• อาการภาพซ้อน จากปัญหา Divergence Insufficiency •

Divergence Insufficiency คือ ภาวะที่ตามีความสามารถในการเหลือบออกไม่เพียงพอ เนื่องจากคนที่มีปัญหา Divergence Insufficiency ตำแหน่งของตาจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ตรงเหมือนคนปกติ มองจากภายนอกอาจจะเห็นว่าตาตรงอยู่ แต่จริงๆแล้ว ตาของคนไข้จะมีการเขเข้าด้านใน ทำให้ร่างกายต้องสร้างแรงแรงหนึ่งเรียกว่า Negative Fusional Vergence หรือแรงชดเชยในการดึงตาออกมาดึงเพื่อให้ตายังคงตรงอยู่และช่วยรวมภาพให้เป็นภาพๆเดียว ไม่เห็นเป็นภาพซ้อน
แต่หากแรงดึงนั้นมีปริมาณที่ไม่เพียงพอ ก็จะทำให้มีอาการไม่สบายตาต่างๆ หรืออาการภาพซ้อนตามมาได้ เช่นเคสคนไข้ดังต่อไปนี้
คนไข้หญิง อายุ 31
จากการซักประวัติพบว่า
มีอาการมองไกลไม่ชัด เป็นมานานประมาณ 10 ปีแล้ว มองหน้าคนไกลๆไม่ชัดเลย ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยๆ
มีภาพซ้อนเมื่อมองไกล ภาพซ้อนอยู่ข้างกันแบบซ้ายขวา ปิดตา1ข้าง ภาพซ้อนจะหายไปเป็นตั้งแต่ตอนตื่นนอน เวลาขับรถมองเห็นรถบนถนนเป็น 2 คัน ต้องหลับตา1ข้างเวลาขับรถ เป็นมาประมาณ1ปีกว่าๆ
ไม่มีภาพซ้อนในระยะใกล้
ตอนนี้ใส่คอนแทคเลนส์รายเดือนอยู่ ดูแลทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์สม่ำเสมอ มีอาการตาแดงบ้างเวลามีฝุ่นเข้าตา อยากมาทำแว่นใหม่เพราะไม่อยากใส่คอนแทคเลนส์แล้ว
ไม่มีโรคประจำตัว
อาชีพพนักงานโรงงาน
ใช้smart phone ประมาณวันละ 4 ชั่วโมงแบบต่อเนื่อง
VA ตาเปล่า ( ความสามารถในการมองเห็นด้วยตาเปล่า )
OD ( ตาขวา ) : 20/400 @ 2m
OS ( ตาซ้าย ) : 20/400 @ 3m
Covert test ( เพื่อตรวจหาปัญหาตาเขตาเหล่ซ่อนเร้น ) : Esophoria @ distant & near มีปัญาตาเขเข้าซ่อนเร้นทั้งที่ระยะไกลและระยะใกล้
• ขั้นตอนการตรวจหาค่าสายตา
Retino scope ( หาค่าสายตาโดยดู reflec ที่สะท้อนออกมาจากดวงตาคนไข้)
OD : -3.00-1.00*180 VA 20/25
OS : -2.00-1.00*180 VA 20/25
Monocular subjective
OD : -3.25-1.50*15 VA 20/20
OS : -2.50-1.50*165 VA 20/20
Best Visual Acuity
OD : -3.50-1.50*15 VA 20/20
OS : -2.25-1.50*165 VA 20/20
• ขั้นตอนการตรวจกล้ามเนื้อตา : หาปริมาณ , ทิศทางของตาเหล่ซ่อนเร้น ( Phoria ) และแรงชดเชยในการเหลือบตาเข้าและออก ( Vergence )
Phoria & Vergence @ Distant 6 m
Phoria Horizontal : ตรวจรอบแรก 20 BO ตำแหน่งภาพยังไม่ตรงกัน
ตรวจรอบสอง 19 BO ภาพตรงกัน
ตรวจรอบสาม 20 BO ตำแหน่งภาพยังไม่ตรงกัน
Vergence : BI x / 24 / 2
BO 19 / Without break > 20 / -
Phoria Vertical : 0
Vergence Sup 3 / 1 R
Inf 3 / 1 R
Phoria & Vergence @ near 40 cm.
