4 เม.ย. 2023 เวลา 01:00 • ธุรกิจ

ชานมไข่มุก ปังเว่อร์มากในอิตาลี และยุโรป

ชานมไข่มุก เครื่องดื่มที่ทำจาก ชา,นม และไข่มุกจากมันสำปะหลัง คิดค้นขึ้นโดยบริษัทไต้หวันและนำเข้าสู่สหรัฐอเมริกาในทศวรรษแรกของปี 2000 จนเผยแพร่กระจายอย่างรวดเร็วทั้งในเอเชียและอเมริกาเหนือ ผู้นำความสำเร็จคือ กลุ่มประเทศเอเปค (ไต้หวันและเวียดนาม) ซึ่งยังคงมีบทบาทสำคัญและและครอบคลุมส่วนแบ่ง 35% ของตลาดโลก หากดูจากปริมาณ จุดขายที่ใหญ่สุด ตลาดซีกโลกตะวันออกคือ จีน มีจุดขายจำนวน 480,000 แห่ง ส่วนตลาดซีกโลกตะวันตกคือ สหรัฐอเมริกา คาดการณ์ว่าจะมีจุดขายถึง 5,000 แห่ง ในปี 2567
ปัจจุบันตลาดชานมไข่มุกโลกมีมูลค่า 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และภายใน 5 ปีข้างหน้าคาดว่ามูลค่าน่าจะเกิน 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ประมาณ 7.8% เครือข่ายยี่ห้อดังของเอเชีย (เช่น Chatime, CocoFresh Tea & Juice และ Tealive) ได้เข้าเจาะตลาดยุโรปแล้วและมีแผนมาลงสนามแข่งกับยี่ห้อที่เกิดในอิตาลีอีกไม่นาน
นอกจากนี้ ในปี 2563 บริษัทเครือข่ายเอเชีย Gong Cha ได้เข้าสู่ตลาดยุโรปแล้วด้วยระบบแฟรนไชส์และปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Jollibee Food Corporation (JFC) ผู้นำตลาดอาหารจานด่วนของเอเชีย ได้เข้าซื้อกิจการส่วนใหญ่ (51%) ของ Taiwanese Milkshop International และเปิดบาร์ชานมไข่มุกยี่ห้อ Milksha ประมาณ 250 แห่งทั่วโลก (มูลค่ารวม 12.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
จากผลการวิจัยตลาดของ Cross Border Growth Capital บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำในอิตาลีด้านการลงทุนและสนับสนุนด้านการเงินสำหรับการสตาร์ทอัพและ SME กล่าวว่า Bubble Tea เป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงและเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจทั้งในอิตาลีและในยุโรปประเทศอื่นๆ
อิตาลีในปัจจุบันมียอดขายประมาณ 30 ล้านยูโร และคาดว่าจะมีมูลค่า 95 ล้านยูโร ภายในปี 2570 การขับเคลื่อนการเติบโตคือ เครือข่ายแฟรนไชส์ที่กระจายตัวอย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จในช่วงล็อกดาวน์ที่เน้นการจำหน่ายด้วยช่องทาง Delivery และอีคอมเมิร์ซ ประมาณการการเติบโต (CAGR) สำหรับประเทศในยุโรปในช่วงปี 2563 ถึง 2570 จึงสูงกว่าตลาดโลกและอยู่ที่ 8.7% ต่อปี เนื่องจากยังเป็นตลาดที่เปิดตัวได้ไม่นาน
1
ชานมไข่มุกเป็นสินค้าแปลกใหม่ที่ยังเข้าถึงผู้บริโภคในอิตาลีเพียงบางส่วน คงจำกัดอยู่เฉพาะในเมืองใหญ่และเมืองเล็กๆที่มีความหนาแน่นของประชากรสูง ได้แก่ มิลาน โรม โบโลญญ่า ตูริน และฟลอเรนซ์ที่คิดเป็น 72% ของตลาดทั้งหมด ปัจจุบันมีจุดขายรวมกันทั่วประเทศประมาณ 160 แห่ง ผู้บุกเบิกตลาดชานมไข่มุกในอิตาลี มีดังนี้.....
