31 มี.ค. 2023 เวลา 17:00 • ความคิดเห็น
ผมชอบคำกล่าวที่ว่า
Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. If you love what you are doing, you will be successful.
Albert Schweitzer
2
1) ผมมอง “ความสำเร็จ” ว่าเป็นสิ่งที่เราต้อง “นิยามเอง”
ถึงแม้ผมจะเป็นผู้ที่สนใจในเรื่องเทคโนโลยีมากเพียงใด พอมาถึงเรื่องพื้นๆอย่าง
“การเลือกแปรงสีฟัน”
ผมยังคงเลือก “แปรงสีฟันธรรมดาๆ” และไม่เคยเปลี่ยนไปใช้ “แปรงสีฟันไฟฟ้า” เลย!
ถึงแม้แปรงสีฟันไฟฟ้าจะดู
“ล้ำกว่า, อัจฉริยะกว่า, premium กว่า”
อย่าที่ “นักโฆษณา” ชอบใช้คำข้างต้นเหล่านี้ในการสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าให้ดูน่าใช้ในสังคมบ้านเรา!
ทั้งนี้เป็นเพราะ
“การที่เรารู้จักตัวเอง, พอใจและภาคภูมิใจในตัวเอง, และรู้สึกขอบคุณที่ได้เป็นตัวเองและไม่ลังเลที่จะแสดงออกซึ่งความเป็นตัวเอง
2
คือ ความสำเร็จสูงสุดของชีวิตแล้ว!”
2
2) “ความสำเร็จคือการไม่หยุดพัฒนา”
แนวคิดของผมคือ
”Sharpen your life, like sharpening your knives”
กว่าจะได้ “มีดทำครัวคุณภาพสูง” มา วัตถุดิบที่เป็นก้อนโลหะต้องผ่านการคัดสรรมาอย่างดี
1
ต้องผ่านความร้อนเพื่อขับ impurities ออกและการทุบตีเพื่อขึ้นรูปนับครั้งไม่ถ้วน
จากนั้นก็ต้องได้รับการลับโดยช่างทำมีดที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และขัดให้ขึ้นเงาด้วยเทคนิคที่พิถีพิถันที่สืบทอดกันมานับหลายร้อยปี
จนกระทั่งได้ มีดซึ่งมีไว้ทำอาหารและเป็นงานศิลปะล้ำค่าในชิ้นเดียวกัน
ก็เปรียบได้กับชีวิตผู้คนที่ต้องฝ่าฟัน “อุปสรรค” นานับประการ ที่ทำหน้าที่คล้าย “หินลับมีด”
มีดยิ่งถูกลับกับหินลับมีดมากเท่าไหร่ ก็จะเพิ่ม “ความคม” และ “ฉายเงา” อันน่าเกรงขามมากขึ้นเท่านั้น!
ดังนั้นเมื่อวันเวลาผ่านไป ชีวิตเราแต่ละคนก็จะมี “คุณค่า” เพิ่มขึ้นตามกาลเวลาเช่นกัน!
ดังนั้นทุกๆวันที่เราตื่นขึ้นมา ก็จง “ลับมีดเล่มนั้น” ของคุณให้คมขึ้นและคมขึ้น เพื่อที่คุณจะได้ใช้มันสร้างสรรค์ชีวิตของคุณและคนรอบข้างให้มีคุณค่าได้อย่างสูงสุดต่อไป
1
”The Snowball Effect”
เป็นการเปรีบบเทียบในเชิงจิตวิทยาประมาณว่า
ครั้นลูกบอลหิมะลูกเล็กๆถูกกลิ้งลงมาจากยอดหน้าฝา
ลูกบอลหิมะลูกเล็กๆนั้น มันจะเริ่มมีเนื้อหิมะเข้ามาพอกเพิ่มขึ้นทุกๆระยะทางที่มันกลิ้งลงมา และลูกบอลหิมะที่ยังมีขนาดเล็กในตอนแรก ก็จะเริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะทางและเวลาที่มันกลิ้งลงมาจากหน้าผาสูง
เฉกเช่น ชีวิตของคนเราที่ได้ “สะสมประสบการณ์” มาอย่างยาวนาน จนกลายเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ในด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายๆด้าน
จนในที่สุด ลูกบอลหิมะลูกเล็กๆนั้น ได้กลายเป็นลูกบอลหิมะขนาดยักษ์ ที่ยากที่จะมีสิ่งใดจะมาหยุดยั้งได้!
