ตามรายงานจาก The State of Fashion 2023 โดยบริษัท McKinsey & Company พบว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกายเผชิญกับความท้าทายในการต่อสู้กับสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่ส่งผลให้ปริมาณการค้าปลีกลดลงและห่วงโซ่อุปทานต้องหยุดชะงัก แม้ว่าวิกฤตโควิดจะคลี่คลายลง แต่ในปัจจุบันอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกายก็ยังคงเผชิญกับอุปสรรคและข้อจำกัดอีกหลายประการ อาทิ ผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ ผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ลดลง
อย่างไรก็ตามในขณะที่ผู้บริโภคเรียกร้องและมีความต้องการเครื่องแต่งกายที่ยั่งยืนมากขึ้น แบรนด์ต่างๆ ถึงแม้ต้องการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากแค่ไหน แต่จากข้อมูลของ the market research firm Global Data บริษัทวิจัยตลาดและอุตสาหกรรมพบว่า แบรนด์เหล่านี้ต้องถูกจำกัดด้วยต้นทุนที่มีราคาสูง
โควิด-19 ได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและบทบาทของโลกดิจิทัลในการดำเนินชีวิตในประเทศต่างๆ เช่น ประเทศจีน มีการจัดแฟชั่นโชว์ออนไลน์และการ Live Stream ที่แพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยุคดิจิทัลยังช่วยให้แบรนด์เครื่องแต่งกายสามารถดำเนินกิจการได้เมื่อเผชิญกับการล็อกดาวน์และการขาดแคลนพนักงาน
จากรายงานของ Digital Transformation in Fashion: Lessons from China ผ่าน Euromonitor International พบว่าเมื่อปี 2022 จากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ประเทศจีนต้องปิดประเทศ ผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก และแบรนด์ต่างก็ตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลที่นำไปสู่ความคล่องตัวของธุรกิจ ส่งผลให้เกิดการลงทุนใน AI และเทคโนโลยีอื่นๆเพื่อช่วยในการดำเนินงานของธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การกำหนดราคา การจัดการสต็อกแบบเรียลไทม์และแม้แต่การผลิตตามความต้องการของฐานลูกค้า