Frankly - Bubble Tea and Coffee
1. แพลตฟอร์ม Mamacrowd เปิดตัวชานมไข่มุกยี่ห้อ Frankly - Bubble Tea and Coffee ก่อตั้งในปี 2559 โดยนาย Franco Borgonovo ร่วมกับนาย Lati Ting (ชาวฮ่องกง) ในปี 2564 มีจุดขาย 9 แห่งและยอดขาย 2.3 ล้านยูโรผลประกอบการในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 7.5 ล้านยูโร
ปัจจุบันได้เงินลงทุนหนึ่งล้านยูโรจากกองทุน Alicrowd 2 จากการระดมทุนและจากหุ้นส่วนจำนวนมาก เงินทุนนี้ จะใช้ในการพัฒนาธุรกิจระบบดิจิทัล สร้างฐานและระบบความภักดีของลูกค้าให้มั่นคงขึ้นและเพื่อขยายทีมงานรองรับการขยายตัว ให้มีจุดขายเพิ่มขึ้นเป็น 33 แห่งในเวลาสองปีข้างหน้า อีกทั้งมีแผนการขยายสาขาเข้าสู่ตลาดยุโรปอื่นๆ ภายในปี 2568
Frankly - Bubble Tea and Coffee
นอกจากนี้ บริษัทยังจัดจำหน่ายชุดอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ ส่วนผสม ชา สำหรับชา นมไข่มุก DIY (Do It Yourself) พร้อมคำแนะนำในการทำอีกด้วย เพื่อให้ผู้บริโภคได้สร้างสรรค์เครื่องดื่มที่ตนเองชื่นชอบและเพลิดเพลินกับการลองทำสิ่งใหม่ๆ....
Bobble Bobble
2. เครือข่ายที่มีการเติบโตไม่แพ้กันคือ ยี่ห้อ Bobble Bobble เกิดที่เมือง Luca ในปี2560 ผู้ก่อตั้งได้แก่ นาย Simone Simonelli และ นาย Nicolò Ossino ปัจจุบันมีจุดขาย 22 แห่ง (โดย 18 แห่งเป็นแฟรนไชส์) ในปี 2562 มียอดขาย 400,000 ยูโร เพิ่มขึ้นเป็น 900,000 ยูโร ในปี 2564 และกลายเป็น 3 ล้านยูโร
ในปี 2565 นอกจากนี้ บริษัทใช้ช่องทางฝากขายตามสถานที่ต่างๆ ด้วยยอดขายอีกประมาณ 10 ล้านยูโร ในปี 2565
Bobble Bobble
การเติบโตที่ประสบความสำเร็จเป็นผลมาจากการพัฒนาเครือข่ายที่กระจายตามสถานประกอบการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเกือบทั้งหมดตั้งอยู่นอกเมืองใหญ่เพื่อให้เข้าถึงตลาดผู้บริโภคท้องถิ่นและมีแผนเปิดอีก 12 แห่ง ภายในสิ้นปี2565 (ครึ่งหนึ่งเป็นระบบแฟรนไชส์)
ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 บริษัทฯได้ก่อตั้งโรงงานแห่งแรกในยุโรปเพื่อทำการผลิตส่วนผสมสำหรับชานมไข่มุก (เช่น น้ำเชื่อมและเม็ดไข่มุกหลากรสผลไม้) ซึ่งนอกเหนือจากมันสำปะหลังแล้วมีการใช้วัตถุดิบในประเทศอิตาลีเท่านั้น เนื่องจากในปี 2562 บริษัทประสบกับปัญหาด้านการจัดหาวัตถุดิบจากไต้หวันและการขนส่งที่ราคาไม่แน่นอน ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นและต้องรอสินค้าเป็นเวลานาน จนบริษัทฯต้องปิดจุดขายบางแห่งลงเพราะขาดวัตถุดิบ
Bobble Bobble
หลังจากเปิดโรงงานได้เพียง 6 เดือน บริษัทฯสามารถเป็นซัพพลายเออร์ให้เครือข่ายแฟรนไชส์ ทุกยี่ห้อและผู้ประกอบการในเครือโฮเรก้า (Horeca) หลังจากเปิดตัวได้ไม่ถึงปี โรงงานในจังหวัดลูกา สร้างมูลค่าการค้า 250,000 ยูโรและไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด บริษัทจึงตัดสินใจลงทุนเพิ่มเติมอีก 600,000 ยูโรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็นสิบเท่าเครื่องจักรใหม่จะเริ่มทำงานในเดือนกันยายน และจะมีผลิตเต็มกำลังในปี 2566 หลังจากนี้ เป้าหมายต่อไปคือ การเปิดตัวสายการผลิตสำหรับแปรรูปมันสำปะหลังเองในอิตาลี....
