4 เม.ย. 2023 เวลา 03:30 • ธุรกิจ

เทคนิคการบริหารเงินของ ลี กาชิง มหาเศรษฐีรวยที่สุด ในฮ่องกง

1,274,000,000,000 บาท คือ มูลค่าทรัพย์สินของ
“คุณลี กาชิง” หรือ “Li Ka-shing” ชายผู้ร่ำรวยที่สุด
ในเกาะฮ่องกง
รู้หรือไม่ว่า ก่อนที่ คุณลี กาชิง จะร่ำรวยอย่างทุกวันนี้ได้นั้น เขาเคยต้องหยุดเรียน เพื่อมาทำงานในโรงงานพลาสติก เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ตั้งแต่อายุเพียงแค่ 15 ปี
คุณลี กาชิง ขยันสร้างเนื้อสร้างตัว จนก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของธุรกิจหลากหลายประเภท ตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์, สื่อสารโทรคมนาคม ไปจนถึงค้าปลีก
1
โดยความสามารถในการทำธุรกิจอันยอดเยี่ยมของเขา ทำให้ คุณลี กาชิง ได้รับฉายาว่า “ซูเปอร์แมน”
 
นอกจากนี้เอง คุณลี กาชิง ยังเคยให้คำแนะนำด้านการบริหารจัดการเงินสำหรับคนธรรมดาไว้ด้วย
แล้วคำแนะนำจาก คุณลี กาชิง มีอะไรบ้าง ?
BillionMoney จะสรุปให้ฟัง แบบง่าย ๆ
คุณลี กาชิง แนะนำว่า เราควรแบ่งเงินที่ได้ในแต่ละเดือน ออกเป็น 5 กอง สำหรับใช้จ่าย 5 วัตถุประสงค์
โดยเงินในแต่ละกองจะถูกแบ่งเป็นสัดส่วน ดังนี้
กองที่ 1 แบ่งไว้ 30%
กองที่ 2 แบ่งไว้ 25%
กองที่ 3 แบ่งไว้ 20%
กองที่ 4 แบ่งไว้ 15%
กองที่ 5 แบ่งไว้ 10%
1
แล้วแต่ละกองจะถูกใช้จ่ายในด้านไหนบ้าง ?
กองที่ 1 คือ เงิน 30% สำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
เงินในกองนี้เอาไว้ใช้จ่ายสำหรับค่ากินอยู่ ค่าเดินทางไปทำงาน และค่าที่พักอาศัย
นอกจากนี้ คุณลี กาชิง ยังเคยให้คำแนะนำสำหรับเรื่องการกินแบบใช้เงินไม่มาก แถมอิ่มท้อง สำหรับคนที่เริ่มทำงานได้ไม่นาน และมีงบไม่มากนัก
- มื้อเช้า: วุ้นเส้น ไข่ และนม
- มื้อกลางวัน: ขนม และผลไม้
- มื้อเย็น: ทำอาหารกินเอง กับผัก 2 จาน
- ก่อนนอน: นม 1 แก้ว
4
ซึ่งแม้ในช่วงแรกจะดูลำบากหน่อย แต่ในปีต่อ ๆ ไป
เมื่อรายได้ของเรามากขึ้น เราก็สามารถมีการกินอยู่ที่ดีขึ้นได้
กองที่ 2 คือ เงิน 25% สำหรับการลงทุนด้านการเงิน
2
ในช่วงแรกให้เก็บออมเงินก้อนหนึ่ง เพื่อนำไปสร้างธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง ต่อให้ธุรกิจของเราจะเจ๊ง ก็ไม่เป็นไร เพราะเงินที่เรานำไปลงทุนเป็นจำนวนที่ไม่ได้มากมาย
แต่ถ้าธุรกิจนั้นประสบความสำเร็จด้วยดี ก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้เรามีกำลังใจ มีรายได้ และมีความเชื่อมั่น
1
ทั้งนี้ ไม่ว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม การที่เราได้ลงมือสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง ก็นับเป็นประสบการณ์ และบทเรียนอันมีค่าแก่เราทั้งนั้น
