3 เม.ย. 2023 เวลา 00:30 • ข่าว

เปิดแฟ้มย้อนความโศกนาฏกรรมฝันร้ายของคนทั้งโลก 9/11

เหตุการณ์จี้เครื่องบินโดยสาร 4 ลำพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์กลางเมืองนครนิวยอร์กพุ่งชนเพนตากอนโดยมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวมากกว่า 3,000 ราย
วันที่ 18 กันยายน ปี 2544 เวลา 08:45 น. เครื่องบินโบอิ้ง 767 ของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ซึ่งได้บรรผู้คนทุกคนกว่า 87 ชีวิตและน้ำมันเครื่องบินอีกกว่า 20,000 แกลลอนถูกผู้ก่อการร้าย 5 คนยึดเครื่องและโจมตีพลีชีพโดยชนเข้ากับชั้น 80 ของตึกทางเหนือซึ่งสูง 110 ชั้นของเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ในรัฐนิวยอร์ก
จนเวลา 09:45น. ขณะที่ทั้งโลกกำลังจับตาโศกนาฏกรรมที่เวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ในนครนิวยอร์กเครื่องบินของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์เที่ยวบิน 77 ก็บินออกนอกเส้นทางวนรอบเมืองวอชิงตันดีซีก่อนที่จะพุ่งชนตึกฝั่งตะวันตกของอาคารเพนตากอน (กระทรวงกลาโหม/ศูนย์บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ)และเพราะน้ำมันเครื่องบินปริมาณมากทำให้ตึกสำนักงานใหญ่กระทรวงความมั่นคงสหรัฐบางส่วนถล่มลงมาและคร่าชีวิตเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือนไปมากกว่า 125 รายไปพร้อมๆกับผู้โดยสาร 64 รายของเที่ยวบิน 77 ด้วย
เหตุการณ์ดูเหมือนจะเลวร้ายถึงที่สุดแล้วแต่ไม่ถึง 15 นาทีหลังจากผู้ก่อการร้ายโจมตีใจกลางกองทัพตึกทางทิศใต้ของเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ซึ่งโดนชนจากเครื่องลำที่ 2 ก็พังทลายลงมาก่อนเพราะโครงสร้างอาคารรับความร้อนจากเชื้อเพลิงเครื่องบินไม่ไหว ทำให้เกิดฝุ่นควันจำนวนมหาศาลทั่วย่านนั้นจนเวลา 10.30 น. อาคารทางทิศเหนือของตึกแฝดก็ถล่มตามลงมาเหตุการณ์วันนั้นคร่าชีวิตผู้คนราว 2,763 รายโดย 343 คนในนั้นคือนักดับเพลิงและแพทย์ฉุกเฉิน และอีก 60 รายคือตำรวจที่เข้าไปช่วยอพยพคนที่อยู่ชั้นบนแต่พวกเขาออกมาไม่ทันตอนตึกถล่ม
ขณะเดียวกันเครื่องบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ไฟลท์ 93 ซึ่งถูกจี้หลังออกจากสนามบินนิวเจอร์ซีย์ 40 นาที ก็กำลังจะพุ่งชนเป้าหมายต่อไป แต่เพราะไฟลท์นี้เกิดการดีเลย์ ผู้โดยสารบนเครื่องจึงรู้ข่าวการก่อการร้ายที่นิวยอร์กและวอชิงตันผ่านโทรศัพท์มือถือและได้มีการติดต่อกับสนามบินภาคพื้นก่อน
ภาพเหตุการณ์ตึกถล่มทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากทั้งผู้คนชาวบ้านประชาชนปกติรวมถึงนักดับเพลิงแพทย์ฉุกเฉินตำรวจที่ช่วยอพยพผู้คน
เมื่อผู้ก่อการร้ายบอกว่าเครื่องลำนี้โดนจี้ กลุ่มผู้โดยสารและพนักงานบนเครื่องบินจึงวางแผนขัดขวางแผนก่อการร้าย โดยโทมัส เบอร์เน็ตต์ จูเนียร์ ผู้โดยสารคนหนึ่งโทรบอกกับภรรยาของเขาว่า “ผมรู้ว่าพวกเราน่าจะตายยกลำ แต่ตอนนี้มีพวกเราสามคนหละที่จะพยายามหยุดมัน ผมรักคุณนะที่รัก "
โดยขณะวางสายก็มีเสียงผู้โดยสารอีกคนชื่อทอดด์ บีมเมอร์พูดเข้ามาว่า "พร้อมกันรึยัง? มาลุยกันเถอะ" นอกจากนี้แซนดี้ แบรดชอว์พนักงานบนเครื่องบินก็โทรหาสามีของเธอและบอกเขาว่าเธอกำลังเติมน้ำร้อนใส่เหยือกไปสู้โดยคำพูดสุดท้ายของเธอคือ"ทุกคนกำลังวิ่งไปเฟิร์สคลาสละ ฉันต้องไปแล้ว บาย"
ผู้โดยสารเข้าไปต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายทั้งสี่คนโดยพังห้องนักบินด้วยถังดับเพลิงเข้าไป จากนั้นเครื่องบินก็พลิกตัวและพุ่งดิ่งพสุธาด้วยความเร็วสูงกว่า 500 ไมล์ต่อชั่วโมง จนพุ่งชนทุ่งในชนบทใกล้เมืองแชงค์สวิลล์ทางตะวันตกของรัฐเพนซิลเวเนียเวลา 10:10 น.
