31 มี.ค. 2023 เวลา 08:15 • ความงาม

แนะนำ มาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมคาง

มาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมคาง
ปัจจุบันนี้สาว ๆ หลายคนหันมาให้ความสนใจในเรื่องของ ” การทำศัลยกรรมคาง ” มากขึ้น เพราะเป็นวิธีที่ช่วยปรับปรุง และแก้ไขรูปหน้าที่ไม่ได้สัดส่วน ให้มีความสวยงามได้ดั่งต้องการ ทำให้ใบหน้าดูยาวเรียว และได้รูปมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาคางสั้น คางเหลี่ยม คางบุ๋ม หรือคางเบี้ยว ซึ่งเทคโนโลยีการทำคางในทุกวันนี้ ก้าวหน้าไปมาก ไม่ต้องดมยาสลบ ก็สามารถทำคางให้กลับมาเป็นปกติได้
ซึ่งสาว ๆ คนไหนที่อยากทำ ก็ควรหาข้อมูลและรายละเอียดของการทำให้ดี ๆ ก่อนนะคะ นอกจากจะต้องเลือกโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือแล้ว ก็ควรเลือกศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ จะได้เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้น
ใครบ้างที่เหมาะกับการเสริมคาง
การเสริมคางเหมาะกับผู้ที่มีปัญหา คางสั้น คางถอย คางตัด คางไม่ได้รูป หน้ากลม หรือ ผู้ที่เคยเสริมคางมาแล้วอยากแก้ ซึ่งปัญหาก่อนแก้คางมีได้หลายปัญหา บางคนคางเบี้ยว และยื่นออกมายาวเกินไป เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากความชำนาญของแพทย์ เช่น การจัดวางซิลิโคนไม่ถูกตำแหน่งจนคางดูผิดรูปร่างไม่ได้สัดส่วน และจากคนไข้
อาจชอบเท้าคาง ทำให้ซิลิโคนเคลื่อนจากตำแหน่งเดิมได้ หรือคนไข้ฉีดคางด้วยสารแปลกปลอกสลายออกไม่หมดทำให้คางเบี้ยวผิดรูปได้ปัญหานี้แก้ไขได้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินปัญหาและพูดคุยถึงความต้องการลูกค้าก่อนและออกแบบรูปคางให้ตรงกับความต้องการลูกค้า ซึ่งแต่ละเคสการแก้ไขไม่เหมือนกันความยากง่ายต่างกัน
เมโกะ ใช้เทคนิค Triple Natural Lock ไม่มีรอยแผล ไม่เห็นรอยต่อของซิลิโคน
การศัลยกรรมวิธีนี้ เป็นการผ่าตัดเปิดแผล ด้านในช่องปาก ตรงบริเวณเหงือกด้านในกับริมฝีปากล่าง ให้มีความยาวประมาณ 2 เซนติเมตร (หรือแล้วแต่ขนาดซิลิโคน) จากนั้นศัลยแพทย์ จะผ่าแยกเยื่อหุ้มบริเวณขอบล่างของคางออก แล้วจึงวางแท่งซิลิโคนเข้าไป ให้พอดีกับตำแหน่งที่ต้องการ หลังจากนั้นก็เย็บปิดแผลด้วยไหมละลาย ซึ่งวิธีการทำแบบแผลในปากเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูง
เพราะไม่ทำให้เห็นแผลเป็นภายนอก ที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัด เหมาะกับคนที่มีแผลเป็นนูนง่าย (คีลอยด์) แต่หลังการผ่าตัด ต้องดูแลแผลในปากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันแผลติดเชื้อจากน้ำลาย หรือเศษอาหาร รวมถึงควรระมัดระวังไม่ให้คางกระแทก จนซิลิโคนเคลื่อนผิดตำแหน่งได้ค่ะ
วิธีดูแลตัวเองหลังทำ
1. หลังผ่าตัดจะมีอาการบวม จึงควรประคบเย็นอย่างน้อย 48 ชั่วโมง โดยอาการบวมจะค่อย ๆ ลดลงประมาณ 2 สัปดาห์
2. หมั่นบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด น้ำเกลือ หรือนำยาบ้วนปาก ทุก 2–3 ชั่วโมง และทุกครั้งหลังอาหาร เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดในช่องปาก
3. ควรรับประทานอาหารที่เคี้ยวง่าย เช่น อาหารอ่อนหรืออาหารเหลว และหลีกเลี่ยงการขยับปากในช่วงแรก
4. หลังการผ่าตัดในภายในช่วง 2 สัปดาห์แรก ควรงดกิจกรรมที่ทำให้บาดแผลกระทบกระเทือน เช่น การวิ่ง กระโดด และห้ามเท้าคางเด็ดขาด
5. ช่วงแรก ๆ ให้นอนหงาย และหนุนหมอนสูง ๆ เพื่อลดอาการบวม และเลือดคั่ง
6. งดทานอาหารรสจัด อาหารร้อน ของหมักดอง และอาหารที่ต้องใช้แรงเคี้ยว รวมถึงงดของสุก ๆ ดิบ ๆ เพราะอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนได้
7. ดื่มน้ำมาก ๆ โดยควรใช้หลอดดูด เพื่อลดการขยับคาง
8. งดการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดสูบฉีดขึ้นใบหน้ามาก จะทำให้หน้าบวมได้
9. หากมีอาการผิดปกติจากการศัลยกรรม หรือสงสัยว่าตัวเองมีอาการผิดปกติ ควรมาไปพบแพทย์ทันที
อ่านต่อบทความ
โฆษณา