Mistertea
3. ยี่ห้อ Mistertea เป็นบริษัทชานมไข่มุกอิตาลีรายแรกที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 โดยนาง Antonella Sinigaglia และในปี 2563 มีมูลค่าการขายกว่า 300,000 ยูโร ในขณะที่สามไตรมาสแรกของปี 2564 มียอดขายเพิ่มขึ้น +150% โดยมียอดขายเครื่องดื่มมากกว่า 200,000 แก้วต่อปีมีสาขา 3 แห่งในเมืองมิลาน เป้าหมายในปี 2564 คือ การปลอดพลาสติก โดยปกติแล้ว ชานมไข่มุกและเครื่องดื่มอื่นๆจะเสิร์ฟในแก้วน้ำพลาสติกพร้อมหลอดดูด
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ MisterTea ได้ตัดสินใจเริ่มเสิร์ฟผลิตภัณฑ์ของตนในแก้วที่ทำจากวัตถุดิบรีไซเคิล (Pla) ซึ่งเป็นพลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพที่ยังคงความโปร่งใสของแก้วไว้ได้และใช้หลอดทำจากกระดาษที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพเช่นกัน ทั้งนี้คาดว่าจะมีการเปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษ 200,000 หลอดในหนึ่งปีเทียบเท่ากับการลดพลาสติกประมาณ 600 กก. นอกจากนี้ ยังให้ส่วนลดเล็กน้อยสำหรับการนำภาชนะมาซื้อเครื่องดื่มเอง
Mistertea
นอกจากร้านจำหน่ายชานมไข่มุกโดยเฉพาะแล้ว ชานมไข่มุกยังสอดแทรกอยู่ในสถานประกอบการประเภทร้านอาหาร บาร์ ฯลฯ ตัวอย่างเช่น บาร์เทนเดอร์ Francesco Menozzi ในร้านอาหารฮ่องกง Hekfanchai ในเมืองมิลาน ได้คิดค้นชานมไข่มุกผสมแอลกอฮอล์ที่ทำจากจินโทนิค มะกรูด มะนาวเค็มบดและท็อปปิ้งหน้าด้วยโซดามะนาวหรือใน สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในการดื่มชาไข่มุกชั้นเยี่ยมในมิลานอย่าง Chateau Dufan ร้านอาหารเทมปุระและติ่มซำ เป็นร้านแรกๆ ที่นำเครื่องดื่มชานมไข่มุกมาสู่เมืองมิลาน
Mistertea
ความคิดเห็นจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน
1. ชานมไข่มุกมีส่วนผสมหลากหลายที่ลงตัวและไม่มีขีดจำกัดในการสร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มที่กำลังมาแรง และเป็นที่ต้องการของตลาด เนื่องจากสีสันชวนลอง ความอร่อยและนุ่มของเม็ดมันสัมปะหลังและเหมาะสำหรับทุกรสนิยม โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและนักท่องเที่ยว
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน จึงเห็นว่าน่าจะสามารถผลักดันให้ร้านอาหารไทยในอิตาลี นำเข้าชาและส่วนผสมชานมไข่มุกจากไทย และสอดแทรกเป็นเมนูเครื่องดื่มที่น่าลิ้มลองและอาจนำสมุนไพรและผลไม้มาผสมในสูตรเพื่อเสนอเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้
2. ตลาดชานมไข่มุกในอิตาลียังเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากเป็นสินค้าที่เข้ามาในตลาดได้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังต้องมีการพัฒนาด้านวัตถุดิบอีกมาก จึงเป็นโอกาสดีสำหรับการลงทุนทั้งในเรื่องการทำธุรกิจแฟรนไชส์และในการจัดหาวัตถุดิบต่างๆ ที่ยังจำกัดในวงแคบ แม้บางรายการสามารถผลิตได้แล้วในอิตาลีก็ตาม เนื่องจากตลาดแฟรนไชส์ของไทยที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องดื่มชานมไข่มุกก็มีจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสอันดีหากผู้ประกอบการไทยสนใจลงทุนขยายแฟรนไชส์หรือทำธุรกิจเครื่องดื่มชานมไข่มุกในอิตาลี
ล่าสุดเว็บไซต์ tasteatlas ก็ยังจัดอันดับให้ชาเย็นหรือชานมเย็นของไทย (Thai Iced Tea) เป็นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่มีรสชาติดีที่สุดในโลกในอันดับ 7 จากทั้งหมด 100 อันดับ จึงเป็นโอกาสอันดีในการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคในอิตาลีได้รู้จักชาไทยมากขึ้น
3. ผู้ประกอบการไทยสามารถร่วมลงทุนในธุรกิจเครื่องดื่มดังกล่าวกับนักธุรกิจชาวอิตาเลียนและสามารถนำวัตถุดิบที่มีคุณภาพที่ไทยมีศักยภาพในการนำเสนอ เช่น ชาไทยที่มีกลิ่นหอม ชาเขียว ชามะลิ เป็นต้นหรือชากลิ่นผลไม้ใหม่ๆ เช่น มะพร้าวน้ำหอม มะม่วง ทุเรียน เสาวรส เผือก เป็นต้น รวมถึงท็อปปิ้งแปลกใหม่ ที่ทางเอเชียจะมีหลากหลายกว่าและมีศักยภาพดีหากมีการนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจ
Reference :
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน
Frankly - Bubble Tea and Coffee, Bobble Bobble, Mistertea
โฆษณา