Phoria Horizontal : 14.5 BO
Vergence BI 6 / 14 / 4
BO 10 / 28 / 20
Phoria Vertical : 0
Vergence Sup 3 / 1 R
Inf 3 / 1 R
Gradient : 15 BO
AC/A ratio : 0.5 : 1
Associate Phoria : > 20 BO
Maddox rod : > 20 BO
• ขั้นตอนการตรวจการเพ่งของเลนส์ตา
NRA ( ความสามารถในการคลายการเพ่งของเลนส์ตา ) : +2.25
PRA ( ความสามารถในการเพ่งของเลนส์ตา ) : -0.75
BCC ( ค่า Addition ที่คนไข้ต้องการช่วยในการเพ่งให้เห็นชัดที่ระยะ 40 cm. ) : +0.50
จากผลการตรวจประเมินค่าต่างๆพบว่าคนไข้มีปัญหา Divergence Insufficiency
คือภาวะที่ตามีการเหลือบออกไม่เพียงพอ ในการมองที่ระยะไกล ดวงตาจะมีการ divergence หรือเหลือบออกเพื่อมองภาพ แต่ในคนไข้ที่เป็น Divergence Insufficiency มีการเหลือบออกไม่เพียงพอทำให้เกิดปัญหาในการมองเห็นภาพซ้อนได้
ในเคสนี้เนื่องจากมีปริมาณมุมเหล่มากจึงแนะนำให้ไปพบจักษุแพทย์ แต่เนื่องจากความไม่สะดวกของคนไข้ทำให้ยังไม่สามารถหาเวลาไปพบแพทย์ได้ จึงอยากได้แว่นที่สามารถใส่เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันไปก่อน
โดย trial lens ค่าสายตา OD : -3.75-1.00*15
OS : -2.50-1.00*165
เมื่อให้คนไข้ลองแว่น คนไข้บอกว่าภาพที่เห็นชัดขึ้น แต่ภาพซ้อนยังอยู่และชัดขึ้นกว่าเดิมทำให้รู้สึกลำบากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน จึงพิจารณาใส่เลนส์ปริซึมเพื่อช่วยลดอาการภาพซ้อน 9 PrismBaseOut เมื่อลองใส่ คนไข้บอกว่าภาพซ้อนหายไป แต่ความคมชัดลดลงมาจากเดิมนิดหน่อย ซึ่งเกิดจาก Aberration ของเลนส์ อธิบายให้คนไข้เข้าใจ ซึ่งคนไข้ยอมรับและโอเคกับค่าสายตานี้
ค่าสายตาที่จ่ายแว่น
เนื่องจากคนไข้มีปัญหา Divergence Insufficiency จึงจ่ายเป็นแว่นปริซึมเพื่อแก้ไข
OD : -3.75-1.00*15 Prism 4.5 BaseOut
OS : -2.50-1.00*165 Prism 4.5 BaseOut
การใส่ปริซึมไปในเลนส์จะทำให้เลนส์มีความหนาด้านใดด้านหนึ่ง จากภาพ คนไข้ใส่ปริซึม Base Out จึงทำให้มีความหนาในด้าน Temperal ของกรอบแว่นมากกว่าในด้าน Nasal ( ยิ่งปริมาณปริซึมมาก เลนส์จะยิ่งหนามาก ) ทั้งนี้การใส่ปริซึมเข้าไปในเลนส์เป็นการเลื่อนตำแหน่งภาพให้มาตรงกับตำแหน่งที่ตาของคนไข้กำลังมองอยู่ ทำให้ตาไม่ต้องใช้แรงในการรวมภาพมากเท่าเดิม จึงช่วยให้คนไข้รวมภาพได้ง่ายและสบายตามากขึ้น
ในวันที่มารับแว่น คนไข้ลองสวมแว่นแล้วบอกว่าไม่มีภาพซ้อนแล้ว ยังคงรู้สึกเห็นภาพหลอกตาอยู่เล็กน้อย ผ่านไป 1 วัน จึงโทรติดตามผลคนไข้บอกว่า ยังมีภาพหลอกตาอยู่เล็กน้อย แต่รู้สึกเวลามองอะไรแล้วไม่ต้องเพ่งมากเหมือนแต่ก่อน อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวอยู่บ้างแล้วอาการจะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ
หลังจากนั้น 1 อาทิตย์คนไข้สามารถใช้แว่นได้ตามปกติไม่มีปัญหาหรืออาการปวดตาใดๆ
ติดตามผลอีก 6 เดือน คนไข้ยังสามารถใช้แว่นได้เป็นปกติ และยังไม่มีปัญหาใดๆ
แก้ไขโดย
เลนส์ HOYA NULUX CLASSIC single vision index 1.60
กรอบแว่นตา Eyecosplay Handmade
Content by : Worada Saraburin , O.D.
Facebook Page : Vorada Optometry
Phone : 065-949-9550
โฆษณา