เยอรมนีออกกฎหมาย ห้ามส่งอาวุธให้ยูเครนอีกต่อไปแล้ว
..
Boris Pistorius รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเยอรมนี กล่าวผ่าน Welt สถานีวิทยุในเยอรมนีว่า หลังจากนี้เยอรมนีจะไม่ส่งอาวุธเพิ่มเติมไปให้ยูเครนอีกต่อไปแล้ว
เหตุผลสั้น ๆ ง่าย ๆ ก็คือ เยอรมนีมีสต๊อคอาวุธขาดแคลนและไม่เพียงพอ
และคาดว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างนี้ไปจนถึงปี 2030
ดังนั้นเราจึงไม่สามารถส่งอาวุธให้ใครได้ จนกว่าตัวเลขสต๊อคอาวุธของเราจะมั่นคงได้ตามเป้าหมายเสียก่อน
Boris Pistorius กล่าวว่า สถานการณ์ความพร้อมของกองทัพเยอรมนีตอนนี้อยู่ในระดับต่ำมาก
เรามีเป้าหมายเพิ่มกำลังพลให้ได้ 200,000 นาย และใช้เงินจัดหายุทโธปกรณ์ใหม่อีก 130,000 ล้านยูโรให้ได้ ภายในปี 2030
ซึ่งทุกคนทราบดีว่า มันไม่ง่ายที่จะไปถึงจุดนั้น แต่เราจะพยายาม
ตามนโยบายสร้างกองทัพเยอรมนีใหม่ให้แข็งแกร่งของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลล์
เยอรมนี จะต้องเพิ่มสัดส่วนงบประมาณด้านกลาโหมให้ถึง 2% ของ GDP ตามนโนบายหลักของ NATO
โดยแผนการของโชลล์เกิดขึ้นหลังรัสเซียรุกรานยูเครนได้เพียง 3 วัน เขาก็ได้ออกมาประกาศตั้งงบลงทุนด้านกลาโหมมากถึง 100,000 ล้านยูโรอย่างเร่งด่วน
แต่สงครามผ่านมา 1 ปีแล้ว เยอรมนี เพิ่งใช้เงินไปได้เพียง 13,000 ล้านยูโรเท่านั้น
Boris Pistorius สารภาพว่า
สภาพกองทัพเยอรมนีปัจจุบัน เสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยสูง หากถูกโจมตีจากภายนอก
ทหารของเราบ่นเรื่องความขาดแคลน แม้แต่อุปกรณ์พื้นฐานอย่างเสื้อผ้า
หรือแม้แต่วิทยุสื่อสารของเราก็มีไม่เพียงพอใช้งาน
หากเกิดภัยจากการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมีหรืออาวุธชีวภาพ
จากคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่าง Boris Pistoriusในครั้งนี้
คงเป็นที่ยืนยันชัดเจนแล้วว่า การส่งรถถัง Leopard 2 ให้ยูเครนครั้งล่าสุดของเยอรมนี
น่าจะเป็นความช่วยเหลือด้านอาวุธครั้งสุดท้ายแล้วจริง ๆ จากเยอรมนี
หรือเปล่านะ?
แนวโน้มการตัดหรือลดความช่วยเหลือทางทหาร โดยเฉพาะอาวุธจากประเทศพันธมิตรหลายประเทศ คงจะเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะแต่ละประเทศเอง ย่อมต้องกังวลถึงระดับสต๊อคอาวุธของกองทัพตนเองเช่นกัน
ยิ่งในสภาวะที่เศรษฐกิจกำลังยอบแยบ การจัดหาอาวุธเพิ่มเติมมีราคาแพง ตามอัตราเงินเฟ้อและความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้น
ทุกคนคงต้องเน้นป้องกันบ้านตัวเองให้มั่นคงไว้ก่อน จะเป็นการดีกว่า ใช่ไหมล่ะ...
References;
ติดตามอ่านบทความได้ที่
- 17
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