ถ้าให้ผมสรุปคือ มันไม่สำคัญว่าคุณเริ่มต้นมาอย่างไร มันสำคัญอยู่ที่ว่า คุณก้าวมาไกลจากจุดเริ่มต้นของคุณแค่ไหน และคุณอยู่ห่างจากเป้าหมายของคุณเพียงใด
1
“Spend each day trying to be a little wiser than you were when you woke up. Day by day, and at the end of the day-if you live long enough-like most people, you will get out of life what you deserve.”
Charles T. Munger,
3) “ความสำเร็จที่ไม่ต้องตามใคร”
”Why join the navy if you can be a pirate?”
Steve Jobs,
ผมขอยกตัวอย่างดังนี้
Nonconformist ที่ผมอยากยกตัวอย่างในที่นี้คือคุณ Linus Torvalds ซึ่งสังคมทั่วไปอาจไม่รู้จักท่านอย่างที่ท่านควรจะได้รับเกียรติให้เป็นที่รู้จัก
LT คือ Software Engineer ชาว ฟินแลนด์ที่ทำให้ชาวโลกได้รู้จักและใช้ “ระบบปฎิบัติการ” หรือ Operating System ที่มีชื่อว่า
“Linux”
ถึงแม้ LT จะไม่ได้คิดค้นทุกชิ้นส่วนของ Linux แต่ท่านก็ทำให้มันได้แพร่กลายสู่วาสาธารณะชนจนถึงทุกวันนี้
Linux ถูกใช้ในเครื่อง Supercomputers ในหลากหลายวงการ รวมถึง Supercomputers ที่ใช้ พยากรณ์อากาศทั่วโลกและมันเปรียบเหมือนกับ “กระดูกสันหลัง” ของระบบเครือข่าย Internet ที่เราชาวโลกได้ใช้กันอยู่ในทุกวันนี้
ผมเข้าใจว่าระบบ Android บน smartphones ที่เราใช้กันอยู่ก็คือ Linux รูปแบบหนึ่ง
หรือแม้แต่ระบบ in-flight entertainment ที่เราใช้ชมภาพยนตร์จากหน้าจอที่ติดตั้งอยู่ตรงพนักพิงศีรษะของที่นั่งด้านหน้าเราบนเครื่องบิน ก็เป็น Linux รูปแบบหนึ่ง โดยผมเองเคยเห็นเครื่องที่ว่ากำลัง boot ขึ้นมาและบนหน้าจอระบุว่ามันเป็น Linux ชนิดหนึ่ง!
คือถ้าคุณอยากสัมผัส Linux อย่างง่ายๆ คุณลองไปที่เครื่อง Apple ที่ใช้ Mac OS แล้วกด icon ที่ชื่อว่า “Terminal” ดู แล้วคุณจะพบ “หน้าต่าง” สำหรับใช้พิมพ์คำสั่ง หรือ “command line” เพื่อใช้ติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งคล้ายๆระบบปฎิบัติการแบบ UNIX นั่นเอง!
โดยหาก LT คิดจะ “ทำเงิน” จาก Linux ผมเชื่อว่า เขาน่าจะเป็น “มหาเศรษฐี” คนหนึ่งในวงการ IT ได้อย่างสบายๆ และ Linux คงไม่ฟรี (โดยส่วนใหญ่ ) ดังเช่นทุกวันนี้ เหมือนกันกับที่
“ค่านิยมแห่งความสำเร็จ”
ด้วยการทำเงินเพื่อความร่ำรวยของกลุ่มธุรกิจ IT ส่วนใหญ่ทำกัน!
โฆษณา