ
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ Neil ต้องทำการบินทดสอบ “ยานต้นแบบ” ที่ต้องใช้ในการลดจอดบนดวงจันทร์
(Lunar landing)
แต่เครื่องเกิดขัดข้อง จน Neil ต้องสละยานโดยการกด “เก้าอี้ดีดตัว” เพื่อให้เขารอดชีวิตจากยานที่กำลังตก
ถ้าเขาตัดสินใจช้า หรือเก้าอี้ดีดตัวไม่ทำงาน เขาก็จะตกกระแทกพื้นโลกไปกับยานและอยู่ในกองเพลิงที่ลุกไหม้จากเชื้อเพลิงของยานที่ไวไฟสูงมาก!
และเขาต้องสูญเสียเพื่อนร่วมทีมไปถึงสามคน จากอุบัติเหตุไฟไหม้ในห้องจำลองของยานเพื่อใช้ในการฝึกซ้อมก่อนไปดวงจันทร์
หนำซ้ำ ในช่วงนั้นเศรษฐกิจของประเทศก็ไม่ดี จนมีผู้คนออกมาประท้วงที่ทางรัฐบาลนำเงินภาษีจำนวนมหาศาลไปใช้ในโครงการอวกาศ!
จนในที่สุด
วันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1969
Neil และเพื่อนร่วมทีมที่เหลือได้เดินทางเข้าสู่วงโคจรของดวงจันทร์ และขณะที่เขากำลังก้าวลงบันไดของยานสู่พื้นผิวของดวงจันทร์
Neil ได้กล่าวขึ้นว่า
“That's one small step for a man, one giant leap for mankind.”
ชีวิตเล็กๆของเขา คือ
“ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ!”
3) สำหรับผม
“ความหมายของชีวิต คือ การใช้ชีวิตให้มีความหมาย”
และ การใช้ชีวิตให้มีความหมาย คือ
“การมีชีวิตเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่น”
ซึ่ง “ผู้อื่น” ในที่นี้ก็คือ คนในครอบครัว, ญาติพี่น้อง, กัลยาณมิตร และท่านผู้มีพระคุณ
และผมเชื่อว่า
แนวคิดเช่นนี้
“นำความสุขที่แท้จริงมาให้!”
โฆษณา