หลังจากที่เราได้เริ่มทำธุรกิจแล้ว เราก็ควรเริ่มลงทุนระยะยาว เพื่อสร้างหลักประกัน และความมั่นคง
ให้กับตัวเราและครอบครัว
ซึ่งการลงทุนนี้ก็จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับเราได้ว่า ต่อให้อะไรจะเกิดขึ้นก็แล้วแต่ในอนาคต เราก็จะมีเงินเพียงพอ และคุณภาพชีวิตที่ไม่ตกต่ำลง
กองที่ 3 คือ เงิน 20% สำหรับสร้างคอนเน็กชัน
เงินในกองนี้จะใช้จ่ายเป็นค่าโทรศัพท์ในการสื่อสาร และค่าเลี้ยงอาหารเพื่อน
โดยคุณลี กาชิง แนะนำให้เลี้ยงอาหารเพื่อน ที่มีความรู้มากกว่าเรา หรือมีฐานะร่ำรวยกว่าเรา หรือสามารถช่วยเราในเรื่องหน้าที่การงานได้ อย่างน้อย 2 มื้อต่อเดือน
เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มคนเหล่านี้ จะสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับตัวเรา ทั้งชื่อเสียง อิทธิพล และภาพลักษณ์ที่ดี
กองที่ 4 คือ เงิน 15% สำหรับลงทุนในความรู้
เราควรใช้เงินในกองนี้สำหรับการซื้อหนังสือ หรือการลงคอร์สเรียนต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความรู้ และคุณค่าให้กับตัวเรา
เพราะคุณลี กาชิง มองว่า หากเรามีเงินน้อย เราก็ยิ่งต้องขยัน และไม่หยุดที่จะเรียนรู้
ยิ่งไปกว่านั้น การเข้าคอร์สเรียนต่าง ๆ ยังช่วยให้เรา
พบปะกับเพื่อนใหม่ ที่มีความคิดคล้าย ๆ กันอีกด้วย
กองที่ 5 คือ เงิน 10% สำหรับท่องเที่ยว
เราควรออกเดินทางท่องเที่ยวอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และถ้าเป็นไปได้ ก็ควรไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะการท่องเที่ยว จะช่วยเปิดโลกกว้างให้กับเรา
และการท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ก็อาจทำให้เรามองเห็นโอกาส หรือไอเดีย ที่จะสามารถนำไปใช้ต่อยอด เพื่อพัฒนาทั้งแนวคิด ธุรกิจ และการลงทุนของเรา
1
นอกจากนั้น การท่องเที่ยวยังช่วยเยียวยาจิตใจ และเติมพลังให้เรามีแรงในการทำงานต่อไปอีกด้วย
กล่าวโดยสรุปแล้วก็คือ คุณลี กาชิง แนะนำให้เราแบ่งเงินไว้ 5 กอง สำหรับใช้จ่ายใน 5 ด้าน คือ
1
กองที่ 1 คือ แบ่งเงิน 30% ไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
กองที่ 2 คือ แบ่งเงิน 25% ไว้ลงทุนด้านการเงิน
กองที่ 3 คือ แบ่งเงิน 20% ไว้ใช้จ่ายสำหรับสร้างคอนเน็กชัน
กองที่ 4 คือ แบ่งเงิน 15% ไว้ลงทุนในความรู้
กองที่ 5 คือ แบ่งเงิน 10% ไว้ใช้จ่ายสำหรับท่องเที่ยว
3
ซึ่งคุณลี กาชิง ก็บอกด้วยว่า หากเราสามารถบริหารเงินทั้ง 5 กอง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เราก็จะมีสุขภาพที่ดี มีชีวิตมั่นคง มีเพื่อนที่ดี มีความรู้ และมีพลังในการทำงานต่อไป..
โฆษณา