1
ทั้ง 44 ชีวิตบนเที่ยวบินไฟลท์ 93 ถูกสังหาร ซึ่งท้ายที่สุดทางการก็ไม่ทราบเป้าหมายที่ผู้ก่อการร้ายเล็งไว้ แต่ที่น่าเป็นไปได้ก็จะมีทำเนียบขาวใจกลางเมืองหลวงแคมป์เดวิดในแมรี่แลนด์ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนของประธานาธิบดีหรือไม่ก็โรงไฟฟ้านิวเคลียร์สักแห่งตามแนวชายฝั่งทะเลตะวันออก
เมื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆก็พบว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของกลุ่มก่อการร้ายอิสลามจากประเทศซาอุดิอาระเบียและชาติอาหรับอื่นๆโดยพวกเขาได้รับเงินสนับสนุนจากกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ของนายอุซามะ บินลาดินผู้ลี้ภัยชาวซาอุดีอาระเบียอีกทีโดยแรงจูงใจก็คือพวกเขาไม่พอใจที่อเมริกาเข้ามาสนับสนุนอิสราเอล และมามีส่วนร่วมในสงครามอ่าวเปอร์เซียรวมถึงการที่สหรัฐส่งทหารเข้ามาประจำการในตะวันออกกลางเรื่อยๆเลยด้วย
โดยผู้ก่อการร้ายบางคนเข้ามาอาศัยอยู่ในสหรัฐนานกว่า 1 ปีและเข้าเรียนที่โรงเรียนการบินพาณิชย์ของอเมริกาด้วย ส่วนคนอื่นๆได้แอบเข้ามาในอเมริกาในช่วงหลายเดือนก่อนเหตุการณ์วันที่ 11 กันยายนและทำหน้าที่ปฏิบัติการตามแผนการที่วางไว้ให้ผู้ก่อการร้าย 19 คนลักลอบนำมีดผ่าน Security ที่สนามบินฝั่งตะวันออก 3 แห่ง
และขึ้นเที่ยวบิน 4 เที่ยวที่มุ่งหน้าไปยังแคลิฟอร์เนียเพราะรู้ว่าเครื่องบินจะมีเชื้อเพลิงเยอะสำหรับเดินทางไกล โดยหลังจากเข้าควบคุมเครื่องบินทั้ง 4 ลำได้ก็ไม่ยากแล้วที่เปลี่ยนเครื่องบินธรรมดาให้กลายเป็นจรวดนำวิถี
จนเวลา 21.00 น. ภายหลังการเดินทางไปตามที่ต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงแผนการลอบสังหาร ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็ออกประกาศทางโทรทัศน์ว่า " การโจมตีของผู้ก่อการร้ายสั่นคลอนฐานรากของตึกที่สูงที่สุดของเราได้ แต่มันไม่สามารถสั่นคลอนรากฐานของอเมริกาได้ "
ในวันที่ 7 ตุลาคม อเมริกาจึงเริ่มปฏิบัติการขับไล่กลุ่มก่อการร้ายตะลิบันในอัฟกานิสถานและทำลายเครือข่ายก่อการร้ายของอุซามะ บินลาดินที่ตั้งอยู่ที่นั่นได้ภายใน 2 เดือน
แต่สงครามกับกลุ่มก่อความไม่สงบตะลิบันในปากีสถานนั้นยืดเยื้อและดำเนินมาอย่างยาวนานเป็น 10 ปีนอกจากนี้ผู้ที่เป็นคนคิดแผนการก่อการร้ายวันที่ 11 กันยายนและเป็นผู้นำกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ที่ชื่อว่า"คาลิด ชีค โมฮัมเหม็ด" ซึ่งโดนซีไอเอและหน่วยงานของปากีสถานจับกุมในวันที่ 1 มีนาคม ปี 2546 ก็โดนสอบสวนโดยใช้วิธีการอันป่าเถื่อนเพื่อรีดข้อมูลถึงที่อยู่ของบินลาดิน แต่เขาก็ไม่ปริปาก
1
จนวันที่ 2 พฤษภาคม ปี 2554 อุซามะ บินลาดินก็ถูกกองกำลังสหรัฐติดตามเจอและลอบสังหารในที่หลบภัยในเมืองอับบอตตาแบด ประเทศปากีสถาน สุดท้ายประธานาธิบดีบารัค โอบามา จึงประกาศถอนกำลังทหารสหรัฐจำนวนมากออกจากอัฟกานิสถานในเดือนมิถุนายน ปี 2554 เหตุการณ์ครั้งนี้นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงมากมายในสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะด้านการเฝ้าระวังการก่อการร้าย ทั้งการก่อตั้งกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและมีการสอดแนมประชาชนผ่านเครื่องมือสื่อสารของ NSA หรือ National Security Agency
ซึ่งท้ายสุด NSA ก็ถูกเปิดโปงโดยอดีตเจ้าหน้าที่ NSA เอ็ดเวิร์ด สโนว์เด็น ทำให้ทุกวันนี้อเมริกาถกเถียงกันหนักมากในประเด็น "privacy vs security" อย่างที่เราทราบๆกันทุกวันนี้
สามารถติดตามเพจเพื่อรับข่าวสารใหม่ๆ
ROSALIE POST
โฆษณา