8 เม.ย. 2023 เวลา 00:02 • หนังสือ

เราอยากเป็นคนแบบไหน ให้อยู่ท่ามกลางคนแบบนั้น

ผมเคยถามใครหลายคนที่มีนิสัยบางอย่างแบบสุดโต่ง เช่น พูดหยาบมาก คิดลบมาก ว่า “ไม่คิดจะเปลี่ยนนิสัยเรื่องนี้บ้างเหรอ?” คำตอบที่ผมได้รับกลับมาก็คือ “ฉันเป็นคนแบบนี้ ฉันเปลี่ยนไม่ได้หรอก”
ผมเชื่อว่าหลายคนก็คงเคยได้ยินคำตอบในทำนองนี้เหมือนกัน เพราะบางคนเชื่อว่า “นิสัย” เป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด มันคือจิตวิญญาณของเรา และยิ่งเป็นนิสัยที่สุดโต่งด้วยแล้ว มันก็ไม่น่าจะเปลี่ยนกันได้
แต่ในหนังสือ “Atomic Habits” เขียนโดย James Clear ได้ท้าทายความเชื่อดังกล่าวจนกลายเป็นหนังสือขายดีครับ
ผู้เขียนให้คำนิยาม “นิสัย” ว่า “กิจวัตรหรือพฤติกรรมที่ทำเป็นประจำ หรือการตอบสนองที่เป็นไปอย่างอัตโนมัติต่อสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง” เมื่อดูจากนิยามแล้ว นิสัยก็เป็นเพียงพฤติกรรมอย่างนึงที่เราทำซ้ำ ๆ จนชิน
เช่น เราเจอปัญหาแล้วชอบพูดคำหยาบ เราร่วมวงสนทนาแล้วชอบพูดแทรก เราชอบกินของทอดเพื่อให้รางวัลตัวเองหลังออกกำลังกายไป 5 นาที! แต่มันไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในจิตวิญญาณของเราครับ ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนได้
ผู้เขียนเล่าเรื่องโรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ในเมืองบอสตันว่า ที่ห้องอาหารโรงพยาบาลขายน้ำอัดลมดีมาก อย่างที่เรารู้กันว่าน้ำอัดลมส่งผลเสียต่อสุขภาพได้หากดื่มเกินพอดี และมันไม่ควรจะเป็นที่นิยมเลยโดยเฉพาะในโรงพยาบาล
แพทย์ชื่อ Anne Thorndike จึงอยากปรับนิสัยการกินของคนในโรงพยาบาลครับ แต่เขาไม่ได้ใช้ความรู้ทางการแพทย์ หรือปริ้นท์ผลเสียของน้ำอัดลมมาแปะตามผนังเพื่อโน้มน้าวใครครับ
Anne และเพื่อนร่วมทีมของเขาแค่เอาน้ำเปล่าไปวางขายในห้องอาหารมากขึ้นตามจุดต่าง ๆ เช่น ในตู้ที่ขายน้ำอัดลม ชั้นวางใกล้แคชเชียร์ และจุดที่มองเห็นได้สะดวก
สามเดือนต่อมาอัตราการขายน้ำอัดลมในโรงพยาบาลก็ลดลง 11.4% ในขณะที่การขายน้ำเปล่าเพิ่มขึ้น 25.8% ผู้เขียนสรุปว่า “คนเรามักเลือกสินค้าไม่ใช่เพราะว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่เพราะมันอยู่ที่ไหนต่างหาก”
ถ้าคุณเดินเข้าห้องครัวแล้วเห็นคุกกี้วางอยู่ คุณก็อาจหยิบมันกินโดยไม่ได้หิวด้วยซ้ำ แล้วจริง ๆ คุณก็ไม่ได้อยากกินคุกกี้หรอก เพราะถ้าขนมที่วางอยู่เป็นมันฝรั่งทอด คุณก็อาจจะฉีกมันกินเหมือนกัน
ดังนั้นสิ่งแวดล้อมจึงเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของเราครับ เพราะงั้นถ้าเราอยากปรับนิสัยอะไร เช่น อยากฝึกเล่นกีตาร์ให้บ่อยขึ้น ก็ลองหากีตาร์มาไว้ในที่ที่เราใช้เวลาอยู่มากที่สุด ถ้าอยากเลิกสูบบุหรี่ ก็อย่าเพิ่งไปร้านเหล้า เพราะหากเราเห็นคนอื่นสูบแล้วเราจะอยากสูบตาม
เมื่ออ่านบทดังกล่าวจบ ผมก็ได้ข้อคิดออกมาครับว่า “ถ้าเราอยากเป็นคนแบบไหน ให้อยู่ท่ามกลางคนแบบนั้น” ผมว่าคนจำนวนมากมีเวอร์ชั่นของตัวเองที่เราอยากจะเป็นนะ แต่หลายครั้งเราชอบตัดสินตัวเองว่าเราเปลี่ยนไม่ได้ เราเกิดมาเป็นแบบนี้ หรือบางคนอาจดูถูกตัวเองว่าเราจะดีกว่านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนผู้คนที่อยู่รอบตัวดู เช่น สมมุติคุณอยากตอบคำถามเก่ง พูดเก่ง ให้ลองไปอยู่กับคนที่พูดเก่ง ๆ ตอบฉลาด ๆ ดูบ้าง เพราะเราอาจจะเห็นรูปแบบการพูดของเขาว่า อ๋อ เขาเริ่มด้วยปัญหา สาเหตุ แล้วก็ตามด้วยวิธีแก้ เวลาเขาจะต้องพูดในที่ประชุม เขาจะเตรียมตัวแบบนี้ ๆ แล้วคุณก็จะมีแนวทางเปลี่ยนนิสัยตัวเองมากขึ้น
จริง ๆ รวมถึงเรื่องอื่นด้วยนะครับ ถ้าอยากเป็นคนคิดบวกก็ลองอยู่กับคนคิดบวกดูว่าเขามองโลกยังไง อยากเป็นคนสุภาพก็ลองคุยกับคนสุภาพดู แล้วคุณอาจจะเห็นว่าเห้ย มันมีทางเลือกอื่น ๆ ในการพูดเหมือนกัน ไม่ใช่แค่คำหยาบเพียงอย่างเดียว แล้วคุณจะแปลกใจกับผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงครับ
ชื่อหนังสือ: Atomic Habits #AtomicHabits
ชื่อสำนักพิมพ์: #change
#igotthisfromthatbook #ฉันได้สิ่งนี้จากหนังสือเล่มนั้น
โฆษณา